เปิดรายละเอียด‘ตั๋ว PN’ หลัง‘นายกฯ’ถูกซักฟอกใช้เป็นกลไก‘นิติกรรมอำพราง’เลี่ยงภาษี
เปรี้ยง!!!!
ขึ้นมาทันควัน
เมื่อ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้น “ซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
หลักใหญ่ใจความ มุ่งไปที่การ‘ไม่เสียภาษี’ ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มีพฤติกรรมหนีภาษี โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายทำ “นิติกรรมอำพราง” เพื่อหลีกเลี่ยง “ภาษีการรับให้” ผ่านกลไกที่ “วิโรจน์” บอกว่า คือ...
ตั๋ว PN !??
คนในแวดวงการเงิน น่าจะเข้าใจได้ แต่ถ้า “ตาสีตาสา” น่าจะเกาหัว ว่า คืออะไร???
ว่ากันถึง “ตั๋ว PN” หรือ “ตั๋วสัญญาการใช้เงิน” Promissory Note คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้ออกตั๋ว” (Maker) ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน” (Payee)
“ตั๋วสัญญาใช้เงิน” คือ เอกสารทางการเงินชนิดหนึ่งที่ใช้ในการกู้ยืมกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบุคคลผู้ออกตั๋วได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะใช้เงินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นแบบไม่มีเงื่อนไขและสามารถเปลี่ยนมือได้ จะเรียกว่าตราสารเปลี่ยนมือ องค์ประกอบของตั๋วสัญญาโดยทั่วไปจะประกอบด้วย เงินต้น, อัตราดอกเบี้ย, กำหนดวันชำระเงิน, วันสิ้นสุดการชำระเงิน ในบางครั้งอาจจะมีข้อกำหนดในกรณีที่ผู้ออกตั๋วหรือผู้กู้กระทำผิดตามข้อกำหนด ผู้ออกกู้ก็จะยึดทรัพย์สินตามที่ได้กำหนดกันไว้
นอกจากนี้ ยังมีตั๋วสัญญาอีกชนิดที่เรียกว่า “ตั๋วสัญญาใช้เงินตามความต้องการ”
ตั๋วสัญญาประเภทนี้จะไม่มีกำหนดถึงวันสิ้นสุดการชำระเงินไว้ในตั๋วสัญญากู้เงิน แต่จะขึ้นอยู่กับผู้ออกกู้ว่าจะเรียกเก็บเมื่อไร แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ออกกู้จะแจ้งถึงกำหนดเวลาที่ต้องการให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 3-4 วัน สำหรับการกู้ยืมเงินที่เป็นส่วนบุคคลนั้น โดยปกติจะมีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในสัญญาจะระบุถึงในเรื่องของภาษีไว้ด้วย
ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 3 ตั๋วสัญญาใช้เงิน มีการระบุเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงิน รวมถึงองค์ประกอบที่ต้องมีในตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยมาตรา 982 ระบุว่า “อันว่าตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับเงิน”
มาตรา 983 ระบุว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นต้องมีรายการดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
(1) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน
(2) คำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไข ว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน
(3) วันถึงกำหนดใช้เงิน
(4) สถานที่ใช้เงิน
(5) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน
(6) วันและสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(7) ลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว
มาตรา 984 ตราสารอันมีรายการขาดตกบกพร่องไปจากที่ท่านระบุบังคับไว้ในมาตราก่อนนี้ ย่อมไม่สมบูรณ์เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน เว้นแต่ในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งไม่ระบุเวลาใช้เงิน ท่านให้ถือว่าพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น
ถ้าสถานที่ใช้เงินมิได้แถลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน ท่านให้ถือเอาภูมิลำเนาของผู้ออกตราสารนั้นเป็นสถานที่ใช้เงิน
ถ้าตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ระบุสถานที่ออกตั๋ว ท่านให้ถือว่าตั๋วนั้นได้ออก ณ ภูมิลำเนาของผู้ออกตั๋ว
ถ้ามิได้ลงวันออกตั๋ว ท่านว่าผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้
ข้อดี...
ของการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน ในการทำธุรกิจหรือกิจกรรมทางการเงินที่มีความเสี่ยง ผู้ออกตั๋วต้องทำตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นมา เพื่อเป็นหลักประกันให้เกิดความมั่นใจกับผู้รับเงิน ว่าจะได้รับเงินตรงเวลา เนื่องจากตั๋วสัญญาการใช้เงิน เป็นเอกสารที่ระบุจำนวนเงินที่เป็นหนี้ มีความยืดหยุ่นในการกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับภาระและผู้ถือสามารถกำหนดเงื่อนไขการชำระเงิน
ระยะเวลาชำระเงินที่แน่นอน เมื่อถึงวันครบกำหนดผู้รับเงินจะได้รับชำระหนี้ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในตั๋ว และในกรณีที่ผู้ออกตั๋ว (ผู้ที่ต้องชำระหนี้) ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเมื่อถึงวันครบกำหนดการชำระหนี้ ก็สามารถใช้ตั๋วสัญญาการใช้เงิน ที่ทำไว้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องเพื่อบังคับคดีได้
หากต้องการระดมทุนก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน รวมถึงไม่ต้องใช้หลักประกันทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่อาจไม่มีสินทรัพย์เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักประกัน และสามารถโอนสิทธิให้ผู้อื่นได้ ทำให้เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความคล่องตัว
ข้อเสีย...
คือมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ หากผู้รับภาระไม่สามารถชำระเงินตามสัญญา จะเกิดความเสี่ยงต่อผู้ถือและอาจนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงเช่นกัน การเจรจาและตกลงที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้เวลาและตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง
ทีมข่าว "แนวหน้าออนไลน์"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี