"ภูมิธรรม"ไล่"ฝ่ายค้าน" กลับไปอ่านข่าวเก่า หลังขอเวลาอภิปราย 2 วัน แต่ไม่มีเรื่องใหม่ ชี้"ปฏิรูปกองทัพ-ยกเลิกเกณฑ์ทหาร"ต้องใช้เวลา เปรียบ"กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว" พร้อมตรวจสอบเรื่องไอโอ ด้าน"จิรัฏฐ์"สวนกลับ ไม่ได้พูดถึง"รมว.กลาโหม" แต่โชว์เอกสารลายเซ็น"นายกฯ" ชี้หากจะแจงแทนก็แจงให้รู้เรื่อง
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกชี้แจงก่อนฝ่ายค้านกล่าวสรุป ว่า ตนขอพูดในหลายประเด็น เพราะอยู่ในเวลาช่วงสุดท้ายแล้ว ซึ่งตนก็ตั้งใจฟังท่านว่า 2 วัน ในการอภิปรายที่นับเป็น 20 - 30 ชั่วโมง ตนก็คิดว่าท่านจะมีอะไรใหม่ๆ มาพูด หรือมาอภิปรายเสนอแนะให้เราได้รับทราบ เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงหรือใช้ในการปฏิบัติราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แต่เท่าตนนั่งฟังอยู่ 2 วัน ก็เห็นว่าการอภิปรายของท่านเอาข่าวหนังสือพิมพ์ และคำสัมภาษณ์มาโยงผูกกันเป็นเรื่องราวมากมาย ซึ่งจะเลือกตอบก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะได้ตอบไปหมดแล้วในหน้าหนังสือพิมพ์มาทั้งปี หากจะตอบใหม่ก็ต้องหยิบหน้าหนังสือพิมพ์มาร้อยเรียงใหม่ เพราะเวลาที่เหลืออีก 10 - 20 นาที หลังจากนี้ก็คงตอบให้ไม่ได้
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า อยากให้การอภิปรายเป็นเรื่องที่เอาประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ควรจะมีประเด็นใหม่ๆ ที่เป็นเรื่องการทำลายประเทศหรือไม่มีความเหมาะสมในการบริหารประเทศ ซึ่งตนจะหยิบบางประเด็นขึ้นมาพูดที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับกลาโหมหรือทหารเยอะแยะ แต่เป็นเรื่องอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์เก่าแล้ว ดังนั้นท่านก็กลับไปที่ห้องสมุด และไปหยิบหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมาดู ท่านก็คงจะรู้ว่ามีคำตอบอะไรอยู่บ้างแล้ว
นายภูมิธรรม กล่างอีกว่า เห็นท่านพูดถึงเรื่องการปฏิรูปกองทัพ การเกณฑ์ทหาร เรื่องเรือดำน้ำ และเรื่องไอโอ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ตนควรจะพูด นอกนั้นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายๆ ครั้งแล้ว ซึ่งเรื่องการปฏิรูปกองทัพ เรารู้อยู่แล้ว ว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป กองทัพต้องเป็นกองทัพที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ฉะนั้นเราได้มีการคุยกันในผู้บัญชาการเหล่าทัพ และได้ตกลงกันชัดเจนว่ากองทัพต้องปรับปรุงอย่างไรให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงกลาโหมกับกองทัพได้คุยกัน ซึ่งมีข้อสรุป โดยเราออกเวอร์เปเปอร์มาฉบับนึง กำหนดทิศทางกองทัพตั้งแต่ปี 69 ถึงปี 80 ซึ่งเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์เรามาก็เป็นเรื่องจริง และที่ผ่านมากองทัพส่วนใดพัฒนาก็พัฒนาไป ไม่ได้เห็นการรวมเหล่าทัพให้มีลักษณะที่เป็นทิศทางเดียวกัน และเราก็พบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ มันทำมายาวนานแล้ว และบางทีต่างฝ่ายต่างก็กำหนดอาวุธยุทปกรณ์ที่อาจทำให้ทิศทางการเดินที่ทำให้เกิดปัญหาได้
"สิ่งเหล่านี้เราได้พูดคุยกับผู้บัญชาการกองทัพต่างๆ ต้องยอมรับว่าทหารสมัยนี้เป็นทหารสมัยใหม่เป็นทหารที่คิดอะไรไปไกล เพราะทุกคนไปเรียนรู้โลกจากภายนอกมามากพอสมควร ก็จะรู้ว่าโลกข้างหน้าเป็นยังไงต้องเปลี่ยนแปลงยังไง" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราก็สามารถพูดคุยและสรุปได้ ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ในการที่จะเดินไปทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่อาวุธยุทปกรณ์ควรจะวางน้ำหนักอยู่ที่ตรงไหน แต่ละเหล่าทัพส่วนไหนที่สำคัญก็ต้องจัดลำดับความสำคัญ ของยุทโธปกรณ์ได้ จึงมีการปรับยุทธศาสตร์และทิศทางกองทัพ รวมถึงกำลังพล เปลี่ยนแปลงการทหาร การยกเลิกการเกณฑ์ทหารอย่างที่ว่า แต่ต้องอย่าลืมว่าเป็นเรื่องที่ทำมายาวนาน และจะให้อยู่อยู่ยกเลิกทีเดียว จะคิดง่ายง่ายแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องคิดว่ากองทัพมีไว้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยที่สุดเมื่อมีภัยสงครามเกิดขึ้นมา กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ เราได้คุยกับกองทัพ ซึ่งได้พูดคุยถึงจุดต่ำสุดที่เรามีกำลังพอที่จะรักษาประเทศถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ที่เหลือก็ค่อยๆมากำกับ หรือเปลี่ยนแปลงปรับปรุงกัน ที่อยู่บนความเป็นจริง ไม่ใช่อยู่กับความฝันหรือจินตนาการ ฉะนั้น เราจะต้องมาคิดว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง โดยที่ไม่ได้จบในวันเดียว
"ท่านบอกจะมาเป็นรัฐบาล และจะปรับปรุงกองทัพ ลดเลิกการเกณฑ์ทหาร มันไม่ง่ายอย่างที่ท่านคิดนะเพราะอยู่ๆ ท่านยกเลิกไป และเกิดมีอะไรเกิดขึ้นในประเทศ ท่านจะจัดการอย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียวเหมือนกัน การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในกองทัพก็ต้องใช้เวลา ผมได้พูดคุยกับกองทัพ ก็บอกว่าไม่ได้คาดหวังว่าผมเข้ามาแล้วจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่มีหลายคนเรียกร้อง แต่อย่างน้อยต้องมีการเปลี่ยนแปลงม มีจุดเริ่มต้นเมื่อไหร่จะต้องมีไทม์ไลน์ที่จะต้องจบ นี่คือการปฏิรูปเพื่อจะเปลี่ยนแปลงไม่มีหรอกอย่างที่ท่านพูด เข้ามาแล้วจะยกเลิกเกณฑ์ทหารเลย 100 เปอร์เซ็นต์ เข้ามาแล้วจะพัฒนากองทัพให้มีนายพลลดไป มันทำแบบนั้นไม่ได้" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า การที่กองทัพมีกำลังพลมาก มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่มีสงครามความขัดแย้งภายในประเทศ กองทัพจึงต้องเร่งผลิตกำลังพล เพราะปัญหาขนาดนั้นกองทัพมองว่าคือความมั่นคงของประเทศการที่มีภัย การคุกคาม จำเป็นต้องผลิตคนไปสู้ เมื่อมีการเร่งผลิตก็ทำให้กำลังพลเยอะมากขึ้น พอมาถึงวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง กำลังพลที่ผลิตล้นเกินมา ท่านจะมาหวังว่าให้ไล่คนเหล่านั้นออก มันทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นเป็นไปตามกระบวนการ ตนทำเออรี่รีไทร์บ้างก็ได้ออกไป ไม่ได้ทำเหมือนที่ท่านบอกที่กำหนดขึ้นมาแล้วปล่อยให้ว่าง มันว่างเพราะตำแหน่งมันเลยจากที่ควรจะเป็น ฉะนั้นจะต้องมีแผนจัดการ ซึ่งตนได้พูดคุยกับปลัดกลาโหมและผู้นำเหล่าทัพว่า จะลดนายพลได้อย่างไร และจะตัดตอนเพิ่มได้ยังไงเพื่อให้อยู่ในจุดที่พอดี ซึ่งต้องใช้เวลา ท่านก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ และพรรคที่มาเป็นรัฐบาลด้วย
"ผมลดกำลังพลในการเอรี่รีไทร์ในช่วงที่ผมมาในเดือนเมษายน ลดไป 589 อัตรา ซึ่งเป็นอัตราทดแทน และอัตราเหล่านี้ เมื่อถึงในเดือนเมษายนนี้ก็จะหมดแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้เราก็จะทำ" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ท่านต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ตกค้างมาจากคนอื่นๆ มาก รัฐบาลนี้เข้ามาต้องแบกรับปัญหา เราไม่เคยปฏิเสธที่จะแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือไปถึงแล้วรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน ในการขอซื้อเครื่องยนต์ และหาคนมาติดตั้งแทน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่พูดคุยกับทูตแล้ว พวกเขาจะไปคุยกันต่อ อีกทั้ง ตนยังได้ทำหนังสือถึงปากีสถาน ว่าเรือที่ติดเครื่องยนต์เรือดำน้ำลำนี้ ยังไม่เคยลงน้ำมาก่อน ปากีสถานก็เอาเรือลงดำน้ำพอดี ต้นก็บอกเขาว่าให้ช่วยประเมินมาด้วยว่าเรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์จีนแบบเดียวกับที่เรากำลังจะซื้อ ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีใครกล้าตัดสินใจมาตลอด แต่ตนจะตัดสินใจอีกไม่นานนี้ โดยมีเหตุมีผลรองรับทั้งหมด
"เรื่องไอโอยืนยันว่า รัฐบาลนี้ พวกเราทั้งหมดที่ทำงานบริหารประเทศเราไม่มีนโยบายแบบที่ท่านกล่าวหามา และผมเพิ่งรับทราบจากท่าน ก็ยอมรับว่าเราไม่กว้างขวางเท่าท่าน ซึ่งจะไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนในเรื่องนี้ให้เกิดข้อเท็จจริงทั้งหมด และหาทางแก้ไขถ้ามันเป็นจริง แต่ยากเหมือนกัน ท่านพูดมาสับสนในข้อมูลเยอะ หลายเรื่องเป็นเรื่องเก่า หลายเรื่องไม่จริง ผมต้องรับฟัง และหาข้อมูลมาตรวจสอบอีกทีนึง จะให้ผมเชื่อไปเลยก็ยาก เพราะผมก็ประสบด้วยตัวเองว่ามันมีปัญหา ก็จะขออนุญาตนำไปศึกษาตรวจสอบ และสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดไปช่วยตรวจสอบ และมารายงานผม" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้พวกท่านทั้งหลาย มีใจที่กว้างขวาง ทั้งหมดที่ฟังมาล้วนแต่เป็นเรื่องในอดีต ล้วนแต่เอาเรื่องของคนอื่น หลายเรื่องนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นการที่ที่ท่านอภิปรายไปทั้งหมด มันเป็นปัญหา ซึ่งจริงๆ แล้ว ตนเปิดให้คนจากพรรคท่านเจอตั้งหลายครั้ง เวลาหมด ท่านก็ขอต่อ แต่ท่านไม่ได้บริหารเวลา จะขอต่อก็ต่อไม่ได้ เพราะทุกคนมีเรื่องที่ต้องทำ ดังนั้นจะมาบอกว่ากองทัพเป็นที่ที่เข้าไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่จริง เพราะคนของพรรคหลายๆ คนก็เข้ามาแล้ว กระทรวงกลาโหมเปิดต้อนรับท่านตลอดในการพูดคุยกัน
"อันไหนที่เป็นปัญหา ผมจะรับมาพิจารณา และแก้ไข อันไหนที่ไม่ใช่เรื่องที่มีสาระสำคัญจริงๆ อันไหนที่เป็นวาทกรรม อันไหนที่เป็นการแสดง ผมก็คิดว่าจะปล่อยผ่านไป ไม่ให้เป็นเรื่องที่ประสบปัญหาร่วมกัน และอยากขอบคุณทุกอย่างที่ท่านได้นำเสนอมา อะไรที่แก้ได้ก็แก้ ติดตามผมได้หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าวจบ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายภูมิธรรมชี้แจงเสร็จ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) ใช้สิทธิ์พาดพิง ที่ระบุว่า ตนใช้จินตนาการในการอภิปราย จึงอยากฟังคำอธิบายของท่านมากกว่านี้ พอเรื่องที่ตนอภิปรายไปมีหลักฐานทุกอย่าง ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ตนจินตนาการเลย
โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธาน ได้ปิดไมค์ ก่อนกล่าวว่า เอาเฉพาะที่ทำให้เสียหาย จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ นายจิรัฏฐ์ พูดต่อว่า ตนไม่ได้อภิปรายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเลย ทุกอย่างเป็นอำนาจและลายเซ็นต์ของนายกรัฐมนตรีทั้งนั้น หาท่านจะตอบแทนแล้ว ตนก็อยากได้คำตอบที่มากกว่านี้ ไม่ใช่ตอบเท่านี้ แล้วบอกว่าเวลาจะหมด ตนยังไม่รู้เรื่องเลยว่า ท่านตอบอะไร โดยนายวันมูหะมัดนอร์ จึงพยายามขอให้พอเท่านี้ เนื่องจากเวลาจะหมด
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นกล่าวยืนยันว่า ประธานสภาไม่ต้องกังวลว่าเวลาจะหมด เพราะยังมีเวลา เหลืออยู่ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือนายกรัฐมนตรีอยากจะใช้เวลา 30 นาที ตนยกให้ แต่ต้องตอบให้เคลียร์ ไม่ใช่บอกแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วจบไป ประธานสภาฯ จึงวินิจฉัยว่าเพื่อให้การประชุมดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย ก็ขอให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี