‘วิสุทธิ์’ไม่กลัวม็อบต้าน
ดัน‘กาสิโน’เข้าสภา 9 เม.ย.
‘จุลพันธ์’โวต้องจบในรบ.นี้
“จุลพันธ์”ปักธง ปั้นกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ให้จบในรัฐบาล “อิ๊งค์” หวังเป็น จุดเปลี่ยนใหม่ท่องเที่ยวไทย ดันศก.โตได้แบบ ไม่ต้องนั่งพะวง ส่งซิกปักหมุดโครงการบน“ที่ดินราชพัสดุ”แจงเพื่อตัดข้อแข่งขันเชิงพื้นที่ มุ่งขายสิทธิประโยชน์ให้รัฐเป็นหลักคาดตอกเสาเข็มได้ภายใน 3 ปี ด้าน‘วิสุทธิ์’ยันเตรียมเข็นร่างพรบ.เอ็นเตอร์เทนเข้าสภาฯ 9 เม.ย.ไม่กลัวม็อบค้าน ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ลั่นไม่ต้องทำประชามติ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลังกล่าวว่ายืนยันพยายามเร่งผลักดันการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex) ให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะว่าเรื่องนี้มีการพูดถึงมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง และมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นเครื่องยนต์และจุดเปลี่ยนใหม่ให้กับภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้จากนี้จะไม่ต้องมานั่งพะวงว่าตัวเลขจีดีพีของไทยจะโตได้ถึง 3% หรือไม่อีกต่อไป
ทั้งนี้ หากกฎหมายผ่านความเห็นชอบของสภาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ อาทิ การตั้งสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การโอนถ่ายบุคลากร รวมถึงต้องมีการจ้างผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ทั้งพื้นที่ไหนที่จะมีศักยภาพและความเหมาะสม จำนวนการก่อสร้างentertainment complex ว่าจะมีกี่จุด ควรลงทุนแค่ไหน ต้องใช้เม็ดเงินเท่าไหร่ รายได้และประโยชน์ที่รัฐจะได้รับ ควรมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นใน Entertainment complex เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว เช่น สนามกีฬา สวนสนุกระดับโลก พิพิธภัณฑสถาน จุดส่งเสริมวัฒนธรรม ทั้งหมดต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรพิจารณา ก่อนออกเป็น TOR เพื่อให้เอกชนที่มีความเหมาะสมเข้าร่วมประมูลโครงการและคาดว่า ภายใน 3ปี จะตอกเสาเข็มได้
“ผมคงตอบไม่ได้ว่าจะเปิดentertainment complex กี่แห่ง เพราะไม่ใช่หน้าที่ผม ผมมีหน้าที่ทำกฎหมายให้รอบคอบ รัดกุมและเกิดความโปร่งใสที่สุด ยกเว้นในชั้นการพิจารณาของสภาจะมีการตัดสินใจเขียนลงในกฎหมายว่า จะต้องมีกี่ที่และท้ายที่สุดคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรก็จะเป็นผู้กำหนดจุดที่มีความเหมาะสมจากข้อศึกษาทั้งหมด ส่วนในมุมของกระทรวงการคลังที่มีหน้าที่ทำกฎหมาย เราไม่ได้กำหนดจุดไว้ เพียงแต่ระบุไว้ว่า เป็นจำนวนที่มีความเหมาะสมและต้องศึกษาทางวิทยาศาสตร์รองรับ สำหรับพื้นที่ในการจัดตั้งนั้น ต้องเป็นพื้นที่ที่รัฐกำหนด ซึ่งเบื้องต้นมองว่าควรจะต้องอยู่ในที่ดินราชพัสดุ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันในเชิงพื้นที่ เพราะจะมีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน แต่อยากให้มาดูกันในเรื่องสิทธิประโยชน์ที่รัฐจะได้มากกว่า แต่ท้ายที่สุดจะเป็นที่ดินราชพัสดุหรือไม่ ก็คงต้องมาดูในรายละเอียดของข้อกฎหมายและความเหมาะสมอีกครั้ง” นายจุลพันธ์ กล่าว
“นาทีนี้ในหัวผมก็ยังเป็นที่ดินราชพัสดุอยู่ ส่วนขนาดพื้นที่ไม่ได้มีการกำหนดในการยกร่างกฎหมาย แต่จะต้องมีการกำหนดจากการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ซึ่งปกติเข้าใจว่าต่อจุดต้องมีขนาดพื้นที่ 300 ไร่บวก เพราะอย่างที่บอก เราไม่ได้ทำแค่กาสิโน ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่เท่านั้น ส่วนอีก 90% คือพื้นที่ที่จะต้องมาใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ ห้าง โรงแรม เป็นต้น มันต้องใช้พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งที่ดินราชพัสดุมีศักยภาพและมีขนาดที่สามารถรองรับได้แน่นอน” รมช.การคลัง ระบุ
นายจุลพันธุ์ ยืนยันว่า ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติระดับโลกให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน entertainment complex ในประเทศไทย เนื่องจากไทยมีความน่าลงทุนอย่างมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทุนเทา หรือฟอกเงิน เพราะบริษัทระดับโลกมีการกำกับดูแลในระดับสากลอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าหากตัดสินใจเข้ามาลงทุนจริงก็จะอยู่ในกติกาที่ไว้ใจได้ และหลังจากนี้รัฐบาลจะต้องมีการโรดโชว์เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ในช่วงที่กฎหมายใกล้แล้วเสร็จ
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชณยรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯได้เมื่อไหร่ ว่า วิปรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องนี้โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจกับวิปรัฐบาลก่อน และหลังจากนั้นประมาณวันที่ 3เม.ย.จะขอสภาฯบรรจุในระเบียบวาระวันที่ 9 เม.ย.คิดว่า ไม่เร็วเกินไป เป็นเวลาที่พอดีเพราะเรื่องนี้ได้พิจารณามานานแล้ว ไม่ใช่เร่งด่วนอะไร และตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ก็เคยมีการพิจารณา และเมื่อมาสภาฯชุดปัจจุบัน ก็พิจารณาไปแล้วประมาณปีเศษโดยมีการศึกษาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอย่างที่ใครเขาว่า ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าไม่ตัดสินใจ หรือเป็นการตัดสินใจที่ช้าก็ไม่ได้ทำ ทุกอย่างต้องรอบคอบ สภาฯจะเป็นที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องไหนที่สำคัญ เมื่อเข้าที่ประชุมแล้วก็ให้ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายเต็มที่ และพี่น้องประชาชนก็รับฟังว่าข้อมูลและสิ่งสำคัญที่รัฐบาลนำเสนอ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นจะเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่
เมื่อถามว่า มีการเสนอว่าให้ทำประชามติในเรื่องนี้ก่อน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า กฎหมายประชามติยังไม่มี ซึ่งเราก็รออยู่ ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ส.ส.ที่เป็นผู้แทนของประชาชน มาแสดงความคิดเห็นแล้วประชาชนก็ติดตามดูได้ ถ้าไปทำประชามติในแต่ละเรื่องก็ต้องเสียเงิน 2-3 พันล้านบาท ตนไม่เห็นด้วย ถ้าเช่นนั้นต่อไปทุกเรื่องต้องทำประชามติหมดทุกอย่าง เป็นเรื่องที่ลำบาก และของเราก็ต้องทำให้ชัด เหมือนประเทศสิงค์โปรที่เป็นมาตรฐานแต่ไม่จำเป็นต้องไปเลียนแบบประเทศอื่น อันไหนดีก็เอามาอยู่ในข้อปฏิบัติให้ชัด ดังนั้น อย่าไปกังวล เชื่อว่ารัฐบาลคิดเรื่องนี้แล้ว และสภาฯต้องมาถกกันว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัยกับประชาชนและคนที่ติดการพนัน ซึ่งต้องมีระเบียบ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีม็อบมาคัดค้านเรื่องนี้ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่เห็นด้วยก็คัดค้านไป ม็อบมาก็ยินดี สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะประเทศนี้เป็นประเทศประชาธิปไตย อย่าให้เห็นเหมือนกันทั้งหมด ต้องมีคนคัดค้านบ้าง แต่ไม่ใช่ข้อกังวลที่เราทำอะไรไม่ได้เลย จึงไม่กังวลอะไร ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ทำแล้วไม่กลัวแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี