"จตุพร"ตอกกลับ"อุ๊งอิ๊ง"เป็นนายกฯ ฝึกหัด มาเล่นเกมขายของบ้านเมือง ก่อประเทศเสียหาย ยังกล้าถามดีลแลกประเทศเน้นเสียงขุ่นมัวย้อน “ชินวัตร ได้ประโยชน์อะไร” จับตา“ประวิตร”ทิ้งทวนพูดปมลับหักดิบ เพื่อรักษาเกียรติยศและความเป็นคนไว้มากกว่าต่อรองเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
เมื่อ 22 มี.ค. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลชิน ย้อนถามสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวถึงดีลแลกประเทศ แล้วชินวัตรได้อะไร สะท้อนภาวะอารมณ์อึดอัดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
อีกทั้งการอภิปรายนายกฯ ที่กำหนดเวลาไว้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงตี 5 ครึ่ง นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ยังยืนยันจะกลับไปนอนบ้าน ไม่อยู่ฟังการกล่าวหาจากฝ่ายค้านจนจบ เมื่อเป็นเช่นนี้ฝ่ายค้านจะอภิปรายฯ นายกฯ ให้ใครฟัง สิ่งนี้ได้แสดงอาการและวิธีคิดที่เอาเปรียบ ซึ่งที่ผ่านมาการเมืองแบบนี้ทำให้ระบบสภาพังกันโดยไม่จำเป็นมาแล้วในช่วงทักษิณ ชินวัตร ผู้พ่อเป็นนายกฯ ช่วงปี 2544-2549 ดังนั้นจึงไม่เป็นผลดีกับนายกฯ อุ๊งอิ๊งเลย
สิ่งสำคัญ ตั้งแต่อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ มากว่า 6 เดือน ยังหลบหลีกไม่เข้าสภา เมื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจกลับออกอาการอึดอัด แล้วกล้าบอกไม่ทนเหน็ดเหนื่อยอยู่ฟังข้อกล่าวหาในสภาถึงตี 5 โดยอ้างภาระแม่มาเอาตัวรอดเพื่อไปอยู่กับลูก ทั้งที่ความจริงแล้ว ยังเป็นนายกฯ มือใหม่ทางการเมือง แม้อาศัยลีลาอ่านโพยจากสคริปผ่านไอแพคชี้แจงประชาชน แต่บางเรื่องคนเขียนโพยคงไม่รู้จะเขียนวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างไร หรือจะตอบกันอย่างไร
นายจตุพร เชื่อว่า การอภิปรายนายกฯ วันแรกไฮไลท์จะอยู่ที่การพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งคาดจะเปิดโปงเรื่องลึกลับกลางสภา เพราะชีวิตได้ผ่านจุดสูงสุดมาทั้งหมดแล้ว คงไม่เหลือความอยากจะเป็นอะไรอีกไปเพื่ออะไร ซึ่งความอยากยิ่งจะทำให้ศักดิ์ศรีถูกด้อยค่ามากกว่าเดิม ดังนั้น สิ่งที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือเรื่องความเป็นคนและเกียรติยศที่เหลืออยู่
ดังนั้น หากคิดถึงจุดนี้ นักเลือกตั้งทั่วไปอาจคิดถึงการต่อรองทางการเมือง แต่ พล.อ.ประวิตร จะต่อรองเพื่ออะไร ต่อรองเพื่อสิ่งที่เล็กกว่าในชีวิตที่ตัวเองผ่านมาแล้วถูกกระทำจนไม่เหลือสภาพอีกหรือ? ถ้าเพื่ออยากเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แล้วจะมองหน้าพรรคอื่นอย่างไร ดังนั้น คิดว่า พล.อ.ประวิตร มีชีวิตเลยจุดนี้มาแล้ว
“คิดว่าขุนนอกกระดานมันใหญ่กว่าขุนในกระดาน ยิ่งเป็นขุนนอกกระดานที่มองไม่เห็น แล้วมีความห่วงใยชาติบ้านเมือง ทนเห็นบ้านเมืองเดินไปสู่จุดจบไม่ได้ ดังนั้น คนการเมืองย่อมรู้ดีว่า ควรจะจัดการกันเองอย่างไร เมื่อแต่ละคนมีเดิมพันว่า ยังจะมีกระดานให้เล่นอีกหรือไม่ ถ้ายังต้องการกระดานนี้ต่อไปต้องจัดการในสิ่งที่ (พรรคเพื่อไทย) กำลังจะทำไม่ให้เกิดขึ้น ถ้าไม่ทำอะไรก็จบแบบเดิม หากยังสมคบกันแล้วปล่อยผ่านไปยิ่งจะหนักกว่าเดิม”
นายจตุพร คาดว่า กระแสรุนแรงด้านลึกอาจไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยสะท้อนจากนายกฯ ถึงขั้นต้องไปจังหวัดบุรีรัมย์ถิ่นการเมืองของนายเนวิน ชิดชอบ ได้พบและพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์เช่นนี้ คนห่วงใยบ้านเมืองจะทนกับสภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ สิ่งนี้กลไกรัฐไม่เข้าใจ
"ถ้าคิดเพียงจำนวนเสียงแล้ว ทำไม (สมัยพรรคไทยรักไทย) มี 377 เสียงจึงอยู่ไม่ได้ ทั้งที่ช่วงนั้นฝ่ายค้านมีแค่ 123 เสียง แต่ 377 เสียงสมัยทักษิณ เป็นนายกฯ ท้ายที่สุดยังล้มคากระดาน เช่นเดียวกับปี 57 เพื่อไทยมีเสียง 265 กระแสเสื้อแดงหนุนนำม้วนเดียวจบ ยังรักษาชัยชนะกันไว้ไม่ได้ มาถึงวันนี้พรรครัฐบาลไม่มีลักษณะผูกพันร่วมเป็นร่วมตาย และนักการเมืองแต่ละคนไม่พร้อมเจอคดีทางการเมือง เพราะมันคือจุดจบทางการเมือง"
ส่วนพรรคประชาชน นายจตุพร คาดว่า คงมีเนื้อหาฉมัง ข้อมูลไม่ธรรมดา และคนอภิปรายฯ คงซ้อมเตรียมที่เด็ดไว้นำเสนอ ขณะที่งานสังสรรค์รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง เป็นเจ้าภาพเลี้ยงเฉพาะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลนั้น แสดงถึงความวิตกกังวลและความกดดันของนายกฯ 6 เดือน ซึ่งต้องเผขิญหน้าถูกอภิปรายฯ คนเดียวจากฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาสำคัญถึงดีลแลกประเทศและตระกูลชินวัตรได้ประโยชน์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า แม้แพ้เลือกตั้งได้เสียงมาเป็นอันดับสอง แต่อดีต สว. 152 เสียงที่ตั้งโดยหัวหน้าคณะรัฐประหารปี 57 ยกมือสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกยึดอำนาจและเป็นปฏิปักษ์กันได้เป็นนายกฯ และยังตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคฝ่ายยึดอำนาจที่เคยประกาศไม่เผาผีกันด้วย สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มของดีลแลกประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเริ่มต้นสนับสนุนสนุนกันตั้งรัฐบาลแล้ว สิ่งสำคัญคือทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงตามมามากมาย ทั้งประกาศสร้างบ่อนกาสิโน นำการพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ผลักดันแลนด์บริดจ์ซุกที่ 3 แสนไร่ให้ต่างชาติครอบครอง 99 ปีเท่ากับขายแผ่นดินแลกประโยชน์กัน
นอกจากนี้ ยังเสนอเจรจา MOU 44 แบ่งผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชา 50 ต่อ 50 ออกกฎหมายระบบขนส่งทางรางยกที่ดินสองข้างทางให้เป็นสิทธิของทุนสัมปทาน ตลอดจนนำที่ดินการรถไฟไปสร้างบ้านเพื่อคนไทยหวังลดลดทอนแรงต้านขายแผ่นดิน 99 ปี และยังจะออกกฎหมายศูนย์กลางทางการเงินมาแทรกแซงซ้อนทับทำลายระบบการเงินของประเทศ
"สิ่งที่ตามมาทั้งหลายนี้ อีกทั้งยังไม่นับการวางแผนให้เอกชนครอบครองกิจการน้ำมันบางจากด้วย ยังจะไม่ใช่การแลกประเทศและชินวัตรได้ประโยชน์อีกเหรอ ดังนั้นแต่ละเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่น่ากังวลของบ้านเมืองทั้งสิ้น ถ้าไม่มีดีล และจะเป็นดีลแลกประเทศหรือดีลอะไรก็ตาม เราคงเดินมาไม่ถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดสร้างความเสียหายให้บ้านเมือง"
พร่้อมทั้งกล่าวว่า ดีลที่ทำกันนั้น ได้ทำให้กระบวนการยุติธรรมบ้านเมืองเสียหายยับเยิน ซึ่งไม่ควรนำมาแลกกับความเสียหายของบ้านเมือง และยังเป็นการผิดสัจจะ สัญญาให้ไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 66 แล้วท้ายที่สุดดีลเช่นนี้แก้ไขปัญหาประเทศชาติไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า มาถึงขณะนี้ ทุกเรื่องที่เคยสัญญาและประกาศปักป้ายหาเสียงไว้ พรรคเพื่อไทยไม่เคยทำสำเร็จ แล้วยังจะทำในสิ่งที่ไม่ได้ประกาศมาก่อความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองหรือหรือ?
"อย่าถามว่า ชินวัตรได้อะไร แต่ต้องถามว่าตั้งแต่ 22 ส.ค. 66 (ดีลทักษิณกลับไทย) มา ประเทศเสียอะไร และบ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร (ในกลุ่มอาเซียน) ตอนนี้เราชนะพม่าเพียงประเทศเดียว ที่เหลือแพ้ราบคาบหมด ทั้งที่พรรคเพื่อไทยประกาศคิดใหญ่ทำเป็น ดังนั้น อย่าถามว่าตระกูลชินวัตรได้อะไร" นายจตุพร ย้ำ
อีกทั้งกล่าวว่า ขณะนี้ความย่อยยับของบ้านเมืองปรากฎขึ้นตำตา และยิ่งไประยะยาวประชาธิปไตยจะเสียหาย สิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังทำนั้นจะทำให้ความมั่นคงและสถาบันหลักของชาติเสียหาย ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ จึงเป็นจุดเริ่มให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้นว่า ประเทศเสียหายอะไรกับดีลแลกประเทศที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยกลับสร้างวาทกรรมไปยัดใส่พรรคประชาชน ฝ่ายค้าน หากตั้งสติแล้วลองคิดดูว่า พรรคไหนที่สร้างวาทกรรมมากกว่ากัน เพราะวาทกรรมในทางการเมืองคือการพูดที่ไม่เป็นจริง ซึ่งเป็นวาทะของการหลอกลวง และเป็นวาทะของความเท็จทั้งปวง
"พอมาถึงจุดนี้ เชื่อว่า ความอึดอัดมันคงมีจมเลย อาการแบบนี้ คือความเป็นจริงให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย ขณะที่ได้ขึ้น (นายกฯ) ด้วยต้นทุนติดลบ ขนาดเป็นมา 6 เดือนยังประชุมกับผู้นำเหล่าทัพครั้งแรก แล้วเพิ่งมาเน้นโชว์ออกงานปราบยาเสพติดในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจใกล้เริ่มขึ้น"
นอกจากนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยเช่นกัน โดยจะอย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับอย่างหนึ่งว่า เป็นคนขยัน ทำงานเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีหยุด แม้ไม่ใช่คนโชคดีอย่างอุ๊งอิ๊ง แต่เมื่อพ้นไปได้เขาคงรู้ว่า ช่างเป็นความโชคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี