'เลขา กกต.'ยันทำหน้าที่คุมเลือก สว.ตามกฎหมาย แจงผู้สมัครนำโพยเข้าสถานที่เลือกได้มาจากคำวินิจฉัยศาลปกครอง ยันระงับยับยั้งห้ามนำโพยเข้ารอบเลือกไขว้ ย้ำทำสำนวนไม่ล่าช้า อยู่ในกรอบ 1 ปี เล็งส่ง 60 สำนวนเข้า กกต. เตรียมเปิดสำนวนคำร้องเลขา กกต.วันนี้ทางแอปสมาร์ทโหวต
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวรายงานในพิธีเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลเมืองในสถานศึกษา และบรรยายพิเศษแนวทางการขับเคลื่อนกิจกรรมสร้างพลเมืองในสถานศึกษา ณ ห้องวายุภักษ์ 3 - 4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
โดยนายแสวง กล่าวถึงกรณีที่ถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ในการกำกับดูแลการจัดการเลือก สว.2567 ว่าตามที่สังคมเรียกกระบวนการดังกล่าวว่าฮั้วหรือสมยอม ซึ่งก่อนการเลือก สว.กกตได้ออกระเบียบให้แนะนำตัวเฉพาะทางเอกสาร ผู้สมัครไม่สามารถพูดคุยหรือขอคะแนนกันเองได้ และห้ามนำเอกสารเข้าสถานที่เลือก แต่ในท้ายที่สุดศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ยกเลิกระเบียบดังกล่าว ดังนั้นผู้สมัครทุกคนจึงมีเสรีภาพตามคำพิพากษาศาลในการแนะนำตัวและนำเอกสารเข้าสถานที่เลือก
นายแสวง กล่าวต่อว่า เมื่อถามว่า กกต.ไม่ระงับยับยั้งเหตุการณ์ในวันที่มีการเลือกระดับประเทศ ซึ่งศาลชี้เอาไว้ว่าสิ่งที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย กกต.ไม่สามารถจะกระทำอันใดได้ โดยในวันเลือก กกต.ได้วางมาตรการป้องกันที่อาจจะเกิดเหตุไม่สุจริตและเที่ยงธรรม มีการตั้งโต๊ะรับเรื่องคัดค้านกรณีที่มีการเห็นว่าอาจจะมีการกระทำที่ผิดปกติ ยืนยันการปฏิบัติหน้าที่สามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ ซึ่งในกรณีนี้มีคำร้อง กกต.มีคำวินิจฉัยแล้วและจะเผยแพร่คำวินิจฉัยในแอปพลิเคชั่น Smart Vote วันนี้
ส่วนข้อสังเกตการทำงานของ กกต.ในการตรวจสอบสำนวนล่าช้า นายแสวง กล่าวว่า มีสำนวน 577 เรื่อง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ กกต. ได้พิจารณาเสร็จสิ้นไปแล้ว 319 เรื่อง พร้อมอธิบายว่าสำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาใน 2 ชั้น เรียกว่า 3+2 โดย 3 คือสำนวนปกติ ซึ่งเป็นสำนวนเกี่ยวกับคุณสมบัติทั้งสิ้น ส่วน 2 คือสำนวนพิเศษที่ตั้งรองเลขาธิการ กกต.กับตำรวจ ขึ้นมาดูแลเรื่องฮั้ว กับอีก 1 คณะที่ตั้งล่าสุด 2 คณะ โดยคณะแรกดูเรื่องสำนวนฮั้วทั้งหมด ส่วนคณะที่ 2 ดูเรื่องฮั้วที่รับมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในชั้นสอบสวนเหลือแค่นี้
ขณะที่ในชั้นสำนักงานฯ มี 77 เรื่อง คือ สรุปสำนวน และทำความเห็นโดยเลขาธิการ กกต. ซึ่งเลขา กกต.ก็ไม่ได้ทำสำนวนเองทุกสำนวน เพราะเป็นหน้าที่ของรองเลขาธิการ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน เป็นผู้ทำความเห็น ขณะที่สำนวนนอกจากนั้นส่งไปให้คณะอนุวินิจฉัย 105 สำนวน และมีสำนวนที่อยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กกต. 60 สำนวน เลขา กกต.มีหน้าที่เร่งรัดหากต้องทำสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
เลขา กกต. ยังชี้แจงย้ำว่า ผู้สมัครสามารถนำโพยเข้าไปได้ สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลปกครอง และในทางปฏิบัติเมื่อมีโพยเข้าไปในสถานที่เลือกนั้นศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่มีความผิด แต่ว่าเหตุของการเกิดโพย อาจเป็นความผิดได้ เป็นอีกการกระทำหนึ่ง
"โพยอาจเป็นเรื่องของผู้มีสิทธิเลือกหรือบันทึกช่วยจำ เขาศึกษาจากเอกสารแนะนำตัว สว.3 เพราะการเลือกไม่ได้กากบาทเหมือนกับเลือกตั้งสส. หมายเลขต้องเขียนเอง เลือกรอบแรกต้องเขียน 40 คน ซึ่งบางคนอาจจะจำไม่ได้ มาจากต่างจังหวัด ศาลคงเห็นตรงนี้ ถึงยกเลิกระเบียบ กกต. และให้สามารถนำเอกสารเข้าไปได้" นายแสวง กล่าว
นายแสวง กล่าวว่า เมื่อถามว่า กกต.ไม่ได้ระงับยับยั้งว่า อำนาจนั้นไม่ใช่อำนาจของเลขาธิการ กกต. โดยเป็นอำนาจของ กกต. และศาลชี้ว่าการใช้อำนาจระงับยับยั้งต้องมีมูลฐานข้อเท็จจริง มีหลักฐานอันควรสงสัย หรือมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าโพยนั้นเกิดจากการกระทำผิดหรือไม่ การกระทำผิดจากโพยเกิดจากข้างนอก ต้องมีหลักฐาน ซึ่งในวันเลือกช่วงเช้าไม่มีใครรู้จักโพย และ กกต.ก็ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง จากนั้นมีคนสงสัยว่าอาจมีโพย ทำให้การเลือกไม่สุจริต ซึ่งกกต. ก็ระงับยับยั้งโดยให้เลขาธิการ กกต. ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์โดยประกาศว่าห้ามนำเอกสารเข้าไปในสถานที่เลือกในช่วงบ่ายหรือรอบเลือกไขว้
เมื่อถามว่ากลุ่ม สว.สำรองอ้างว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งได้รับข้อมูลในวันเลือก สว.ว่ามีการทุจริตเลือก และได้แจ้งเลขาธิการ กกต.แล้ว นายแสวง กล่าวย้ำว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ดูในคำวินิจฉัยของ กกต.ที่จะเผยแพร่ในวันนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงจะบอกว่าใครให้การอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ นายแสวงปฏิเสธให้ความเห็นว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกสว.หรือไม่ เพียงแต่ย้ำว่า กกต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี