‘สาว ปชน.’เปิดฉากจวก‘นายกฯ’ลอยตัวเหนือปัญหา ไร้ความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ เหน็บ‘ยามขึ้นอย่าหลง ยามลงอย่าท้อ’ อัด‘ดีลแลกประเทศ’พาพ่อกลับบ้าน ทะลุเป้าได้อะไรไปเยอะ แต่ไทยกลับเสียสารพัดโอกาสขับเคลื่อนประเทศ
25 มีนาคม 2568 เวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล(น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะเป็นผู้เสนอญัตติ ต่อเนื่องเป็นวันที่2
น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกของวันที่2ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติผู้นำของประเทศ ขาดความรู้ความสามารถไม่มีวุฒิภาวะของผู้นำ ที่สำคัญ ไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน วันนี้ประเทศไทย เต็มไปด้วยความท้าทายมีโจทย์ยากมากมาย ที่เราต้องทำให้สำเร็จไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จีนเทา ไทยเทา ปัญหาคอรัปชั่น การศึกษา การแข่งขันทางการค้าในภูมิภาค ไปจนถึงโครงสร้างทางการเมือง เช่นกระบวนการยุติธรรมและรัฐธรรมนูญ ไม่แปลกที่วันนี้ประชาชนจะเฝ้ารอการติดตามแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีอย่างจดจ่อและจริงจัง แต่เรากลับมีนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำประเทศ ไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน และนำพาประเทศไปข้างหน้าได้ แพทองธาร ชินวัตรคือนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งแต่กลับลอยตัวเหนือปัญหา
ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้นำประเทศต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ
1.ต้องมีความรู้เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง แม่นยำต้องสามารถบริหารจัดการเผชิญปัญหาเพื่อแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ต้องมีวุฒิภาวะเพราะต่อให้คุณ มีความรู้ความสามารถแค่ไหน ตราบใดที่คุณไร้วุฒิภาวะ คุณก็ไม่สามารถที่จะบริหารสถานการณ์ และบริหารความรู้สึกของพี่น้องประชาชนในช่วง เวลาที่ยากลำบากและท้าทายได้
3.ต้องมีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน คนที่จะเป็นผู้นำประเทศมันต้องมีความต้องการอย่างแรงกล้าในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ถ้าปราศจากเจตจำนงนี้ การดำรงตำแหน่งนายกผู้หญิงที่ก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัว เช่น การตอบคำถามสื่อที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี การไม่กล้าพูดเรื่องมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล การข่าวปาฐกถาในงานสัมมนาเพื่อเชื้อเชิญนักลงทุนเข้ามาในประเทศไทย แต่กลับตอบคำถามอย่างผิดพลาดทำให้คนไทย พลาดโอกาสในการทำธุรกิจ
“การตอบคำถามของนายกฯ ในงานสัมมนาเศรษฐกิจ Forbes CEO เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจว่า นายกฯกลับตอบคำถามแบบผิวเผิน เลื่อนลอย ไม่ตรงเป้าหมาย ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศได้หรือที่ท่านพูดจาจับสาระอะไรไม่ได้เลยในวันนั้น เป็นเพราะท่านรู้อยู่แล้วว่านักลงทุนในที่มาฟังท่านในวันนั้น ไม่ได้รอฟังท่าน แต่มารอฟังพ่อท่านที่จะขึ้นเวทีเดียวกันในช่วงเย็น ท่านก็แค่ตัวแถม คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือพ่อเป็นอย่างไรบ้าง อาเป็นอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีไปย้ำกับพิธีกรเขาด้วยซ้ำว่าเจอคำถามแบบนี้จริง ๆ ต่อให้นายกรัฐมนตรีเจอคำถามแบบนี้จริง ๆ แต่ไม่ใช่เวทีนี้แน่ ๆ ที่จะใช้โอกาสในการพูดมาเมาท์มอย เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่เกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมืองส่วนเรื่องวุฒิภาวะของนายกฯ ในการตอบคำถามสื่อมวลชน ควรตอบให้ประชาชนเชื่อมั่น และให้คนยอมรับในตัวนายกฯให้ได้” น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวอีกว่า นายกฯอย่าปล่อยให้เงาหัวหน้าพรรคของตน มันใหญ่กว่าตัวนายกฯ ผลโพลมีขึ้นมีลงยามขึ้นอย่าหลง ยามลงอย่าท้อ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปเก็บอาการ แล้วเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ นายกฯไม่มีกาลเทศะในการใช้โซเชียลมีเดีย ในช่วงที่ประชาชนต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอ่านโพยในการพูดคุยทวิภาคีกับผู้นำประเทศหนึ่ง จนสังคมวิจารณ์ว่าอ่านไอแพดมากเกินไป และโพสภาพพร้อมแคปชันที่ไม่เหมาะสมในช่วงที่ประชาชนต้องเผชิญความยากลำบากในเหตุการณ์น้ำท่วมที่ จ.เชียงราย
“Have A Good Week ของท่าน Week นั้นมีคนตายไป 4 คน จากเหตุดินโคลนถล่มและภัยพิบัติ มีจังหวะที่ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ดันเอาความสุขของตัวเองโยนใส่ความสุขของประชาชนซะอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีไม่ควรตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนอย่างนี้ ควรวางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี” น.ส.ภคมน กล่าว
ส่วนเรื่องการส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ที่นายกรัฐมนตรีปิดบังการลงมติลับ ๆ ของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และการพูดคุยกับประเทศจีน พร้อมคำยืนยันว่าผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ยืนยันว่าเต็มใจกลับประเทศจีน “เพราะเขาเดินไปเอง ไม่มีการลากไป”
น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า ขณะที่การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน เป็นเจตจำนงที่มาจากตัวท่านเองหรือเป็นเจตจำนงจากผู้ชี้นำกันแน่ ตนเองคิดว่าเป็นอย่างหลัง จะไปว่าผู้นำจีนเขาก็คงไม่ได้เพราะ เขาคิดแล้วว่ามันเป็นผลประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติของเขา เขาคิดมาดีแล้ว เรานี่สิจะทำอะไร ยึดเจตจำนงของใคร ยึดผลประโยชน์ของใครกรณีผู้ลี้ภัยถ้าท่านนายกมีเจตจำนงปกป้องหลักการสิทธิมนุษยชนสากล สุดท้ายก็จะไม่มีใครว่าเราได้เลยแน่นอน ในเวทีการเมืองระดับโลกไทยคบค้าสมาคมทั้งกับจีนและสหรัฐรวมถึงประเทศอื่นๆการตัดสินใจทางการเมืองใดๆอาจสร้างผลกระทบให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจอยู่แล้วแต่หากตัดสินใจบนหลังสากลก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยึดหลักการ เป็นการตัดสินใจโดยเจตจำนงที่ออกมาอย่างสง่างาม
น.ส.ภคมณ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นเชื่อว่าไม่เกินเลยความรู้สึกของประชาชนเลย คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่พูดมา เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดว่าประชาธิปไตยกำลังถูกย้ำยีให้อ่อนแอ และไร้เกียรติ สะท้อนให้เห็นโครงสร้างการเมืองไทย หากมีอำนาจต่อรองมากพอ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีคุณสมบัติเลยก็ได้
“หากคุณต้องการจะดันให้ลูกสาวของคุณขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาทดลองบริหารประเทศ จะเจ๊งก็ไม่เป็นไรหากมีอำนาจต่อรองมากพอที่จะดีลแลกประเทศไทยโดยไม่สนใจหัวของประชาชนเลยก็ได้” น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวด้วยว่า ในระยะเวลาที่น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อะไรไปเยอะได้พาพ่อกลับบ้าน ได้โปรไฟล์ ได้ยกระดับสถานะทางสังคมของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีก แต่ประชาชนคนไทยต้องเสียโอกาส เสียโอกาสที่จะมีผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า เสียภาพลักษณ์ของประเทศต่อนานาชาติ เสียโอกาสที่จะได้ทวงคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในคดีตากใบ เสียจุดยืนในหลักการสากล เสียโอกาสที่จะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสียโอกาสที่จะได้เห็นว่ารัฐบาลพลเรือนมีน้ำยากว่ารัฐบาลทหาร ทั้งหมดเพียงเพราะ น.ส.แพทองธาร ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี