รัฐบาลเพิ่งตื่น
‘แพทองธาร’นัดถก8เมษายน
ช่วยภาคธุรกิจสู้ภาษีโหดสหรัฐ
นายกฯออกแถลงการณ์รับมือกำแพงภาษีสหรัฐ ส่ง “พิชัย” บินเจรจาสัปดาห์หน้า เสนอแนวทางเพิ่มนำเข้า-ลดเงื่อนไข เชื่อบรรลุผลเพราะเป็นคู่ค้า-เป็นมิตรต่อกัน ให้คำมั่นภาคธุรกิจไม่โดดเดี่ยว มีมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ ขยายตลาดส่งออกใหม่ เผย 8 เมษายนนี้ สรุปแนวทาง ด้านรมช.พาณิชย์ ยันมีมาตรการรับมือ มั่นใจไทยมีจุดแข็งตลาดผลไม้ ใช้การตลาดนำการผลิต
เมื่อวันที่ 6เมษายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ว่า เรียนพี่น้องประชาชน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราได้เผชิญกับเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่คาดคิด ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตทรัพย์สินและสภาพจิตใจของคนไทย รัฐบาลได้ตระหนักถึงเหตุการณ์ดังกล่าวและได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในทุกมิติ เพื่อให้การช่วยเหลือและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เราเคยผ่านวิกฤตของประเทศมาแล้วหลายครั้งและด้วยความสามัคคีความช่วยเหลือเกื้อกูลและความเอื้ออารีต่อกันของคนในชาติ ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถก้าวผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
วันนี้ประเทศไทย กำลังเผชิญกับมาตรการในการขึ้นภาษีสินค้าของไทยที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ ในอัตราร้อยละ36 อีกทั้งหลายประเทศก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับประเทศไทยและก็ต่างเตรียมมาตรการรับมือ ซึ่งเราเชื่อว่าทั่วโลกกำลังจะเห็นการตอบโต้กันอย่างหนักหน่วงผ่านเครื่องมือทางภาษี และหลายประเทศก็ตัดสินใจไปเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครได้ข้อสรุปของการเจรจาแต่อย่างใด ในส่วนของประเทศไทยมาตรการนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกสินค้าของเราโดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร
รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มกราคมปีนี้ และมีการหารือกับภาคเอกชนรวมทั้งตัวแทนของสหรัฐฯถึงข้อเสนออย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ มาโดยตลอด และในสัปดาห์หน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเดินทางไปหารือกับหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ ทั้งภาครัฐ เอกชนและผู้ที่มีส่วนได้เสีย จากการเปลี่ยนแปลงการค้าที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯในครั้งนี้ สำหรับสิ่งที่เราจะสื่อสารกับรัฐบาลสหรัฐฯก็คือประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้น แต่เราคือพันธมิตรและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯเชื่อถือได้ในระยะยาว
ขณะนี้รัฐบาลได้สรุปข้อเสนอเชิงนโยบายต่างๆ เช่นการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในด้านพลังงาน อากาศยาน และสินค้าเกษตร โดยประเทศไทยมีแผนที่จะสร้างความร่วมมือกับภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มอื่นๆ ที่มีส่วนได้เสียสำคัญในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งมีรายละเอียดในนโยบายอีกมาก โดยขอให้มั่นใจว่าข้อเสนอเหล่านี้ล้วนแต่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศไทยเหนือสิ่งอื่นใด นอกจากนี้ประเทศไทย จะมีการเจรจาเรื่องการส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯและลดเงื่อนไขการนำเข้าที่เป็นอุปสรรครวมถึงการปราบปรามการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังสหรัฐฯ
ดิฉันมั่นใจว่าข้อเสนอข้างต้นนี้ จะทำให้การเจรจากับสหรัฐฯ บรรลุผลเพื่อให้ประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นมิตรต่อกัน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีอีกหลายมาตรการที่พร้อมจะรับฟังและพูดคุยเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ และขอให้ความมั่นใจว่าข้อเสนอที่รัฐบาลเตรียมไว้ ล้วนคำนึงถึงประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญและเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจของเราและคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยทุกท่าน ดิฉันขอให้คำมั่นว่าทุกท่านไม่ได้โดดเดี่ยว ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้ง SME และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ โดยการเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ อีกทั้งยังจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทย ที่เรามุ่งมั่นที่จะเจรจาการค้า ในการเปิดตลาดใหม่ๆ ในตะวันออกกลาง ยุโรป และ อินเดีย โดยจะเร่งเจรจาการค้า FTA ให้เร็วยิ่งขึ้น
ท้ายนี้ ดิฉันขอเรียนว่าในวันที่ 8 เมษายนนี้ หลังจากประชุมสรุปกับคณะกรรมการและทุกหน่วยงานอีกครั้งหนึ่ง จะสรุปแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญและขอเรียนย้ำอีกครั้ง ว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง แข็งแรง และเท่าทันโลก และเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรีเพื่อประเทศไทยของเรา
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36% ว่าเรื่องนี้นายกฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยตรง มีทั้งกระทรวงพาณิชย์กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดว่าเราจะใช้วิธีการต่อรอง แต่เราจะเอาอะไรบ้างไปต่อรองยังขอไม่ลงรายละเอียดเนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้
นายนภินทรกล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว เพียงแต่เราขอดูว่าภาษีที่ขึ้นมีอะไรบ้าง และเหตุผลที่เขาขึ้นภาษีเรา 36%มาจากอะไร ซึ่งอาจจะมาจากโควตานำเข้า ส่วนเกินโควตาประเทศไทย72% สิ่งเหล่านี้เราต้องมาดูว่าตัวเลข 72% เอามาจากอะไรและเอาไปต่อรองสินค้าบางอย่าง หรือสินค้าบางอย่างที่เราคุมโควตานำเข้าเราก็อาจจะเพิ่มโควตาต่างๆ แต่เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มี รมว.พาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์รวมอยู่ในคณะกรรมการ
เมื่อถามถึงการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม นายนภินทร กล่าวว่า เรื่องตลาดใหม่ในส่วนของผลไม้ ได้เตรียมไว้หมดแล้วประเทศไทยมีจุดแข็งเรื่องผลไม้เพราะเราเป็นประเทศเมืองร้อนที่ผลิตผลไม้ที่ดีที่สุดของโลก โดยเตรียมทั้งตลาดจีนที่เราบุกเพิ่มขึ้น ตลาดอินเดีย ตลาดตุรกีเชื่อได้ว่าในส่วนของสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ประเทศไทยพร้อมที่จะผลิตเพิ่มเติมได้ ดังนั้นพืชเกษตรที่รัฐต้องลงไปอุดหนุน ช่วยเหลือต้องสามารถนำไปปรับเปลี่ยนเป็นพืชที่ทำกำไรได้โดยที่รัฐไม่ต้องเข้าไปอุดหนุน แต่ต้องให้เวลาโดยการตลาดต้องนำการผลิต อะไรที่ต้องอุดหนุนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเข้าไปดูว่าพื้นที่ตรงนั้นสามารถปลูกอะไรได้บ้าง เลือกมา4-5อย่างและถ้าหากขายไม่ได้กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปสนับสนุนให้
ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายกฯ ได้เร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ รับมือหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นกำแพงภาษี ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องนี้ทาง สหรัฐฯ ได้ขับเคลื่อนมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ตนคิดว่านายกฯ และรัฐบาล ดำเนินการช้าเกินไป เพราะประเทศอื่น อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีการเจรจาไปเมื่อ 3-4 วันที่แล้ว ขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม ก็มีการเจรจากับทางสหรัฐฯ แล้วเช่นเดียวกัน แต่ของเราเพิ่งเตรียมไป ซึ่งตนคิดว่าช้ามาก
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับศักยภาพทีมเจรจาของไทยที่นายกฯ แต่งตั้งในการเดินทางไปเจรจา พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ดูแล้วยังเด็กไป ถ้าหากเป็นทีมระดับนี้ไปคุยกับทางสหรัฐฯ เขาก็คงไม่ให้น้ำหนัก ซึ่งตนมองว่านายกฯ ควรจะต้องจัดทีมใหม่ เอาคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ และที่สำคัญควรที่จะเอาคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับคนที่เคยทำงานร่วมกับทางสหรัฐฯ หรือคนที่เขาให้ความเกรงใจมาเป็นตัวหลักในการเจรจา มิเช่นนั้นการเจรจาครั้งนี้จะไม่ได้ผล
ต่อข้อถามถึงภาวะผู้นำของนายกฯ ในการตัดสินใจเรื่องนี้ถือว่าช้าไปหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ช้าไป เพราะอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าทางสหรัฐฯ มีการเตรียมการเรื่องนี้มาแล้ว 3-4เดือน ประเทศอื่นเขาก็รีบจับมือไปเจรจา แต่ของเราเหมือนโดดเดี่ยว มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่เพิ่งจะไปคุย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี