‘อุยกูร์’ปลอดภัยดี
‘บิ๊กอ้วน’ปิดจ๊อบ
โยนทูตไทยปักกิ่ง
ลุยเยี่ยมคนที่เหลือ
“ภูมิธรรม” พร้อมคณะบินกลับไทย หลังเสร็จภารกิจตามติดชีวิต 40 อุยกูร์ ขอบคุณรบ.จีนอำนวยความสะดวกให้ตลอดสองวัน สั่งทูตไทยประจำปักกิ่งเยี่ยมครอบครัวอุยกูร์ส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้ไป สร้างความมั่นใจไม่มีละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้าน ‘ทวี’ยันทุกคนปลอดภัยดี แต่ไม่ได้พบทุกคน เพราะอยู่คนละพื้นที่แต่ละเมืองห่างไกล ย้ำส่งกลับยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สวน‘กัณวีร์’ เป็นมุสลิมหรือเปล่า กล่าวหาผู้หญิงเข้าสวมกอด
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสื่อมวลชนพร้อมคณะ 25 คน ออกเดินทางกลับจากท่าอากาศยานคาซือ เขตปกครองตนเอง ซินเจียง เมื่อเวลา 20.30 วันที่ 20 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น และเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 03.30 น เช้าวันนี้ (21 มีนาคม)
นายจิรายุเปิดเผยว่า ก่อนเดินทางกลับผู้แทนรัฐบาลได้ประชุมสรุปผลการตรวจเยี่ยมชาวจีนที่เดินทางกลับจากไทย โดยนายภูมิธรรมกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่อำนวยความสะดวกตลอดเวลา 2 วัน โดยกล่าวว่าจากนี้รัฐบาลไทยจะมอบให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ได้ไปเยี่ยมกลุ่มคนที่เหลือหรือวิดีโอคอล เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการส่งชาวอุยกูร์กลับแผ่นดินเกิด ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไป
ทั้งนี้ ตลอดสองวันของภารกิจ วันที่หนึ่งทั้ง 2 คณะได้พบชาวอุยกูร์ที่บ้าน ในวันที่ 19 มีนาคม 4 คนคือ นายมูตาลิป, นายยาวุธ ราฟิท, นายซีเล็ค เคลโลล, นายอับดุล มาห์มุด และวีดีโอคอลอีก 3 คน คือ นายฮัมซะ หรืออับดุลฮาซัน, คนที่เดินทางกลับตอนปี 58 (ขอสงวนชื่อ) และนายเออเมอร์ รวมเป็น 7 คน
ส่วนวันที่ 20 มีนาคมทั้งสองคณะได้เข้าเยี่ยมอีก 2 คนคือ นาย มุสตาฟา และนายบาซัก อับดัชซาเม็ท นอกจากนี้ และได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ อีก 3 คนคือ นายมูฮัมหมัด อะมิน นายมูฮัมหมัด อัลดุลลา นายยูโซ๊ป รวมเป็น 12 คน และที่พบก่อนหน้านี้ ช่วงที่เลขาฯสมช. เดินทางมาพบอีก 3 คน รวมได้เยี่ยมพบ 15 คน แบ่งเป็นในปี 2568 จำนวน 14 คน และที่กลับปี 2558 จำนวน 1 คน
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมกล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับจีนโดยยืนยันว่า ยึดหลักความถูกต้อง ตามกฎหมายไทยและหลักสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญได้นำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ป้องกันการปราบปรามการซ้อมทรมานหรือการบังคับบุคคลสูญหาย มาพิจารณาร่วมด้วย
“การเดินทางไปของคณะถือเป็นการเยี่ยมเยือน แต่ในบทบาทรมว.ยุติธรรมดูพ.ร.บ.อุ้มหาย เราก็ต้องไป เพราะมีคนสงสัยว่า ถ้าส่งกลับไปเป็นการทรมานหรือไม่ เราจึงต้องไปดู แต่มณฑลซินเจียง ชาวอุยกูร์อยู่ในหลายเมืองเฉลี่ยกันไป การเดินทางต้องใช้เวลา ดังนั้น คณะจึงไปดูเท่าที่ดูได้ รัฐบาลจีนยืนยันว่า เราอยากดูที่ไหนก็ให้ไปดู ซึ่งไม่พบการถูกบังคับและสิ่งที่คณะฯและสื่อมวลชนได้เห็น เพราะเขาเปิดกว้าง ให้เราถามอย่างเสรี จีนเพียงจัดล่ามภาษาอุยกูร์และภาษาจีนให้เราเท่านั้น จึงยืนยันว่าเราทำถูกตามหลักกฎหมายไทยและหลักสิทธิมนุษยชน”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเจอเพียงบางคนจะสามารถตอบว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับไปปลอดภัยได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เขาเป็นประเทศอธิปไตยและเขาเปิดโอกาสให้เราเข้าไปเยี่ยมไปตรวจสอบ และเขาก็รับปากหลังจากนี้จะให้รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะเข้าไปดู จีนเป็นประเทศอยู่ในสหประชาชาติ เมื่อเขารับรอง ก็เป็นส่วนที่เชื่อมั่นได้
ถามว่าบางคนยังกังขาเราจะชี้แจงอย่างไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราคงชี้แจงให้เห็นว่าเราทำไปตามหลักสิทธิมนุษยชน แล้วตนก็ได้ถามกับตำรวจก่อนส่ง เขาก็เซ็นสมัครใจไปทุกคน ก็ครบทุกประเด็นแล้ว บางครั้งการนำเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยตัวเองอาจเชื่อแบบหนึ่ง ก็พูดได้ แต่อยากให้ตรวจสอบความเป็นจริง ซึ่งเท่าที่เราไปดูทุกคนก็ยิ้มแย้ม ที่สำคัญ คนที่เป็นพ่อแม่ ทุกคนพยายามโผเข้ากอดตน ที่เอาลูกเขามาคืน ส่วนลูกก็ดีใจ และมีคนหนึ่งที่มีลูก ลูกเขาโตแล้ว เขาก็ดีใจที่พ่อเขากลับมา และเราก็ได้ยืนยันแค่ว่าเราเคารพสิทธิ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
เมื่อถามว่าหลังถูกโจมตีเรื่องนี้ และเมื่อได้ไปดูสถานที่จริงทำให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า อยากให้แยกให้ออกทั้งอียูและสหรัฐฯในเรื่องการค้า เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจ เราคงเอามาเทียบกับความยิ่งใหญ่ของความยุติธรรมไม่ได้ ความยุติธรรมไม่ว่าคนตัวเล็กตัวน้อย หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราต้องให้คุณค่า
รมว.ยุติธรรมกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องที่บางประเทศไม่เข้าใจ กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ชี้แจง แต่ในส่วนกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า เราได้ทำตามกฎหมาย และเห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่ามีความสำคัญมีศักดิ์ศรี วันนี้เหมือนให้เขาไปมีชีวิตใหม่ ที่เขาอยู่ในห้องกักขังในประเทศไทยมา 11 ปี ในห้องมีพันกว่าคน จึงไม่อยากให้คำว่าสิทธิมนุษยชนหายไป แต่เอาความสะใจหรือ สร้างความเกลียดชังมาพูดเป็นสิ่งไม่ดี เพราะรัฐบาลไทยนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประโยชน์ของประเทศชาติ และส่วนรวม
ส่วนที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ตั้งข้อสังเกตเรื่องภาพผู้หญิงชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมมาโผกอดผู้ชายได้อย่างไร พ.ต.อ.ทวีย้อนถามว่า “คุณกัณวีร์ เป็นมุสลิมหรือเปล่า” การที่เขามาโผกอดเหมือนผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่มีอะไรต้องสงสัย ต้องถามสื่อที่ไปดีกว่า ส่วนการที่เข้ามาสวมกอดผู้ชายนั้น เราก็ป้องกันเต็มที่แล้ว แต่เขาต้องการเข้ามาแสดงความรู้สึกและร้องไห้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี