‘นักวิชาการ’แนะรัฐกำกับ‘เอกชน’สำรวจโครงสร้างพื้นฐาน เร่งตรวจ‘เขื่อน-ประปา’ทั่วประเทศ
30 มีนาคม 2568 รศ.ดร.สายันต์ ศิริมนตรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนถึงขณะนี้ อาฟเตอร์ช็อกได้เกิดขึ้นไปพอสมควรแล้ว จึงสามารถวางใจได้ระดับหนึ่ง โดยสิ่งที่รัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนถัดจากนี้คือการระดมบุคลากร-กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างขั้นพื้นฐานทั้งหมดที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งถนน ทางด่วน ระบบราง ระบบรถไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ท่อน้ำ สนามบิน รันเวย์ ตลอดจนท่อประปาที่อาจเกิดการปนเปื้อนในน้ำได้ และที่สำคัญก็คือโครงสร้างเขื่อนทั่วประเทศว่ามีความเสียหายหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
รศ.ดร.สายันต์ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ บุคลากรของหน่วยงานรัฐที่มีบทบาทในการรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้อาจมีจำกัดและอาจไม่เพียงพอ จึงขอเสนอให้เชิญผู้ประกอบการภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาดำเนินการตรวจสอบให้ครบถ้วนและรอบด้าน และหากพบความเสียหายก็ให้ปรับปรุงแก้ไข โดยในสถานการณ์นี้ บทบาทของภาครัฐควรมีหน้าที่ในการกำกับดูแลภาคเอกชน มากกว่าการลงไปดำเนินการเองทั้งหมด
รศ.ดร.สายันต์ กล่าวต่อไปว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวมีอยู่หลายระดับ ทั้งในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา ระดับปานกลาง และระดับที่รุนแรง หากตรวจสอบพบว่ามีความเสียหายเล็กน้อยก็ควรจะเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ แล้วค่อยๆ ทยอยซ่อมแซมไป แต่หากความเสียหายอยู่ระดับปานกลางถึงรุนแรงก็ควรที่จะระงับการเข้าใช้พื้นที่ชั่วคราว จนกว่าการปรับปรุงจะเสร็จสมบูรณ์ และภาครัฐก็ควรจะมีการกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นระยะ เพื่อไม่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า บทเรียนจากการเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ภาครัฐควรจะต้องมีมาตรการระยะยาวในการสื่อสารให้ประชาชนรับรู้รับทราบ ถึงการปฏิบัติตัวในช่วงเวลาที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว เช่น ควรจะต้องมองหาที่หลบภัยแบบไหน ควรหมอบอยู่ใต้โต๊ะก่อนหรือไม่เพื่อป้องกันของแข็งหล่นทับร่างกาย เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว หากโครงสร้างของตึกไม่มีความแข็งแรงและแผ่นดินไหวมีระดับที่รุนแรง ถึงอย่างไรก็คงจะหนีไม่ทัน ในบางกรณีการพยายามหลบหนีอาจทำให้บาดเจ็บหรือสุ่มเสี่ยงมากกว่าการอยู่กับที่ได้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550 ซึ่งมีการเพิ่มเติมเนื้อหาให้กระบวนการออกแบบและก่อสร้าง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยกรณีการเกิดแผ่นดินไหวและมีการปรับปรุงกฎหมายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงมีการกำหนดโซนพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวทั่วประเทศส่งผลให้อาคารที่มีการก่อสร้างหลังจากปี 2550 เป็นต้นมา ต้องปฏิบัติตามหากผู้ประกอบการได้ดำเนินการให้ผู้ออกแบบปฏิบัติตามข้อกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้เกิดความเสียหายน้อย หรือไม่ได้เกิดความเสียหายที่รุนแรง ซึ่งนับเป็นความโชคดีโดยในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว อาคารส่วนใหญ่ยังคงมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะไม่ถล่มลงมาในทันที โดยอาจมีความเสียหายเล็กน้อยถึงปานกลางสามารถตรวจสอบ ประเมินความแข็งแรงและพิจารณาซ่อมแซมหรือเสริมกำลังให้โครงสร้างกลับมาใช้งานได้ตามเดิม
เมื่อถามถึงกรณีที่อาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม รศ. ดร.สายันต์ กล่าวว่า คงยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ว่าเพราะอะไร สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ อาทิ ข้อผิดพลาดในการออกแบบโครงสร้าง แต่ผู้ออกแบบอาคารใหม่ๆ จะต้องพิจารณารับมือผลกระทบของแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ถ้าไม่พิจารณาเรื่องนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนอีกประเด็นคือความไม่สมบูรณ์ของกระบวนการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังคงต้องรอคอยการพิสูจน์ จึงยังไม่อยากให้ประชาชนหรือสังคมด่วนตัดสินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี