‘นายกฯ’งัดกระบี่สวน‘จอมยุทธ์โรจน์’ สำคัญตัวเองผิดในข้อเท็จจริง-เล่นโวหารทำประชาชนสับสน-จินตนาการเยอะ แจงยิบครหาปม‘หุ้น-หนีภาษี-อัลไพน์-เขากระโดง’ ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย ยกธุรกรรมตน-ครอบครัว ถูกตรวจสอบเข้มมาตั้งแต่‘รัฐประหาร49’ ด้าน‘วิโรจน์’โต้ทันทีเสียภาษีมาก แต่ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงต่างหากน่ารังเกียจ
เมื่อเวลา 15.15 น.วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล(น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี)
น.ส.แพทองธาร ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นต่างๆที่ถูกพาดพิง ว่า เมื่อช่วงเช้าที่มีสมาชิกอภิปรายโดยเข้าใจว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ กำลังสำคัญผิดในข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารต่างๆเพื่อให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน นำเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวดมาอธิบายให้ประชาชนสับสน ยืนยันว่าเจตนาของตนดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการตามข้อกฎหมาย การกล่าวหาว่าตนหนีภาษี ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องตรงกันข้าม แม้ตนจะอายุน้อยกว่าผู้ที่อภิปราย แต่ตนมั่นใจว่าเสียภาษีมากกว่าท่านแน่นอน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เดือดแล้ว!‘วิโรจน์’ซักฟอกกะซวก‘อิ๊งค์’ งัดวาทะ‘มังกรกงสีอิ่มหมีทั้งตระกูล’ องครักษ์ประท้วงวุ่น)
ส่วนการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.)นับตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่งนายกฯ ยืนยันว่าดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่าง ขณะที่การยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง รวมถึงเรื่องต่างๆที่ถูกฟ้องไป ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของป.ป.ช. ตนยินดีที่จะให้ความร่วมมือแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ป.ป.ช.ขอมาจนกว่าจะได้ข้อสรุป
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่งของตน ทรัพย์สินกิจการของตน และครอบครัวทั้งหมด มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่ปฏิวัติรัฐประหาร19ก.ย.2549 เข้มข้นมาตลอด ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้นเลย ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา ที่เปิดเผย โปร่งใสมานานมากแล้ว ยืนยันว่า ทรัพย์สินทุกอย่างที่ถูกตรวจสอบทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวาที่ตนและครอบครัวมี ออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมดไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด
ส่วนเรื่องหุ้นของตน เกิดขึ้นเมื่อปี2559 ก่อนตนเข้าสู่การเมืองหลายปี ตนมีความตั้งใจปรับโครงสร้างของการถือหุ้นบริษัท คือการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือPN เป็นหนังสือให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ หนังสือดังกล่าวตนติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษีเนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังไม่ทราบจำนวน และยังเสียภาษีไม่ได้ ดังนั้นการซื้อขายลักษณะนี้ จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนที่เป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย ไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ
“หากจะเกิดการซื้อขาย ยอดหนี้ก็จะแสดงชัดเจนในบัญชีอยู่แล้ว ดิฉันก็ได้ยื่น ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว ตรวจสอบได้ทุกอย่าง หนังสือตั๋วสัญญา PN รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องปกติ ส่วนที่สมาชิกอ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ขบวนการค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน อาจจะเป็นเรื่องที่จินตนาการเยอะ การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จะดำเนินการกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการได้โดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อกับผู้ขายรับภาระหนี้สินร่วมกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ ขณะที่การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาแทนการรับให้ เป็นการดำเนินธุรกิจแบบเปิดเผย ไม่สามารถแอบทำได้ ต้องถูกกฎหมาย ในเรื่องการปรับโครงสร้างหุ้นที่จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ในเวลานั้นดิฉันยังไม่พร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน มีการพูดคุยตกลงกันในครอบครัวเพื่อวางแผนชำระหนี้ โดยรอบแรกจะเกิดภายในปีหน้า เมื่อชำระแล้ว หลักฐานจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของป.ป.ช.แน่นอน ตรวจสอบได้ พอมีการซื้อขาย มีการต้องจ่ายภาษี ยังไงก็หลบการจ่ายภาษีไม่ได้อยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
น.ส.แพทองธาร ชี้แจงกรณีที่ดินอัลไพน์ว่า เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ตนเพิ่งอายุประมาณ11ขวบ ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่แน่ใจว่าจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือไม่ จากนั้นเมื่อมีคดีความ ก็เป็นไปตามกระบวนการทุกอย่าง จนตนมาเป็นนายกฯ ไม่เคยมีการไปแทรกแซง ไม่เคยไปสั่งหน่วยงานไหนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันทำไม่ได้ ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจในกระบวนการการทำงานที่แท้จริง ส่วนกรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นเรื่องระหว่าง กรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย และประชาชน ตนในฐานะนายกฯ จะกำชับเรื่องนี้อย่างดี ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทุกขั้นตอนต้องถูกกฎหมาย ขอให้มั่นใจว่าตนทำเรื่องนี้จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆที่ต้องผ่านเข้ากระบวนการ ก็ดำเนินการตามระเบียบจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย
“ตนไม่อยากให้ใช้เรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้มาทำให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคม เราเป็นคนรุ่นใหม่น่าจะพร้อมรับฟัง ผลงานใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ควรชื่นชมบ้าง จะได้เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่าทุกคนหวังดีกับประเทศไทย การพูดเพื่อให้คนเกลียดชัง แตกแยก ตนคิดว่าเราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงตอบโต้นายกฯว่า นายกฯจะเสียภาษีมากกว่าใคร เป็นหน้าที่ของนายกฯอยู่แล้ว ตนมั่นใจว่าคนไทยกว่า60ล้านคนเสียภาษีน้อยกว่านายกฯทั้งนั้น แต่ขอให้กลับไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา50(9) บุคคลมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งในระหว่างที่นายวิโรจน์กำลังเข้าสู่เนื้อหา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะสส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงประธานฯว่า ไม่อยากให้เปลี่ยนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระทู้ ผู้อภิปราย อภิปรายไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พาดพิงเลย ขอให้ควบคุมการประชุม
นายวิโรจน์ จึงสรุปว่า “เสียภาษีมากน้อยไม่สำคัญ ตราบใดที่ประชาชนทุกคนเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ ถือว่าทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เสียภาษีมากแต่หาเทคนิคในการหลบเลี่ยงหนีภาษีต่างหากที่น่ารังเกียจ”
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี