"ด่านภูดู่"ศักยภาพสูง! "สว.ชิบ"จ่อหารือ"กมธ.ต่างประเทศ"เร่งหาทางออกร่วมไทย-ลาว หวังสร้างมูลค่าการค้ามหาศาล พร้อมเปิดประตูการท่องเที่ยวเชื่อมสองวัฒนธรรม หลังร่วมคาราวานสื่อฯ สัมผัสปัญหาจริงร่วมถกครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ลาว
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 นายชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภา เปิดเผยหลัง ร่วมคณะคาราวานสื่อมวลชนสัญจรไทย-สปป.ลาว Caravan Thailand - Lao PDR Press 2025 (R11) ที่จัดโดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค.68 ว่า ตนได้สัมผัสถึงศักยภาพและความท้าทายในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและลาว โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากด่านภูดู่ ซึ่งเป็นประตูการค้าสำคัญบนเส้นทาง R11 ซึ่งส่วนหนึ่งของโครงข่ายเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่-เวียงจันทน์ (Chiang Mai - Vientiane Economic Corridor : CVEC)
นายชิบ กล่าวอีกว่า โครงข่าย CVEC มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยถนนที่เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจแห่งนี้มีความยาวรวม 629 กิโลเมตร แบ่งเป็นฝั่งไทย 391 กิโลเมตร และฝั่งลาว 238 กิโลเมตร เริ่มต้นจากเชียงใหม่ ผ่านลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ข้ามด่านภูดู่ สู่เมืองสังข์ทอง และสิ้นสุดที่เวียงจันทน์
"การเดินทางครั้งนี้ ทำให้ผมเห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของด่านภูดู่ และปัญหาที่เกิดขึ้นในการใช้ประโยชน์จากด่านแห่งนี้ การสำรวจเส้นทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้วยตนเอง ทำให้ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงสองประเทศ และเห็นถึงโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและลาว" นายชิบ กล่าวและในวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ตนยังได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการหารือทวิภาคีเพื่อกระชับความร่วมมือ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเงินการคลัง และการค้าระหว่างประเทศ"
นายชิบ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงศักยภาพของด่านภูดู่ ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมต่อไทยกับแขวงไชยบุรี สปป.ลาว ว่ายังมีศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางได้อีกมาก แต่ปัจจุบันมีการใช้น้อยเกินไป แม้ว่ามูลค่าการขนถ่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้จะเพิ่มจากเดิมร้อยกว่าล้านบาทต่อปี เป็นเกือบ 2 พันล้านบาทต่อปี แต่ก็ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของถนนสายนี้นอกจากนี้ ยังพบปัญหาอุปสรรคในการใช้ประโยชน์จากด่านภูดู่ เช่น ขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารที่ยุ่งยาก กฎระเบียบที่ซับซ้อน และข้อจำกัดเกี่ยวกับสินค้าบางประเภทที่ไม่สามารถขนถ่ายผ่านช่องทางนี้ได้ ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า สินค้าที่มีข้อจำกัด ได้แก่ สินค้าควบคุมพิเศษ สินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตเฉพาะ และสินค้าที่ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวด
"หากเราสามารถผลักดันให้มีการใช้เส้นทางนี้และด่านถาวรแห่งนี้มากขึ้น จะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับ 2 ชาติได้อีกมากมายมหาศาล" นายชิบ กล่าว
นายชิบ กล่าวอีกว่า ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ตนจะนำประเด็นปัญหาเหล่านี้หารือใน กมธ.ต่างประเทศ วุฒิสภา เพื่อหาแนวทางส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากด่านภูดู่ให้เต็มศักยภาพ โดยมีข้อเสนอแนะเบื้องต้น ให้ปรับปรุงกฎระเบียบขนส่งสินค้าให้ชัดเจนและยืดหยุ่น ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักด่านภูดู่ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ด่านภูดู่
"ผมเชื่อมั่นว่า หากมีการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากด่านภูดู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าชายแดนระหว่างไทย-ลาวได้อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ" นายชิบ กล่าว
รองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ยังกล่าวเสริมถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดที่เส้นทาง CVEC พาดผ่าน โดยเฉพาะจังหวัดอุตรดิตถ์ของประเทศไทย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย และในปี พ.ศ. 2569 จะครบรอบ 111 ปีของการก่อตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะชูจุดขายความเป็นที่ 1 ใน 3 ด้านของจังหวัด ให้สอดคล้องกับตัวเลข 111 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในส่วนของประเทศลาวเอง ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ หาดทรายในเมืองสังข์ทอง ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอย่างเหมาะสม จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับโครงการพัฒนาถนนหมายเลข R11 และโครงข่าย CVEC ระยะทางรวม 629 กิโลเมตร ช่วยลดเวลาเดินทางระหว่างสองประเทศ 3 - 4 ชั่วโมง โดยด่านภูดู่ ซึ่งเป็นด่านถาวรของไทย และเป็นด่านสากลของฝั่งลาว มีศักยภาพรองรับสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์การเกษตร และสินค้าเกษตร
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี