โกลาหลเหมือนโลกแตก! ‘สว.’พุ่งเป้ารุมสับ‘รัฐบาล’เหลวสื่อสารในภาวะวิกฤติ‘แผ่นดินไหว’ หยันมิจฉาชีพยังส่งข้อความเร็วกว่า ชี้คนไทยยังไม่ได้รับการฝึกซ้อมที่ดี ขณะที่‘พันธุ์ใหม่’ซัดเดือด‘นายกฯอิ๊งค์’ไม่รู้จักนำบทเรียน‘สึนามิ-น้ำท่วมใหญ่’ จาก‘พ่อ-อา’มาใช้
31 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้ที่ประชุมพิจารณากรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ของพล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร เป็นผู้เสนอ
นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนได้ออกจากรัฐสภา เผอิญไปผ่านที่ไหนก็ไม่ผ่าน ดันไปผ่านถนนกำแพงเพชรในเวลานั้นเวลานั้นพอดีเลย ในเวลานั้นมีแผ่นดินไหว และเห็นตึกถล่มลงมากับตาสองข้าง เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปทางขวาก็เห็นน้ำกระฉอกจากตึกเต็มไปหมดเลย ขับรถไปอีกสักพัก คนก็วิ่งลงจากตึกจำนวนมาก เหมือนกับในภาพยนตร์ เรื่องโลกจะแตกอะไรทำนองนั้น
นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าประชาชนมากมายก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบของประเทศไทย ทำไมการเตือนภัยพิบัติหลังจากเกิดเหตุแล้ว ตั้งแต่สึนามิ ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันนี้ เราไม่มีอะไรดีขึ้นเลยหรือ จึงย้อนกลับไปศึกษา เพื่อนำมาอภิปรายในวันนี้ การแจ้งเตือนของภาครัฐแทบจะไม่มาเลย SMS ก็ไม่มา บอกว่าจะส่ง ส่งเมื่อไหร่ กี่โมงกว่าจะได้ บางคนเขาก็ได้ ตอนประมาณเกือบ 1-2 ทุ่ม ซึ่งคือหลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณ 5- 6 ชั่วโมง แบบนี้ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนหรือไม่
“คนตกอกตกใจส่งอะไรกันเรื่อยๆเปื่อย มิจฉาชีพยังส่งข้อความได้เร็วกว่าภาครัฐอีก แถมส่งลิงค์มาด้วย เสร็จแล้วคนกดพลาด เข้าไปก็นึกว่าเตือนภัยจากภาครัฐ ที่ไหนได้ กลายเป็นมิจฉาชีพอีกแล้ว” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว
นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงมหาดไทย ไม่มีหน่วยงานที่ชัดเจนประชาชนก็ไม่รับการฝึกซ้อมอย่างดี
“ถึงเวลาแม้กระทั่งอาจงอาจารย์ชั้นนำ ที่เป็นไอคอนของประเทศนี้ ยังวิ่งออกมาก่อนเลยจากศูนย์สิริกิติ์ ก็เพราะมันไม่มีการซ้อม ตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ไม่เคยเห็นการสอน ในสภาแห่งนี้ก็เพิ่งเริ่มตื่นเต้นกัน” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว
นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า หน่วยงานของภาครัฐใช้งบประมาณไปมาก แต่ไม่เกิดผล รัฐบาลได้กำหนดให้ดำเนินการเกี่ยวกับ Cell Broadcast มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ ยังจัดซื้อจัดจ้างไม่แล้วเสร็จ พร้อมยกคำพูดนายกรัฐมนตรีที่กล่าวในที่ประชุม ที่บอกว่า ท่านต้องตอบคำถามตรงนี้ให้ได้ เพราะดิฉันต้องตอบคำถามประชาชน ดิฉันสั่งไปตั้งแต่ก่อน 14.00 น. แต่ระบบไม่ออก ก่อนจะย้ำว่า ถึงเวลาปฏิรูปแล้ว
ขณะที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายอย่างดุเดือดว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเปลือยเปล่าระบบราชการไทยและรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด จนทำให้คนไทยตาสว่างกันเลยทีเดียว
“นี่เป็น Once in a lifetime แต่เราคงไม่ใช้คำว่าเป็นบุญที่ได้เจอแน่นอน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ประสบ แต่รัฐบาลก็ไม่อาจแสดงความรักไร้เดียงสา ปฏิเสธความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ถ้าจะว่าไปแล้วครอบครัวของท่านนายกฯ เคยเผชิญวิกฤตแล้ว รุ่นพ่อเจอสึนามิ รุ่นอาเจอน้ำท่วมใหญ่ มาถึงท่านนายกฯ น่าจะเอาประสบการณ์การบริหารภาวะวิกฤติมาใช้ได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่นี่หาได้มีความเป็นมืออาชีพไม่” น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา กล่าวว่า แผ่นดินไหวสะท้อนการจัดการของรัฐบาลมากมาย ประการที่หนึ่งคือขาดการสื่อสารในภาวะวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประชาชนตะลึงตึงตึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้สูงอายุโทษตัวเองว่าโรคความดัน หัวใจ บ้านหมุน ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่มีใครมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องรอจนโซเชียลมาช่วยกันแชร์ภาพ ถึงได้รู้ว่านี่คือแผ่นดินไหว ก่อนหน้านี้หาทางออกชีวิตไม่เจอ” น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ประการที่สองคือปัญหาการบริหารจัดการ ขาดเจ้าภาพสั่งการในที่เกิดเหตุ หน่วยงานภาครัฐไปถึงช้ากว่าองค์กรพัฒนาเอกชน ที่สำคัญภาครัฐไม่มีใครบัญชาการสถานการณ์ ปล่อยตามธรรมชาติเรียกว่าตามมีตามเกิด ประการที่สาม การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ล่าช้า จนไม่รู้จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร มีแต่องค์กรพัฒนาเอกชนที่ประชาชนต้องช่วยกันเอง ประการที่สี่ ได้แก่ ขาดการปฎิบัติการแบบมืออาชีพ ในสถานการณ์ที่ตึกถล่ม ไม่มีการปิดล้อมพื้นที่ทันทีที่เกิดเหตุ ทุกคนกรูเข้าไป ไม่มีการรักษาหลักฐาน คนที่บาดเจ็บอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เขาต้องการการกู้ภัยแบบมืออาชีพ แต่กลายเป็นว่าทุกอาชีพเข้าไปอยู่ในพื้นที่ประสบภัย การช่วยเหลือจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เรายังไม่ทราบเลยว่ามีกี่คนที่เขาไปทำงานในที่เกิดเหตุ เราจะเยียวยาอย่างไรถือเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก
น.ส.นันทนา กล่าวว่า การสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำช้าและทำน้อยเกินไป เพราะทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว รัฐต้องแจ้งต่อประชาชนให้ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มันจะต้องเกิดภัยพิบัติอีกเมื่อไหร่อี รัฐบาลถึงจะเตือนภัยประชาชน รัฐบาลไม่เคยสื่อสารให้ประชาชนอุ่นใจ มีแต่คอลเซ็นเตอร์เท่านั้นที่อยู่กับเรา แม้ว่าเราจะไม่ต้องการมันเลย ซึ่งเรื่องนี้ ตนทราบว่ารัฐบาลนี้ได้ตั้งงบประมาณพันล้านบาท เพื่อสร้างระบบเตือนภัย
“ท่านนายกฯ พูดว่าสั่งการไปตั้งแต่ 14.00 น. แต่ระบบไม่ออก ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หน่วยงานภาครัฐเกี่ยงกันทำงานอีก มีกระแสข่าวว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตทั้ง 2 ค่าย พร้อมส่ง SMS แต่ กสทช. และ ปภ.ไม่พร้อม ไม่รู้ว่าจะส่งข้อความอะไร มัวแต่ลังเลไป 23 ชั่วโมงผ่านไป ดิฉันได้รับ SMS ถึงวิธีการปฏิบัติตัวหากเกิดอาฟเตอร์ช็อก ดิฉันไม่แน่ใจว่า SMS นี้ ท่านส่งมาเตือนตัวเองหรือไม่ ให้รวบรวมสติแล้วรีบส่งข้อความอย่างเร็วไปให้ประชาชนรับรู้” น.ส.นันทนา กล่าว
จากนั้น พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว.ลุกหารือว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว เรามาร่วมกันหาทางออกดีกว่าหรือไม่ ในวุฒิสภามีผู้มีความรู้ความสามารถ วิศวกรหลายท่าน แต่พลเอกเกรียงไกร กล่าวตัดบทว่า ที่อภิปรายอยู่ขณะนี้ มีคนเก่งๆ กำลังหาทางออกให้อยู่ เดี๋ยวจะให้รัฐบาลทำอะไรก็คงได้คุยกัน รวมถึงที่ทุกคนพูดถึงเมื่อเช้านี้ด้วย หลายคนปราดเปรื่องมาก จะเสนอให้รัฐบาลว่ากันไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายส่วนใหญ่ สว.พุ่งเป้าไปที่การแจ้งเตือนหลังเกิดเหตุ โดยยกประสบการณ์ตนเอง และหลายคนยกตัวอย่างการแจ้งเตือนของต่างประเทศที่รวดเร็ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี