ฝ่ายค้านแย้มแผนถล่มนายกฯ‘อิ๊งค์’
ยุทธการโรยเกลือ!
โวข้อมูลหลักฐานเอาผิดได้
ประธานวิปรัฐบาลขู่กลับ
ใช้เวลาเกินชงปิดอภิปราย
ภาวนาให้ลุงป้อมมีแรงพูด
พรรคฝ่ายค้านนวดน้ำมันรอขึ้นเวทีถล่ม “อุ๊งอิ๊งค์” ด้าน สส.รังสิมันต์ โรม หัวหมู่ทะลวงฟัน โวมีข้อมูลเด็ดพร้อมแย้มยุทธการ “โรยเกลือ” เอาผิดนายกฯ อยู่หมัด ขณะที่ ด้านนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ โพสต์ภาพหัวเราะชื่นมื่นกับแกนนำรัฐบาลไม่ได้สนกรณีฝ่ายค้านกำลังตรวจสอบประธานวิปรัฐบาล ขู่กลับฝ่ายค้าน หากใช้เวลาเกิน เสนอปิดอภิปรายทันที เย้ย “ลุงป้อม”ขอให้มีแรงอภิปราย ทั้งดักคอ “เฉลิม” อย่าขึ้นเวที
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการเตรียมตัวการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคมที่จะถึงนี้ว่า ขออนุญาต อาจจะไม่สามารถระบุเรื่องใด เรื่องหนึ่งได้
“แต่ยืนยันว่าในทุกเรื่องที่เป็นความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงความล้มเหลวแก้ปัญหาต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เป็นเรื่องที่เราสามารถหยิบขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทั้งสิ้น และการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือเรื่องที่เป็นปัญหาที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งความล้มเหลวนี้ ไม่ได้อยู่ที่พวกเรา แต่ความล้มเหลวนี้อยู่ที่ตัวท่าน ดังนั้นทุกเรื่องทั้งมิติความมั่นคง การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาเศรษฐกิจเรื่องเหล่านี้เราก็สามารถหยิบเอามาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้”นายรังสิมันต์ ย้ำ
จัดขุนพลเต็มสูบ-ยุทธการ‘โรยเกลือ’
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันที่ 24 มี.ค.เป็นวันที่เราเตรียมขุนพลเอาไว้มากมายในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเริ่มต้นจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯในการอ่านญัตติ และหลังจากนั้นมีอีกหลายท่านที่อภิปราย ตนคิดว่าหลายส่วนเราค่อนข้างมั่นใจในเรื่องพยานเอกสาร พยานหลักฐานต่างๆ ไว้วางใจ และหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วก็จะมีการยุทธการ‘โรยเกลือ’ซึ่งครั้งนี้ การโรยเกลือของเรา หลังจากที่เราเปิดเอกสารที่ค่อนข้างมั่นใจว่าเอาผิดได้แน่นอน ยุทธการนี้จะเป็นการดำเนินการทางกฎหมายต่อไปกับทางนายกรัฐมนตรี
ยังไม่เฟิร์ม‘บิ๊กป้อม’อภิปรายต่อ‘เท้ง’
เมื่อถามว่าต้องส่งรายชื่อผู้อภิปรายให้พรรคประชาชนหรือไม่ว่ามีใครบ้าง นายรังสิมันต์กล่าวว่า “ถูกต้อง”
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอภิปรายต่อจากนายณัฐพงษ์ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขออนุญาต ไม่คอนเฟิร์ม เราให้เกียรติหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว และเข้าใจว่าไม่ได้มีเพียงแค่พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่เบื้องต้น ขอให้รอการสรุปก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้สรุปในเรื่องการจัดลำดับผู้อภิปราย แต่เร็วๆนี้จะมีการสรุปออกมา และมีความเป็นไปได้ว่าในส่วนของการอภิปรายของหัวหน้าพรรคต้องให้ลำดับต้นๆอยู่แล้ว
ปัดตอบ‘เฉลิม’โผล่ร่วมซักฟอก‘อิงค์’
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะอภิปรายและเขาต้องส่งชื่อมาให้พรรคประชาชนดูด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า เบื้องต้นคนที่จะอภิปรายต้องมีการส่งชื่อ ซึ่งตนเข้าใจว่า การส่งรายชื่อยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นคงยังตอบไม่ได้ว่า จะมีชื่อของร.ต.อ.เฉลิมหรือไม่ ขอรอดูกันก่อน ก็คงจะสรุปรายชื่อได้ ส่วนหากเขาขอมาจะได้หรือไม่นั้น คงต้องไปดูกัน ตนไม่สามารถยืนยันตรงนี้ได้ เพราะตอนนี้ตนยังไม่รู้ว่ามีการขอมาแบบนี้หรือไม่
“ดังนั้นเบื้องต้น หากมีการขอมาก็ต้องคุยกับแกนนำพรรคประชาชนด้วยว่าสุดท้ายจะให้หรือไม่ให้อย่างไร เรื่องนี้ต้องเป็นหลักปฏิบัติ ผมไม่สามารถตัดสินใจได้เพราะไม่ใช่คุยแค่พรรคประชาชนพรรคเดียว อาจจะต้องคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย เพราะเวลาเป็นไปตามสัดส่วนของทุกพรรค ฉะนั้นหากร.ต.อ.เฉลิมจะมาอภิปรายก็คงคิดกันต่อว่าจะใช้เวลาของใครเพราะไม่มีโควตาของฝ่ายรัฐบาล”รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
เมื่อถามว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคใดพรรคหนึ่งจะให้เวลาของตัวเองกับร.ต.อ.เฉลิมได้หรือไม่นายรังสิมันต์กล่าวว่าเบื้องต้นยังไงก็ต้องคุยกัน ถึงแม้เวลาเมื่อจัดสรรกันแล้วจะเป็นเวลาของพรรคการเมืองนั้นๆอย่างไรก็ต้องคุยกัน เพราะเราต้องดูภาพรวมของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าพรรคการเมืองจะมีอุดมการณ์หรือมีความคิดความเชื่ออย่างไร ถึงที่สุดก็ต้องทำงานร่วมกัน
รบ.ความกังวลซักฟอกเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้(21มี.ค.)น่าจะมีการพยายามอัพคะแนนเสียงดูจากท่าทีนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบนี้ ความกังวลทางฝั่งรัฐบาลส่งสัญญาณถึงความกังวลเป็นพิเศษ ซึ่งตนคิดว่ามากกว่าเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้ส่งสัญญาณถึงความกังวล และเครียดกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากและเราจะเห็นว่ามีหลายวิธีการตั้งแต่ ตอนที่เราเสนอญัตติที่บอกว่าต้องถอนชื่อ‘ชายคนนั้น’หรือเรื่องที่ประธานสภาฯก็พยายามบอกว่าญัตติบกพร่อง
และล่าสุดบอกว่าแก้ญัตติไม่ชอบทั้งที่เรามีการประชุมหารือกับทางประธานสภาฯ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในห้องประชุมและมีการถามย้ำเรื่องนี้หลายรอบและเป็นหลักที่ปฏิบัติแบบนี้มาโดยตลอดก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย จนมาถึงการประกาศองครักษ์พิทักษ์นายกฯ20คนจึงอยากขอตั้งหลักว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องของสมาชิกที่ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกับผู้ที่จะต้องตอบคือผู้ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เย้ย‘อิ๊งค์’สะท้อนไม่พร้อมจะชี้แจง
อย่างไรก็ดี นายรังสิมันต์กล่าวด้วยว่าตนได้เห็นภาพของการเตรียมกำลังขุนพลกันขนาดนี้แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่พร้อม ที่จะไม่พร้อมที่จะชี้แจงใช่หรือไม่ ไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใช่หรือไม่ และไม่พร้อมที่จะอธิบายตามข้อกล่าวหาต่างๆที่ฝ่ายค้านได้กล่าวหาใช่หรือไม่ และเมื่อเป็นแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้กลัวเหลือเกินในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ และยิ่งสะท้อนว่าการที่จะมีนัดดินเนอร์ หรือพูดคุยอะไรต่างๆแสดงว่าสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในรัฐบาลแม้จะมีการตั้งรัฐบาลร่วมกันก็ตาม
‘ช่อ’ชี้ปชน.แค่สับขาหลอกปม‘แม้ว’
น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151ของพรรคประชาชน หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตการอภิปรายมุ่งเน้นไปที่ตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ขอถามกลับผู้สื่อข่าวว่ารู้ได้อย่างไรอยากบอกว่าอย่าตีตนไปก่อนไข้ ของจริงอาจจะหนักกว่าเดิมก็ได้ ตนเชื่อว่าเรื่องทีเด็ดจริงๆจะเกี่ยวข้องกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯซึ่งเป็นการวิเคราะห์จากการให้สัมภาษณ์ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯและน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุลว่าหลายเรื่องในการอภิปรายนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ตอบด้วยตนเอง เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัวนายกฯ ทั้งนี้ เขายังยอมรับด้วยว่า เป็นการสับขาหลอกของฝ่ายค้าน
แย้มประเด็นร้อน‘นายกฯ’อยู่วันที่สอง
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่าจากการที่ตนทำงานอยู่ในอาคารเดียวกัน ก็มีส่วนได้ติดตามการซักซ้อมของพรรคประชาชนโดยทราบว่ามีการเตรียมการกันอย่างหนัก ไม่แพ้กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว โดยเนื้อหาในวันแรก จะเป็นการอภิปรายด้านนโยบาย ส่วนวันที่สองจะเป็นเรื่องทีเด็ดทีขาดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนการวางตัวของผู้อภิปรายตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการจัดลำดับ อาจจะแล้วเสร็จก่อนการอภิปรายไม่นานมาก พร้อมคาดการณ์ว่าอาจไม่ให้ตัวเด่นไปอยู่ในช่วงเวลาดึก เหมือนกับที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้
ส่วนวาทะหลักในการอภิปราย ที่มีโปสเตอร์ระบุว่า“ดีลแลกประเทศ”นั้นน.ส.พรรณิการ์กล่าวว่าว่าวาทกรรมเหล่านั้นจะไม่ติดตลาด หากไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง หรือสิ่งที่ประชาชนรู้สึก ดีลแลกประเทศ ที่ตนเข้าใจ ก็ คือการที่นายทักษิณได้กลับไทยโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ถึงขั้นที่นายกฯก็ยอมรับ จากการถามกลับผู้สื่อข่าวว่าดีลคือการแค่เรื่องคุณพ่อกลับบ้านเรื่องเดียวหรอ
อยากพิทักษ์ฯ‘อิ๊งค์’ไม่ต้องเหนียม
เมื่อถามว่าระยะเวลาการอภิปรายที่ยาวไปจนถึงเกือบรุ่งเช้าของอีกวันน.ส.พรรณิการ์กล่าวว่าต้นตอเกิดจากประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ยืนยันว่าจะต้องเจรจาภายในกรอบเวลา2วัน พรรคประชาชนต้องนำเรื่องการอภิปรายกว่า 20 เรื่อง อัดไว้ในระยะเวลาเพียงเท่านี้ ไม่ใช่การเสียรู้เรื่องเวลา อยากตั้งคำถามกลับว่าหากรัฐบาลบริสุทธิ์ใจเหตุใดจึงกำหนด2วัน ไม่ให้เวลาอย่างเต็มที่
เมื่อถามต่อว่ามองอย่างไรที่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับฯ น.ส.พรรณิการ์ ตอบว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลมีความกังวลการอภิปรายครั้งนี้ ตนอยากบอกว่าถ้าอยากพิทักษ์นายกฯก็พูดไปเลย ไม่ต้องเหนียม ปกติแล้วหน้าที่ดังกล่าวเป็นของประธานสภาฯที่ต้องควบคุม ถ้าอยากพิทักษ์ข้อบังคับ ก็คงต้องไล่ประธานสภาฯ ลงจากบัลลังก์
‘อิ๊งค์’บอกดินเนอร์ชื่นมื่น-มีกำลังใจ
เช้าวันเดียวกันน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ผ่านอินสตาแกรม ภาพบรรยากาศและคลิปวิดีโอวงรับประทานอาหารร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำคืนวันที่ 21มี.ค.ที่ผ่านมาพร้อมข้อความระบุว่า “หัวเราะเยอะกว่าทานข้าวไม่เกินจริง นั่งฟังประสบการณ์ในสภาจากทุกๆท่าน ย้อนไปถึงสมัยท่านนายกฯชาติชาย บางท่านเคยเป็นฝ่ายค้าน บางท่านเคยถูกอภิปรายอย่างหนัก รูปแบบห้องทานข้าว ตึกเดิม ยุคแพ็คลิงค์ก็มา!!!ขอบพระคุณประสบการณ์จากทุกท่านที่ได้ แชร์กันตอนทานข้าวค่ะ สนุกสนาน มีกำลังใจ ได้คุยครบทุกคน เจอกันวันจันทร์นะคะ“ ‘อนุทิน’ยันพรรคร่วมฯพร้อมหนุนนายกฯ
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี นัดดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 มี.ค.เพื่อเตรียมตัวก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าไม่ได้มีคำว่าช่วย เพราะการอภิปรายฯนายกฯคือการอภิปรายทั้งรัฐบาล รัฐมนตรีทุกกระทรวงต้องเตรียมข้อมูลให้นายกฯชี้แจงต่อที่ประชุมสภา ส่วนไหนที่ถูกพาดพิง ถ้าจำเป็นก็ต้องช่วยนายกฯชี้แจง ที่สำคัญต้องสนับสนุนให้การไว้วางใจการทำงานของนายกฯเรามั่นใจว่านายกฯ จะสามารถชี้แจงได้ เพราะเราเป็นคนสนับสนุนข้อมูลต่างๆอยู่แล้ว เราในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนไว้วางใจ
เมื่อถามว่านายกฯกังวลประเด็นใดหรือไม่มีการพูดถึงเรื่องครอบครัวนายกฯนายอนุทินตอบว่านายกฯกลัวว่าจะพูดไม่เก่ง แต่พวกเราเรียนท่านว่าท่านทำงานมา 6 เดือนกว่า หรือครึ่งปีแล้ว ท่านมีความมั่นใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ถ้าทุกอย่างอยู่ในเกมตอบได้หมด เมื่อถามว่านายกฯมีตัดพ้อเรื่อง ดีลแลกประเทศ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าไม่มี ไม่ได้พูดถึงเลย ท่านพูดถึงเรื่องงานในความรับผิดชอบ หากเป็นเรื่องส่วนตัวอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหรือเรื่องใดๆที่ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลของท่านหรือที่เกิดก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ ท่านก็ไม่ทราบจะตอบอย่างไร
สอนเชิงรับซักฟอกต้องคุมอารมณ์
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงบรรยากาศดินเนอร์พรรคร่วมเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.)ว่า เป็นไปได้ด้วยดี นายกฯได้โพสต์ลงอินสตาแกรมแล้ว แต่เราไม่ได้หัวเราะด้วยความสุข เราพยายามทำให้ความกดดันต่างๆลดลง คิดว่านายกฯมีความกดดันแต่ก็ต้องทำให้ท่านมีความมั่นใจ มีความพร้อมว่าจะผ่านพ้นการอภิปรายนี้ไปได้ด้วยดีเพราะเป็นครั้งแรก ส่วนตนเป็นครั้งที่6 แล้วซึ่งครั้งแรกก็ตื่นเต้นเช่นกัน
“ท่านต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าไปอ่อนไหวต่อคำพูดกระแทกแดกดันต่างๆ ขอให้อยู่ในสาระของญัตติการอภิปราย ท่านนายกฯก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุ ส่วนการประชุมพรรคภูมิใจไทยจะกำชับอะไร 69 สส.ของพรรคหรือไม่ว่าสส.ทุกคนรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอย่างไร จะมีเพียง สส. ยโสธร1คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเวทีถล่มก่อนหน้านี้ อาจไม่สามารถไปร่วมประชุมได้ อย่างไรก็ผ่านอยู่แล้ว ส่วนหลังศึกซักฟอกจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นเรื่องของนายกฯ
พท.ขูใช้เวลาเกินชงปิดซักฟอก
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคิดจะสามารถคุมให้อยู่ในกรอบเวลาตามที่กําหนดไว้ได้หรือไม่ว่า พยายามจะคุม แต่จะได้แค่ไหนต้องรอดู แต่ต้องฟังฝ่ายค้านด้วยว่าอภิปรายอยู่ในเรื่องราวแค่ไหน เพราะเขาได้เวลาไป 28 ชั่วโมง หากใช้เกินเลยก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายรัฐบาลในการเสนอปิดอภิปราย ดังนั้นต้องต่างคนต่างดู พิจารณากันให้ดี
ประธานวิปรัฐบาล มั่นใจว่าเสียงโหวตของรัฐบาลจะไม่หายแม้แต่เสียงเดียว และคิดว่าไม่น่ามีเพิ่ม เท่าเดิมนี้ก็พอ คงไม่มีใครไปซื้องูเห่าหรอก
ขอให้’ลุงป้อม’มีแรงอภิปรายก็พอ
นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจจะลุกอภิปรายว่าเป็นสิทธิ์ของท่านทำได้ แต่ไม่ทราบว่าจะทำไหวหรือไม่ เราคงไม่ค่อยทักท้วงท่าน ขอให้ท่านมีแรงอภิปรายก็พอ ส่วนกระแสข่าวว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.อาจจะร่วมอภิปรายกับฝ่ายค้าน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังอยู่พรรคพท.โดยมารยาทไม่มีใครทำ ท่านเป็นผู้ใหญ่ เชื่อว่าจะไม่ทำอย่างนั้น
พท.ย้ำตัวชี้วัดอยู่ที่ฝ่ายค้านยั่วยุป่วนสภา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีการทำหน้าที่ของทีมพิทักษ์ข้อบังคับประชุมสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าการที่พรรคฝ่ายค้านล็อคเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเพียงคนเดียว อาจมีแผนประทุษกรรมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย อาจพยามอภิปรายในลักษณะที่ผิดข้อบังคับ เสียดสี ยั่วยุ ให้เกิดการประท้วง
ตัวชี้วัดอาจไม่ได้อยู่ที่ใครอภิปรายได้ดี มีข้อมูลหลักฐานมายืนยัน แต่เกณฑ์การประเมิน อาจอยู่ที่ใครอภิปรายหรือยั่วยุ แล้วเกิดการประท้วงให้สภาเกิดความโกลาหลได้มาก ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่า หรือ เจตนาหวังสร้างคอนเทนท์เชิงลบไปขยายความขัดแย้งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆเพื่อดิสเครดิตและด้อยค่ารัฐบาล หาคะแนนเสียงให้พรรคตัวเองผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของทีมพิทักษ์ข้อบังคับประชุมสภา
รู้ทันแผน/ฉะคิดแบบเก่ารุ่นใหม่
นายอนุสรณ์ยังกล่าวอีกว่า เรารู้ทันและเตรียมการรับมือไว้หมดแล้วทุกแผนประทุษกรรม การเมืองแบบสร้างสรรค์ หรือการเป็นคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่ที่อายุอย่างเดียว แต่อยู่ที่ทัศนคติและวิธีคิด บางครั้งวิธีคิดการเมืองแบบเก่า ทำการเมืองโบราณ ล้าหลัง อาจเกิดกับคนที่อายุไม่มากก็ได้ซึ่งสามารถเรียกได้ว่า“คนรุ่นเก่าที่อายุน้อย”ก็เป็นได้
การเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย สะท้อนผ่านโพลประชาชนอยากฟัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอภิปรายมากกว่า สส.หลายคนของพรรคประชาชน
“เป็นสิ่งที่ต้องนำไปวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนเลือกตั้งบอกว่า มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา แต่กลับมาเป็นฝ่ายค้านร่วมกับลุงร่วมอภิปรายกับลุง แบบมีเรา ต้องมีลุง มีลุงต้องมีเรา แบบนี้เสียแล้ว ถือว่าตระบัดสัตย์ ไม่ตรงปก ตามที่หาเสียงไว้ หรือไม่”นายอนุสรณ์ กล่าว
อย่าโหมโรงเกินความจริง
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในการเจรจาเรื่องเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เกิดจากการ “เจรจาตกลงร่วมกันของวิป 3 ฝ่าย“ ได้แก่ตัวแทนคณะรัฐมนตรี วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการหารือ โดยครั้งนี้มีรองพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ทำหน้าที่แทน
ก่อนหน้านี้วิปรัฐบาล จะให้เวลาอภิปราย 1 วัน แต่ล่าสุดจะมีมติให้เวลาฝ่ายค้านเป็น 23 ชั่วโมง ในขณะที่วิปฝ่ายค้านต้องการ 30 ชั่วโมง แต่ในการเจรจาร่วมกันครั้งล่าสุด ฝ่ายรัฐบาลยอมตามโอนอ่อนผ่อนตามข้อเรียกร้องของฝ่ายค้าน ทั้งนี้ฝ่ายค้านได้เวลา 28 ชั่วโมง ครม.กับพรรคร่วม 7 ชั่วโมง และประธานสภา 2 ชั่วโมง รวม 37 ชั่วโมง โดยกำหนดทำให้การอภิปรายวันที่ 24 มี.ค. เวลา 8.00 น - 05.30 น. วันที่ 25 เวลา 8.00 - 23.30 น. และลงมติวันที่ 26 มีนาคม เวลา 10.00 น.
การที่ฝ่ายค้านออกมาแขวะท่านนายกฯ ทำนองว่าจะอยู่ฟังการอภิปรายไม่ถึงตี 5 นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะทุกคนก็ทราบดีว่า นอกจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านยังเป็นคุณแม่ของลูกๆที่ยังเล็ก เป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถลาออก ไม่สามารถละทิ้งการทำหน้าที่ได้ การที่จะบังคับให้ท่านนายกฯนั่งฟังการอภิปรายและทำการชี้แจง ทั้ง 37 ชั่วโมง โดยไม่ได้ทำหน้าที่คุณแม่ และไม่ได้พักผ่อนเลย จึงเป็นไปได้ยากในความเป็นจริง
และในที่ประชุมวิปตกลงเรื่องเวลาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปร่วมประชุมเจรจาหรือเกี่ยวข้องด้วย การไปแขวะหรือโวยวายถึงตัวนายกรัฐมนตรีจนเกินข้อเท็จจริงในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นสภาวะ “หลง” และเป็นการฟาดงวงฟาดงา อย่างผิดฝาผิดตัวครับ
ตามหลักมารยาท เมื่อมีการเจรจาตกลงกันจบแล้ว ถือว่าเป็นมติของการตกลงร่วม ทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ไม่ควรจะออกมาตีโพยตีพาย หรือโทษใคร ทุกฝ่ายควรมุ่งเน้นไปในการเตรียมข้อมูลของการอภิปรายหรือชี้แจงจะดีกว่า อย่าโหมโรงกันเกินจริงจนทำให้สังคมมองว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นเพียง “ลิเก” ฉากหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี