"ไอซ์-รักชนก"สับ"แพทองธาร" ปาหี่ปราบ"แก๊งคอลเซ็นเตอร์"ของปลอม เย้ย!ปราบ"ทุนไทยเทา-จีนเทา"เหลว เหตุเป็นลูกน้องพ่อ ซ้ำมีดีลแลกประโยชน์ของตระกูลกับประโยชน์ชาติ พ่วงจี้ให้ปรับ"รมว.ดีอี"พ้นเก้าอี้
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในประเด็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์การค้ามนุษย์ของรัฐบาลนี้ ว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขาดภาวะผู้นำปล่อยปละละเลยต่อการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนคนไทยที่ปล่อยให้ทุนไทยเทา จีนเทา หลอกลวงดูดเงินจากคนไทยเสียหายปีละร่วมแสนล้านบาท ผ่านแก๊งอาชญากรข้ามชาติ ที่ตั้งใน 3 ชาติอาเซียน โดยจากข้อมูลในปี 2023 ที่มีความเสียหายมากถึง 2.24 พันล้านบาท แยกเป็นการหลอกลวงที่ตั้งฐานในลาว 37.8 พันล้านบาท แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า 77.5 พันล้านบาท และแก๊งคอลฯ ในกัมพูชา 437.5 พันล้านบาท พรรคเพื่อไทย (พท.) พยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของการท่องท่องเที่ยวการขนส่ง แต่เป็นได้แค่ฮับของการค้ามนุษย์ การส่งอิฐหินปูนทราย และสาธารณูปโภค ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น
ขนาดสื่อในเมียนมายังลงข่าวด่าประเทศไทยข้ามชาติว่า ไทยเป็นต้นตอในการสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และสาธารณูปโภคอื่นๆ แม้แต่ตัวนายกฯ เองยังยอมรับว่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 โดยยอมรับ แต่กลับไม่มีการสืบสาวหาตัวคนทำผิดให้ถึงต้นตอ สะท้อนว่า นายกณ แพทองธาร ไม่เคยเข้าใจกับความสูญเสียที่ถูกหลอกลวงเงินในบัญชีของประชาชนคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อ แต่กลับบอกว่าฉันก็โดนหลอกแต่ฉันรอดมาได้ ทั้งที่ปัญหานี้กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อเศรษฐกิจชาติ และความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ ละเลยไม่แก้ปัญหา เป็นรัฐบาลลูกอีช่างเกี่ยง จงใจไม่แก้ไขปัญหานี้ให้สิ้นซาก ไม่กล้าจัดการทุนไทยเทา จีนเทา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไม่ตัดกระแสไฟฟ้าที่ขายให้ จนเกิดดราม่ามีไทม์ไลน์ของ 2 รองนายกฯ ในรัฐบาลนี้ที่ขัดแย้งเรื่องการตัดไฟ จนพ่อนายกฯ ต้องเข้ามาจัดการ โดยมีแรงกดดันจาก นายหลิว จงอี้ ผช.รมต.มั่นคงฯ ของจีน ที่เดินทางมาดูพื้นที่ใน จ.ตาก จึงมีการตัดไฟ ตัดสัญญาณเน็ต โดยมีการขายไฟให้เพื่อนบ้าน 3 ชาติ รวม 18 จุด แต่ตัดจริงไปแค่ 5 - 6 จุด ในเมียนมา ส่วนฝั่งปอยเปต กัมพูชา ยังไม่กล้าทำอะไร หรือเพราะมีความสัมพันระหว่างสองครอบครัว ทั้งรุ่นพ่อ รุ่นลูก จึงไม่ทำอะไร ที่สำคัญต้องขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่เปิดโอกาสให้นายกฯ ไทย เข้าพบ และเกิดการแก้ไขปัญหานี้ โดย ท่านหลิว จง อี้ เดินทางมาเอง
"ส่วนสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังเป็นปัญหาต่อ เพราะบริษัทเอกชนที่ให้สัญญาณเขาก็ขาย เขารู้ว่ามีจุดไหน อย่างไร แต่ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เอง ที่ไม่เอาจริง นายกฯ ต้องกำชับให้เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังมีปัญหาท่าข้ามระหว่าง 2 ประเทศ ไทย - เมียนมา ที่มีมากถึง 59 ท่า เฉพาะใน อ.แม่สอด มีมากกว่า 40 ท่า แม้อยู่ในอำนาจการขอเปิดของกรมศุลกากร แต่ผู้อนุมัติสั่งเปิดคือผู้ว่าราชการจังหวัดตาก โดยมี 10 ท่าข้ามที่มีปัญหาส่งของต่างๆ สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบ่อนพนันออนไลน์ จึงต้องตั้งคำถามว่า ผู้ว่าฯ ข้าราชการในพื้นที่ ทั้ง ตม. , ทหาร , ตำรวจ , สมช.ไม่รู้ข้อมูลเรื่องนี้หรือ จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐเอง ที่สนับสนุนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ , แก๊งสแกมเมอร์ , แก๊งค้ามนุษย์ ทำสิ่งผิดกฎหมาย หรือนายกฯ ไม่รู้อะไรเลย ยังไม่รวมถึงปัญหาซิมม้า ที่บริษัทเอกชนให้เซลล์ไปจ้างคนในชุมชนแออัดมาลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิม แล้วนำไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์เพื่อเลี่ยงกฎหมาย และนำมาใช้หลอกลวงคนไทยดูดเงินจากบัญชี
มีข่าวการจับกุมซิมม้าล็อตใหญ่ถึง 3 แสนซิม แต่รัฐบาลก็ไม่ขยายผลถึงต้นตอ แทนที่จะออกกฎหมายบังคับ ควบคุมให้บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณมือถือต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายในกรณีการหลอกลวง รัฐบาลักลับละเลยเปิดช่องให้บริษัทขายซิมมือถือรีดไถ่ประชาชน โดยขายประกันการป้องกันภัยไซเบอร์ คิดเงินเพิ่มกับประชาชน รัฐบาลไม่คิดจะทำอะไรเพื่อปกป้องประชาชนเลย ส่วนปัญหาบัญชีม้า แม้รัฐจะร่วมมือกับธนาคารปิดบัญชีม้าไปได้นับล้านบัญชี แต่ก็ยังมีการจ้างคนในต่างจังหวัดให้เปิดบัญชีม้าเพิ่ม โดยที่รัฐบาลไม่เคยจับกุมขยายผลถึงต้นตอตัวใหญ่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้เลย แม้ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาให้ธนาคารเจ้าของบัญชีต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นคนละครึ่งกับผู้เสียหาย แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าในการออกพระราชกำหนด (พรก.) ร่วมรับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาและให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่มีกลุ่มทุนที่อาจเสียประโยชน์ ตั้งแต่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี ทำหน้าที่ 2 ปี แต่ พ.ร.ก.นี้ยังไม่ออกมาบังคับใช้ จึงควรปรับออกจากตำแหน่งได้แล้วตนขอคำชี้แจงจากนายกฯ" น.ส.รักชนก กล่าว
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า 95% ของเงินที่ถูกหลอก จะถูกโอนต่อไปในรูปการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี อยู่นอกเหนือการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นการซื้อขายหรือเป็นการทำธุรกรรมการเงินโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่อาศัยความเชื่อใจกัน หรือ พีทูพี ที่รัฐบาลต้องสั่ง ก.ล.ต.ให้ควบคุมการซื้อขายในส่วนนี้ หรือควบคุมการขึ้นทะเบียนแอพพลิเคชั่นการซื้อขายคริปโตฯ ที่ต้องได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เท่านั้น ไม่ให้มีการซื้อขายคริปโตฯ ผ่านพีทูพี จะป้องกันปัญหานี้ได้เหมือนที่ประเทศสิงคโปร์ทำ แต่รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการใดๆ ไม่ว่านายกฯ แพทองธาร จะหันหน้าทางไหน มีผลประโยน์ของกลุ่มทุน แทนที่จะจัดการเพราะเกรงใจประชาชน ไม่ใช่เกรงใจเพื่อนพ่อ หรือกลุ่มทุนคนใกล้ชิดพ่อของนายกฯ รัฐบาลไม่เคยจับรายใหญ่ได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองอำนวยความสะดวกให้หรือไม่ กรณีที่รัฐบาลย้ายนายตำรวจยศใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับเมียวดีคอมเพล็กซ์ แล้ว จะทำอย่างไรต่อ มีการพิสูจน์เส้นเงิน หรือคนในครอบครัวว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเพราะใกล้ชิดกับบุคคลที่ชื่อย่อ "ย.ยักษ์" ที่ใกล้ชิดกับบิดานายกฯ ใน จ.เชียงราย หรือไม่ นายกฯ จึงไม่กล้าจัดการปราบปรามให้สิ้นซาก ปัญหาไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพ แต่จงใจปล่อยปละ เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ที่ต่างจากการปราบปรามปัญหาของต่างประเทศที่มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งกระบวนการ
ทั้งนี้ การที่ น.ส.แพทองธาร ไม่กล้าแตะประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะเกรงใจกลุ่มทุนเพื่อนพ่อทุกคน แต่ไม่เคยเกรงใจประชาชนคนที่เลือกท่านมาเลย เวลาเดินหาเสียงบอกว่าเห็นประโยชน์ของประชาชน แต่พอมาทำงานจริงผลประโยชน์ประชาชนอยู่หลังสุด อาทิ ตัวอย่างทุนไทยเทา ที่มีชื่อกว้างขวางในธุรกิจสีเทา ในวงการตำรวจ และวงการการเมือง รัฐมนตรีหลายคนที่นั่งอยู่รู้จักดี มีการเรียกใช้มากเป็น 10 ปี ที่เปิดบ่อนการพนันในไทย เปิดๆ ปิดๆ ในหลายที่ แบ็คใหญ่มาก อยากให้นายกฯ ปราบตัวใหญ่ๆ แบบนี้ คนที่นายกฯ จะขอข้อมูลได้จากพ่อของนายกฯ หาตัวได้ที่ไหน การปราบปรามทุนไทยเทา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะนายกฯ แพทองธาร ไร้ความสามารถ แต่เพราะคนในตระกูลชินวัตรไปทำดีลกับชนชั้นนำ ไปทำดีลกับปีศาจ ทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ เอาประโยชน์ของคนในชาติแลกประโยชน์กับตระกูลตัวเอง ตนจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ คนนี้ ให้บริหารต่อแม้แต่วันเดียวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการอภิปรายของ น.ส.รักชนก ช่วงหนึ่งได้หยุดอภิปราย ก่อนกล่าวว่า "เงียบเหงามาก ไม่มีใครลุกประท้วงดิฉันเลย" ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับ สส.พรรคประชาชน ที่ร่วมนั่งฟังการอภิปรายในห้องประชุม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี