‘ภูมิธรรม’ส่งกำลังพล-สิ่งของช่วยคนไทย-กู้ภัยแผ่นดินไหวเมียนมา
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 30 มี.ค.68 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายภูมธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลจากกองทัพไทยเดินทางไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชน ประเทศเมียนมา หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่สำคัญ ได้แก่ เมืองมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และย่างกุ้ง
โดยมี พลเอกณัฐพล นาควานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการกองบัญชาการกองทัพไทยเข้าร่วม โดยพันเอกขจรศักดิ์ พูลลโพธิ์ทอง รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการกรมยุทธการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่มีมายาวนาน
นายภูมิธรรม กล่าวกับกำลังพล ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และขอชื่นชมกำลังพลของกองทัพทันทีที่เกิดเหตุ ก็ได้ส่งกำลังเข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยได้ส่งกำลังพลเข้าไปเกือบ 1 พันนาย
นายภูมิธรรม ระบุว่าการเกิดเหตุภัยพิบัติเป็นความร่วมมือของมนุษยชาติ ซึ่งที่เมียนมา ก็ได้ร้องขอนานาประเทศเข้าไปให้เขาช่วยเหลือ จึงชื่นชมและขอบคุณที่เป็นตัวแทนของคนไทย อยากให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะมีอุปสรรคบ้าง ก็ขอให้มีความเตรียมพร้อม สิ่งที่สำคัญยังมีพี่น้องชาวไทยในเมียนมา ขอให้ความสำคัญช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เราได้เตรียมเครื่องบินไว้แล้ว ขอให้กำลังใจทุกคน
สำหรับการส่งความช่วยเหลือให้เมียนมาในครั้งนี้ รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้ กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยหลักในการจัดตั้ง“ชุดช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาในพื้นที่เมืองเนปิดอว์” ภายใต้การควบคุมและกำกับของสำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหาร (สบก.ยก.ทหาร) ซึ่งได้วางแผนอย่างรัดกุมและครอบคลุมในทุกมิติของการช่วยเหลือ ตามหลักปฏิบัติด้าน Humanitarian Assistance and Disaster Relief (HADR)
สำหรับภารกิจชุดดูแลและกิจ ประกอบด้วย กำลังพลทั้งหมด 55 นาย แบ่งออกเป็น 8 ชุด ได้แก่ ชุดควบคุม (5 นาย), ชุดงานด้านประชาสัมพันธ์ (4 นาย), ชุดค้นหาและกู้ภัยขั้นต้น (USAR) จากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (12 นาย), ชุดแพทย์ฉุกเฉิน (MERT) จากสำนักนายแพทย์ทหาร (18 นาย), ชุดประเมินความเสียหาย(4 นาย), ชุดสื่อสาร (4 นาย), ชุดขนส่งทางอากาศ (4 นาย), ชุดประสานงาน (4 นาย)
ส่วนภารกิจหลัก คือ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนผู้ประสบภัยในประเทศเมียนมา และดูแลช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจด้านการค้นหาและกู้ภัย การแพทย์ฉุกเฉิน การตั้งโรงพยาบาลสนามระดับเบื้องต้น การประเมินความเสียหาย และการสนับสนุนด้านการสื่อสารและข้อมูลข่าวสาร
การเดินทางไปภารกิจครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศทั้งหมด 3 เที่ยวบิน ได้แก่
* เที่ยวบินที่ 1 (30 มีนาคม 2568) จัดส่งกำลังพลจากกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง-เนปิดอว์-กรุงเทพฯ
* เที่ยวบินที่ 2 (2 เมษายน 2568) เดินทางเข้าสลับกำลัง
* เที่ยวบินที่ 3 (5 เมษายน 2568) เดินทางกลับถิ่นฐาน
ส่วนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เมื่อเดินทางถึงที่หมาย ชุด USAR จะปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย ชุด MERT ให้การแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ และปรับเป็น Mobile Clinic ตามคำสั่ง ชุด RDANA จะประเมินความเสียหายเพื่อวางแผนการช่วยเหลือต่อระยะต่อไป ตลอดจนการประชุมร่วมกับศูนย์บัญชาการทางทหารผ่านระบบ VTC รายงานผลการปฏิบัติประจำวัน และรายงานพิเศษตามคำสั่ง รวมทั้งให้การช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่และดำเนินการส่งกลับโดยสมัครใจผ่านเที่ยวบินของกองทัพอากาศ และการดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะบรรลุภารกิจการดำเนินภารกิจในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความจริงใจของประเทศไทยในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมาในยามยากลำบาก พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของกองทัพไทยในบทบาทด้านความมั่นคงเชิงมนุษยธรรม สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น อันจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติภารกิจภายในประเทศไทยที่ถือเป็นความเร่งด่วนสูงสุดนั้น
การเดินทางไปภารกิจครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศทั้งหมด 3 เที่ยวบิน ได้แก่
เที่ยวบินที่ 1 (30 มี.ค. จัดส่งกำลังพลจากกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง-เนปิดอว์-กรุงเทพฯ
เที่ยวบินที่ 2 (2 เม.ย.) เดินทางเข้าสลับกำลัง
เที่ยวบินที่ 3 (5 เม.ย.) เดินทางกลับประเทศไทย
ส่วนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เมื่อเดินทางถึงที่หมาย ชุด USAR จะปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย ชุด MERT ให้การแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ และปรับเป็น Mobile Clinic ตามคำสั่ง ชุด RDANA จะประเมินความเสียหายเพื่อวางแผนการช่วยเหลือต่อระยะต่อไป ตลอดจนการประชุมร่วมกับศูนย์บัญชาการทางทหารผ่านระบบ VTC รายงานผลการปฏิบัติประจำวัน และรายงานพิเศษตามคำสั่ง รวมทั้งให้การช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่และดำเนินการส่งกลับโดยสมัครใจผ่านเที่ยวบินของกองทัพอากาศ และการดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะบรรลุภารกิจการดำเนินภารกิจในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความจริงใจของประเทศไทยในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมาในยามยากลำบาก พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของกองทัพไทยในบทบาทด้านความมั่นคงเชิงมนุษยธรรม สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น อันจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติภารกิจภายในประเทศไทยที่ถือเป็นความเร่งด่วนสูงสุดนั้น
กองทัพไทย โดยทุกเหล่าทัพ ได้จัดกำลังพลและอุปกรณ์ ประกอบกำลังเป็นชุดค้นหาผู้ประสบภัย ชุดแพทย์ฉุกเฉินและชุดจิตอาสา ชุดสนับสนุน ฯลฯ เพื่อเข้าอุทยานเพื่อค้นหาผู้ประสบภัย รวมทั้งจัดทีมในพื้นที่ประสบภัยทั่วประเทศด้วยการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้แก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน รวมถึงกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่จำนวน 1,294 นาย รถบรรทุก 6 คัน พร้อมยานพาหนะ 84 คัน และอุปกรณ์ที่สำคัญ จำนวน 12 รายการ อาทิ รถเครน รถบกหนีตีนตะขาบ รถยกสูง เครื่องวางคาน เครื่องดักตะกอนไฟฟ้า พัดลมระบายอากาศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมฟื้นฟูสภาพจิตใจของประชาชนให้มีความปลอดภัยทางจิต ด้วยการสนับสนุน “กิจกรรมดนตรีในสวน” ณ สวนเบญจสิริ และสวนรถไฟ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี