ปชน.เย้ยพท.ตั้งทีมพิทักษ์ข้อบังคับ
แค่บริวารในกงสี
หยันด้อยค่าภาวะผู้นำนายกฯ
เหมือนลูกคุณหนูไข่ในหิน
‘บิ๊กป้อม’ต่อคิวจ้อหลัง‘เท้ง’
‘ทสท.’ได้1ชม.ถล่ม‘กาสิโน’
“ทวี” พร้อมซัพพอร์ต ข้อมูลปม “ทักษิณ” ชั้น 14ให้ “นายกฯ” เย้ยเป็นเรื่องเก่า มั่นใจตอบได้หมด ไร้กังวล ยันไม่มี “ดีลแลกผลประโยชน์ประเทศ”กับ “ครอบครัวชินวัตร” ด้าน “วิโรจน์” ซัดวิปรบ.ต้นเหตุซักฟอกตีห้า เหน็บนายกฯลูกคุณหนู ทำเป็นอยู่ตี 5 ไม่ไหว ย้อนถามแล้วลูกจ้าง-ขรก.สภาล่ะแทนที่จะยืดวัน จะได้มีเวลาพักผ่อน มองทีมองครักษ์ข้อบังคับการประชุม ลูกสมุนในกงสี ด้อยค่าภาวะผู้นำนายกฯ จับตา “บิ๊กป้อม” ได้คิวลุกซักฟอก ต่อจาก “เท้ง” จั่วหัวภาพรวม ก่อนให้ สส.อภิปรายลงลึก “ไพบูลย์” เชื่อ ฝ่ายรบ.ให้เกียรติ ไม่เล่นเกมประท้วง
เมื่อวันที่ 21มีนาคม2568 ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ถ้ามีอะไรถูกพาดพิงก็ต้องชี้แจง หรือถ้ามีข้อเท็จจริงบางอย่างที่เราไม่รู้ เราก็ต้องตรวจสอบ หรือถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จริงก็ต้องชี้แจงเช่นกัน
เมื่อถามว่า กรณีการเข้ารักษาตัวที่ชั้น14โรงพยาบาลตำรวจของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเป้าที่จะต้องถูกอภิปรายแน่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว และเป็นเรื่องเดิม โดยขณะนี้เรื่องอยู่ในองค์กรอิสระ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ตรวจสอบแล้ว ผลออกมา คือ “ไม่ผิด” ส่วนคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็รับเรื่องไว้ไต่สวน เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะไปชี้แจง เท่าที่ทราบมีหลายหน่วยงานเข้าไปชี้แจงแล้ว ซึ่งกฎหมาย ป.ป.ช. เมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณา ก็ไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ ต้องเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดได้ คือ การชี้แจง ยืนยันว่าเราทำตามกฎหมาย สำหรับข้อมูลชั้น14 นอกจากนายกฯ ผมในฐานะรัฐมนตรี ก็สามารถชี้แจงได้ เพราะบางเรื่องรัฐมนตรีควรชี้แจงเอง แต่จะทำสรุปประเด็นส่งให้นายกฯ ด้วย ยืนยันว่า ไม่กังวล และผมมองว่าการถูกอภิปราย ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบ เพราะยู่กับข้อมูล ถ้ารัฐบาลนั้นไม่ทุจริต
‘ทวี’มั่นใจ’อิ๊งค์-รมต.’ตอบได้หมด
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งประเด็นว่า ดีลแลกประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวชินวัตร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ดูได้เลยว่าที่ผ่านมาใครคิดถึงประโยชน์ของประชาชน คิดถึงคนเป็นหนี้สิน แต่พอรัฐบาลแก้ปัญหา ก็มีคนออกมาโวยวาย แบบนี้คุณไม่เห็นใจประชาชน และตนเชื่อว่า การอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลตอบคำถามได้ทั้งหมด และยึดในคติว่ารัฐบาลอยู่รับใช้ประชาชนไม่ใช่ประชาชนอยู่รับใช้รัฐบาล และตนเห็นว่า ฝ่ายค้านเมื่อเห็นคนที่ได้รับการช่วยเหลือ แล้วออกมาโวยวายดิ้นรนเพื่อจะทำลาย เชื่อว่าประชาชนก็จะต้องได้รับรู้ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการแลกผลประโยชน์ประเทศเพื่อครอบครัวชินวัตรเลยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “ไม่มี” เป็นการเปลี่ยนประเทศให้เจริญขึ้น
‘บิ๊กป้อม’ได้คิวจ้อต่อจากผู้นำฝ่ายค้าน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมผู้อภิปรายไว้ 5 คน ในจำนวนนี้มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วย โดยได้รับการจัดสรรเวลาทั้งหมด 2ชั่วโมง ส่วนเวลาที่ พล.อ.ประวิตร จะใช้นั้น แล้วแต่ท่าน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ท่านเตรียม โดยเป็นการอภิปรายภาพรวมในประเด็นสำคัญ คงไม่ใช้เวลามากเท่ากับ สส.ที่จะลงลึกเป็นรายประเด็น ส่วนคิวการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร นั้น จะเป็นคิวต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพล.อ.ประวิตร อภิปรายแล้วถูกฝ่ายรัฐบาลประท้วงขัดจังหวะ ต้องเตรียมองครักษ์ไว้ช่วยแก้เกมหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ อภิปรายในญัตติอยู่แล้ว เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลไม่มีปัญหา จะให้เกียรติท่าน และไม่มีเหตุให้ประท้วง ท่านเป็นผู้ใหญ่ดูข้อบังคับการประชุมโดยละเอียดอยู่แล้ว
ปชน.เย้ย20องครักษ์แค่บริวารในกงสี
ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว รอดีเดย์อย่างเดียว ไม่ได้หวั่นอะไร ทุกอย่างพร้อมมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว ซึ่งทีเด็ดของเรายังอยู่ที่เนื้อหาสาระที่ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานที่ต้องการให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงด้วยตัวเอง “หลายประเด็นที่เขาเก็งข้อสอบ บอกว่าข้อสอบรั่ว บางทีในฐานะคนออกข้อสอบมันก็อมยิ้มอยู่ลึกๆ ครับ เราออกข้อสอบถามลูก แต่คนเก็ง เก็งว่าเราไปถามพ่อ แต่เรายืนยันว่าเราถามลูก และเราก็หวังว่าลูกจะตอบด้วยตัวเอง สิ่งที่เรากลัวในวันนี้คือระหว่างทำข้อสอบ ลูกจะแอบโทรศัพท์ไปถามพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่น่าจะตอบได้อีก ทุจริตข้อสอบ พ่อก็พยายามจะยิงคำตอบมาให้ แต่ก็ต้องยืนยันว่าเราถามลูก ไม่ได้ถามพ่อ” นายวิโรจน์กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยตั้งองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุมเต็มคณะ20คน สะท้อนอะไร นายวิโรจน์กล่าวว่าเขาคงต้องกระวีกระวาดแหละ คุณหนู ลูกนายใหญ่ใช่ไหม พวกเหล่าบรรดาลูกสมุน บรรดาบริวารในกงสีก็ต้องออกมาทำคะแนนเนอะใช่หรือไม่ก็เป็นเรื่องธรรมดา มันก็ยิ่งทำให้ด้อยค่าภาวะผู้นำของตัวนายกรัฐมนตรีก็เหมือนกับลูกคุณหนูไข่ในหินอะไรอย่างนี้ต้องมีพี่เลี้ยงคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอก เช็ดปากตลอดเวลาอะไรอย่างนี้
ไม่สนใจแก้ปัญหา’ปลาหมอคางดำ’
นายวิโรจน์ ยังฝากไปถึงทีมองครักษ์ว่า ให้แม่นข้อบังคับการประชุมหน่อย ข้อ 177 นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนตอบข้อชี้แจงเอง ต้องย้ำตรงนี้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจคนที่มีหน้าที่ชี้แจงคือฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริวารอย่าเข้ามายุ่ง เมื่อถามถึงดราม่าการใช้คำแรงวันที่ไปเรียกร้องให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหมอคางดำ จนทำให้ฝั่งรัฐบาลมองว่าไม่มีกาลเทศะ นายวิโรจน์กล่าวว่า ดูสิ ก็ตายยกรังเลย เห็นไหม เรื่องนี้เป็นความจงใจ เป็นเจตนาของพรรคเพื่อไทยที่จะหยิบเล็กหยิบน้อย จับจดกับเรื่องเล็กๆ ในห้วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน คนอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แทนที่จะมารับเรื่องร้องเรียน มาฟังความทุกข์ร้อนจากประชาชนที่เขาสิ้นเนื้อประดาตัวจากปัญหาปลาหมอคางดำ แต่กลับเดินเล่นในสวน รับช่อดอกไม้จากนายทุน เขาพยายามจะปิดข้อเท็จจริงที่น่าอดสูอย่างนี้ ตนมั่นใจว่าคนมากกว่าครึ่งประเทศ มากกว่า 70-80% ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้รู้สึกว่าคำที่ตนพูดไม่เหมาะสม เพราะใช้วลีนี้เป็นเรื่องสามัญไปแล้ว
ไม่อยู่ตี5เห็นแก่ตัว-มุ่งความสบาย
นายวิโรจน์ ยังฝากถึงนายกฯว่า ที่เคยเปรยเอาไว้ว่าตีห้าอยู่ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ไหว ตนอยากจะบอกว่าตีห้านี้ไม่เคยเป็นดำริ หรือความคิดของฝ่ายค้าน จำนวนเวลา 30 ชั่วโมงที่เสนอไปเราพยายามกระจายเวลาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกินเวลาเที่ยงคืน เพื่อให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง คนตัวเล็กตัวน้อยได้กลับไปพักผ่อน นายกฯครับ แพทองธาร ในประเทศนี้ คุณคนเดียวเหรอที่มีลูก คุณคนเดียวเหรอที่มีครอบครัว บางคนที่เขายังไม่มีลูกเขาก็มีพ่อแม่ที่ต้องกลับไปดูแล แล้วคุณให้วิปรัฐบาลมาเสนอตีห้า โดยที่คุณไม่อยู่ ไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกจ้าง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ทำงานได้อย่างไร นี่ไง พฤติกรรมที่เอาแต่ความสบายของตัวเอง เห็นแก่ตัว
‘บิ๊กป้อม’ได้คิวลุยถล่มต่อจาก’เท้ง’
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรค พปชร. เตรียมผู้อภิปรายไว้ 5 คน ในจำนวนนี้มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.ด้วย และได้รับการจัดสรรเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่ พล.อ.ประวิตร จะใช้นั้น แล้วแต่ท่าน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ท่านเตรียม โดยเป็นการอภิปรายภาพรวมในประเด็นสำคัญ คงไม่ใช้เวลามากเท่ากับ สส.ที่จะลงลึกเป็นรายประเด็น ส่วนคิวการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร นั้น จะเป็นคิวต่อจาก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พล.อ.ประวิตร อภิปรายแล้วถูกฝ่ายรัฐบาลประท้วงขัดจังหวะ ต้องเตรียมองครักษ์ไว้ช่วยแก้เกมหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ อภิปรายในญัตติอยู่แล้ว เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลไม่มีปัญหา จะให้เกียรติท่าน และไม่มีเหตุให้ประท้วง ท่านเป็นผู้ใหญ่ดูข้อบังคับการประชุมโดยละเอียดอยู่แล้ว
‘หญิงหน่อย’จี้ปปช.เช็คบิล’สส.งูเห่า’
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีพรรคยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรง สส.ที่ฝ่าฝืนมติพรรคและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางการเมือง และกรณีที่พรรคไทยสร้างไทย ขอให้ตรวจสอบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเอื้อประโยชน์ให้เอกชนโดยการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคไทยสร้างไทยได้โควต้า ส.ส.1คน กับเวลาอีกราว 50นาที ถึง1ชั่วโมงในการอภิปราย โดยมีการเตรียมข้อมูลซักซ้อมกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่า มี สส.ของพรรคที่อาจจะโหวตสวนมติพรรคในการอภิปรายนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จะเก็บไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมไปเรื่อยๆในการยื่นสอบจริยธรรม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานให้ทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยต่อไปไม่ควรเกิดพฤติกรรมแบบนี้
แนะนายกฯอยู่ฟังซักฟอกจนจบ
เมื่อถามถึงระยะเวลาการอภิปรายที่ลากยาวจนถึงช่วงเช้ามืด คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็น รมช.มหาดไทย ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอีกครั้งเมื่อสมัยเป็น ส.ส.ในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ในทั้งสองครั้งที่ผ่านมา มีการกำหนดระยะเวลาในการอภิปราย 3วัน ลงมติอีก 1วัน รวมเป็น 4วัน โดยอดีตนายกฯให้เกียรติในที่ประชุม อยู่ร่วมฟัง ตอบคำถามของฝ่ายค้านทุกข้อด้วยตนเอง แม้เวลาจะล่วงถึง 03.00น.ครั้งนี้ตนเห็นว่าควรให้เวลาฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่างน้อยควรใช้บรรทัดฐานในอดีต การบีบเวลาไปถึงตี4ตี5 คุณภาพคนอภิปรายก็ไม่ไหว คนฟังก็ฟังไม่ได้ คุณภาพการตรวจสอบก็ด้อยลง ซึ่งหากรัฐบาลมั่นใจจริง ก็ควรเปิดเวลาได้ตรวจสอบ จะทำให้สังคมไม่เกิดคำถามแบบนี้ แต่เมื่อมีการตกลงกันอย่างนี้ ก็เชิญชวนพี่น้องประชาชนอดตาหลับขับตานอน ช่วยกันฟังการอภิปราย ซึ่งตนอยากฝากว่าถ้านายกฯ พิสูจน์ตัวเอง ยืนตอบคำถามเหมือน นายบรรหาร หรือ พล.อ.ชวลิต ก็คิดว่าจะทำให้คะแนนนิยมดีขึ้น
ทสท.ค้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ฯอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การอภิปรายจะเกี่ยวข้องกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการพนันออนไลน์หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไทยสร้างไทยเป็นพรรคที่มีจุดยืนชัดเจนในการทำการเมืองสุจริต ค้านพนันออนไลน์ 100เปอร์เซ็นต์ ส่วนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถ้าอยากทำจริง ก็ลองให้รัฐเป็นตัวแทนในการทำสักที่หนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่พรรคเราที่ตายคนเดียว เพราะยังมีพรรคอื่นร่วมด้วย ส่วนจะสะเทือนรัฐบาลหรือไม่นั้น ขอให้นำความจริงมาพูดดีกว่า มีข้อเท็จจริงมาให้นายกรัฐมนตรีฟัง เพื่อหวังว่าจะให้เปลี่ยนใจกับโครงการดังกล่าว
เลขาธิการสภาฯยันขีดชื่อ‘แม้ว’ทำได้
ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯอาจถูกเลื่อนออกไป ไม่สามารถดำเนินการตามญัตติที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุไว้ เนื่องจากมีการตรวจสอบพบญัตติของฝ่ายค้านมีปัญหาเรื่องความถูกต้อง จากการแค่เพียงขีดฆ่าชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วเปลี่ยนเป็น”บุคคลในครอบครัว”แล้วเซ็นกำกับโดยผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ว่า วานนี้ (20 มี.ค) มีหนังสือจากสมาชิกที่เห็นต่างรายหนึ่งส่งถึงประธานสภาฯ เพื่อแจ้งข้อห่วงใยในเรื่องดังกล่าวว่าจะผิดข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมองว่ากรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นญัตติที่เสนอตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทุกคนจึงมีสถานะเป็นผู้เสนอร่วมกันในจำนวนผู้เสนอ แตกต่างจากญัตติทั่วไปที่ไม่ได้มีการรับรองลายมือชื่อ สมาชิกคนดังกล่าวที่ห่วงใยจึงมองเทียบเคียงกับกรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่ถือเป็นญัตติอย่างหนึ่งที่มีผลทางกฎหมาย มีข้อบังคับข้อ 112 กำหนดชัดว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ต้องเป็นการแก้ไขโดยผู้เสนอจะต้องมีการรับรองลายมือชื่อจากผู้เสนอทุกคน
เพราะประธานสภาเป็นคนแนะให้แก้
“แต่ในตัวญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้กำหนดไว้ในลักษณะแบบนี้ ต่างจากร่าง พ.ร.บ.ที่ต้องมีชื่อผู้รับรองในกรณีมีการแก้ไข ทางสำนักการประชุมฯ จึงได้นำเสนอความเห็นเรียนประธานฯ ยืนยันในความถูกต้อง หากย้อนหลังไปในวันที่ประธานฯ ประชุมกับผู้นำฝ่ายค้านฯ เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขญัตติ ผู้นำฝ่ายค้าน ได้สอบถามประเด็นดังกล่าวต่อประธานฯ ว่าจะดำเนินการแก้ไขในลักษณะเดียวกับเมื่อยุคของ นายชวน หลักภัย เป็นประธานสภาฯ เคยดำเนินการ คือมีหนังสือนำยืนยันว่าไม่มีข้อบกพร่องในญัตติ แต่ขอแก้ไขเพื่อให้การประชุมผ่านพ้นไปได้ และแก้ไขตัวญัตติในลักษณะเดียวกันกับที่เคยดำเนินการในยุคนายชวนได้หรือไม่ สำนักการประชุมฯยืนยันในวันนั้นว่า สามารถดำเนินการได้ ถ้าเป็นกรณีของญัตติ ไม่ใช่การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.แม้ว่าจะเป็นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา151 ที่แตกต่างจากญัตติทั่วไป แต่ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า จะต้องแก้ไขและมีชื่อผู้รับรอง หากจะนำมาเทียบเคียงกับข้อบังคับข้อ112 ก็ไม่ตรง เพราะเป็นกรณีสมาชิกเสนอแก้ไข แต่ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ขอแก้ไขเป็นกรณีที่ประธานสภาฯ ขอให้แก้ไข จะตรงกับข้อบังคับข้อ111มากกว่า ดังนั้น สำนักการประชุมฯ ยืนยันว่าดำเนินการด้วยความถูกต้องชอบด้วยข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ” เลขาฯ สภาฯ กล่าว
เดินหน้าเปิดซักฟอกได้ตามกำหนดเดิม
ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าวต่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์ที่ถึงนี้ดำเนินการได้ตามปกติ แต่ถ้าในการประชุมมีสมาชิกลุกขึ้นท้วงติง ทางประธานฯ และสำนักการประชุมฯจะชี้แจงเพื่อยืนยันความถูกต้องในการแก้ไขญัตติของผู้นำฝ่ายค้านฯ รวมถึงการอนุญาตให้บรรจุระเบียบวาระการประชุม ส่วนจะมีปัญหาในการอภิปรายหรือไม่นั้น ต้องไปดูว่าจะมีสมาชิกนำเรื่องนี้มาท้วงติงหรือไม่ ทางสำนักการประชุมฯ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการที่อยู่ในการดำเนินการระหว่างประธานฯกับผู้นำฝ่ายค้านฯในการแก้ไขข้อบกพร่องของญัตติ หากสมาชิกมีข้อสงสัย ก็มีกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองว่าประธานใช้ดุลยพินิจใช้อำนาจถูกต้องหรือไม่ เมื่อถามถึงกรณีเมื่อครั้งที่ นายอุดมเดช รัตนเสถียร สส.ในขณะนั้น สับเปลี่ยนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่เสนอต่อประธานรัฐสภา โดยไม่มีสมาชิกลงชื่อรับรอง จนเกิดเป็นคดีฟ้องร้องต่อศาลฯ เลขาฯ สภาฯ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นที่มาที่ทำให้เกิดการแก้ไขข้อบังคับข้อ 112 ที่ได้มากำหนดไว้ว่าหากมีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ในสาระสำคัญซึ่งเป็นการแก้ไขของสมาชิกต้องมีสมาชิกร่วมลงชื่อรับรอง แต่กรณีการโต้แย้งดังกล่าวเป็นการนำการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.มาเทียบเคียงกับการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้เกิดข้อกังวลขึ้น ซึ่งจะนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ เพราะข้อบังคับเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้กำหนดไว้ เป็นเพียงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่คณะรัฐมนตรีจะต้องมาชี้แจงแก้ไข แต่ร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายที่จะไปบังคับใช้กับประชาชนในสิ่งที่เกิดขึ้น มันซับซ้อนกว่า
‘เทพไท’กาง‘ดีลลับ’แลกประเทศ5ข้อ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาผ่านเฟซบุ๊ก“เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “ตอบคำถาม อุ๊งอิ๊งดีลแลกประเทศ ชินวัตรได้อะไร” ระบุว่า...เมื่อนักข่าวถาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าดีลแลกประเทศครั้งนี้ คือเอาผลประโยชน์ของประเทศไปแลกกับตระกูลชินวัตร มีความคิดเห็นอย่างไร จนนางสาวแพทองธาร ถามกลับว่า ”ตระกูลชินวัตรได้อะไร หากจะบอกว่าได้นายทักษิณกลับมา คงเป็นเรื่องนี้ เรื่องนี้เดียวตลอดไป จะมามองว่าทำเรื่องอะไร ก็เป็นดีลแลกประเทศไปเสียหมด อยากขอใช้เหตุผลบ้าง อย่าใช้แต่อารมณ์“ เมื่อนางสาวแพทองธารถามกลับว่า ตระกูลชินวัตรได้อะไร ด้วยความไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ แต่ผมอยากจะตอบให้นางสาวแพทองธารได้เข้าใจว่า ตระกูลชินวัตรได้อะไรบ้าง และที่บอกว่าได้นายทักษิณกลับมา คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวตลอดไปนั้น ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากจริง เพราะ 1.ตระกูลชินวัตรได้นายทักษิณกลับมา แบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว อยู่เหนือกฎหมาย เป็นอภิสิทธิ์ชน หรือที่นางสาวแพทองธารเคยบอกว่า เป็นเทวดาจนคนเข้าใจว่า เป็นนักโทษเทวดาที่สิงสถิตอยู่ชั้น14โรงพยาบาลตำรวจตัวจริง
2.พรรคเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตรได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่เป็นพรรคอันดับ2 แต่เมื่อมีดีลลับกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม จึงได้มีโอกาสกลับเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยการโหวตสนับสนุนของสมาชิกวุฒิสภาสาย คสช.ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งใกล้ชิดกับครอบครัวชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมโหวตให้พรรคก้าวไกล ซึ่งชนะเป็นอันดับ1ได้เป็นรัฐบาล จนพรรคเพื่อไทยต้องหักหลัง ฉีกMOUกับพรรคก้าวไกล กระโดดข้ามขั้วมาจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม 3.คนในครอบครัวชินวัตรได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ เป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลชินวัตร ที่มีนายกรัฐมนตรีมากถึง3คน และนางสาวแพทองธาร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 4.เมื่อนายทักษิณได้กลับประเทศไทยภายใต้การดีลลับ หรือที่เรียกกันว่าดีลแลกประเทศ ก็ได้แสดงบทบาททางการเมืองเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลชุดนี้ เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ สามารถกระชับอำนาจรัฐทุกภาคส่วน มาอยู่ภายใต้อำนาจของการจัดการของนายทักษิณแต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านเศรษฐกิจ เครือข่ายธุรกิจของตระกูลชินวัตร และการเมืองของประเทศ 5.ยังมีดีลลับ หรือดีลแลกประเทศ ที่ยังรอปิดดีลอยู่อีกเงื่อนไขหนึ่ง นั่นก็คือการนำคนในตระกูลชินวัตร ที่กำลังหนีคดี คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวเช่นกัน จะกลับเข้ามาในสถานะของนักโทษนางฟ้า ที่ยิ่งกว่านักโทษเทวดาโมเดล เสียอีก ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่ส่งให้นางสาวแพทองธาร ได้ตาสว่าง จะได้รับรู้ว่า การมีดีลลับหรือดีลแลกประเทศ ตระกูลชินวัตรได้อะไรบ้าง
‘สมชัย’ชี้6ข้ออภิปรายตีห้าใครเดือดร้อน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊ก“ปั่นไปไหน-สมชัย ศรีสุทธิยากร” หัวข้อ “อภิปรายตีห้า ใครท่าจะเดือดร้อน” ระบุว่า...1.สส.ฝ่ายค้าน ที่ได้คิวอภิปรายในช่วงหลังเที่ยงคืน คงพูดกับท่านประธานสองคน และมี สส.พรรคเดียวกัน นั่งให้กำลังใจในกรอบกล้องที่ถ่ายทอด ส่วนที่เหลือรวมทั้งนายก เขากลับบ้านพักผ่อน 2.ตากล้องของสื่อมวลชน ที่ต้องตั้งกล้องบันทึก คงเดือดร้อนอยู่แต่น่าจะไม่มาก เพราะแค่คอยเปลี่ยนมุมกล้องเป็นพักๆ3.ข้าราชการทุกกระทรวง อย่างน้อยกระทรวงละ 30-40 คนที่ยังต้องจัดเวรมาคอยบันทึกประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายและหาข้อมูลเพื่อตอบโต้ อันนี้เดือดร้อนหนัก 4. เจ้าหน้าที่สภา ยาม แม่บ้าน คนครัว ที่ต้องดูแล อำนวยความสะดวกต่างๆ นี่ก็เดือดร้อน แต่นานทีปีหนคงไม่เป็นไร 5. ทีมรายงานข่าวสื่อมวลชน ที่ต้องเก็บประเด็นเด็ดและมานำเสนอให้ทันในช่วงข่าวเช้า นี่ก็เดือดร้อน 6. แต่คนที่เดือดร้อนและเป็นเดือดเป็นแค้น คงเป็นประชาชนที่คงคิดว่า เรามาอยู่ในประเทศที่ สส. เขาขยันกันแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน และสักแต่จะอภิปรายให้ครบชั่วโมงโดยไม่สนสี่สนห้าว่าเป็นเวลานอนชาวบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี