ร้องต่อเนื่อง! ‘สว.สำรอง’เข้ายื่นหนังสือถึง‘กมธ.ป.ป.ช.’สอบการทำหน้าที่‘กกต.-แสวง’ปม‘ฮั้วเลือก สว.’ เหตุมีท่าทีอิดออด-ไม่สื่อสาร 2 ทาง ด้าน‘ฉลาด’รับลูก จ่อส่งข้อมูลให้‘คณะอนุฯ’ 2 เม.ย.นี้ ก่อนทำรายงาน หาข้อเท็จจริงต่อไป
27 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา กลุ่มสว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นตรวจสอบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ต่อนายฉลาด ขามช่วง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่งผลให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า การเลือกสมาชิกวุฒิสภามีการกระทำการโดยมิชอบ หรือทุจริตในการเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กกต.และนายแสวง ได้รับแจ้งว่าจะมีการนำโพยที่ส่อทุจริตเข้าไป แต่ก็ไม่ได้ทำการแก้ไข จึงเป็นเหตุให้คนส่วนหนึ่งนำโพยดังกล่าวเข้าไปใช้ จนทำให้เกิดความไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาหลายประการ และพวกเรา ก็ได้ใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 61 ในการร้องเรียนและคัดค้าน บอกตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเลือก และมีการนำพยานหลักฐานเอกสารรวมถึงพยานบุคคล ไปให้ กกต. มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่า 8 เดือนที่ผ่านมา การดำเนินการของ กกต.ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลย มีเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้อ้างว่ามีการฟ้องและเพิกถอน
พล.ต.ท. คำรบ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ เราก็ได้พยายามติดตามอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากคำว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการ จนกระทั่งเราได้ไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเราทราบว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ซึ่งเมื่อเรามีการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า มีความเกี่ยวพันกับคดีอาญาที่เกี่ยวกับเรื่องอั้งยี่ ตั้งแต่กระบวนการแรกก่อนที่จะมีการจับกลุ่มนำประชาชนมาสมัคร ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้มีการดำเนินการ จนรับสำนวนคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยใช้เรื่องการฟอกเงินเป็นคดีพื้นฐาน ขณะนี้ทราบว่า กกต.ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสอบสวน ในเรื่องส่วนที่เป็นความผิดของการเลือกตั้ง
“แต่เหตุที่จำเป็นต้องมาในวันนี้คือแม้ กกต. จะมีการดำเนินการในภายหลังแล้ว ก็ยังมีทีท่าอิดออด ไม่พยายามดำเนินการตามกฎหมายที่มี เมื่อเราพยายามทวงถาม และแนะนำกระบวนการทำงาน กลับไม่ได้รับการสื่อสารสองทาง แต่อย่างใดเลย จึงใช้ช่องทางนี้ หาความจริงให้ปรากฏอีกส่วนหนึ่ง ว่า กกต.ทั้งองค์กร ไม่แข็งขันเท่าที่ควร ไม่ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ เพราะฉะนั้น เวลาที่เหลืออยู่อีกแค่ 3 เดือนนี้ ซึ่งยังเหลือเรื่องใหญ่ๆ อีกมาก กกต.ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนพอ เราจึงหวั่นเกรงว่า จะทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวม จึงหวังว่าคณะกรรมการธิการ ป.ป.ช.จะเป็นที่พึ่ง และกระตุ้นให้ กกต.กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแท้จริง” พล.ต.ท. คำรบ กล่าว
ด้านนายฉลาด กล่าวว่า พล.ต.ท. คำรบ และคณะ เป็นผู้ที่มีความสนใจต่อปัญหาประเทศชาติ โดยการอาสาเข้ามาทำหน้าที่ แต่ตามข้อบังคับ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งและสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่นั้น ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชน และผู้สมัคร ว่าเหตุใดการสรรหาของ กกต. ที่อ้างว่าทำตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามความสุจริตและเที่ยงธรรม จึงเข้ามายื่นเรื่องในวันนี้ ซึ่งคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.เป็นองค์กรหนึ่งของสภา แม้เราจะไม่มีอำนาจในการลงโทษบุคคลใด แต่เราจะทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อบังคับ และเมื่อได้ความอย่างไรแล้ว จะนำส่งรายงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายฉลาด กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการฯ กลั่นกรอง ภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ว่าเกี่ยวเนื่องกับอำนาจของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. หรือไม่ หากเกี่ยวเนื่องก็จะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างต่อทุกคน ว่าเป็นไปตามความคาดหวังหรือไม่ ทั้งนี้ คณะกรรมการธิการ ป.ป.ช.ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และจะทำให้ทันตามกำหนดเวลาที่มีอยู่ เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว หากยังขาดตกบกพร่องในส่วนไหน ก็จะขอเพิ่ม เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่ากระบวนการของประเทศไทยยังอยู่ภายใต้กฎหมาย และอาจจะใช้เวลาในช่วงการปิดสมัยประชุมสภา เพื่อดำเนินการตามมติ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี