เตือนรัฐบาลดึงดันเข็นกฎหมายกาสิโน
ระวัง‘ผู้นำทรราช’
สปช.ออกจม.เปิดผนึกค้าน
สะพัด‘แม้ว’บีบพรรคร่วมฯ
หนุนก.ม.กาสิโน/ขู่ขับพ้นรบ.
พ่อรองปธ.ยุพรรคร่วมถอนตัว
สะพัด!เทวดาทักษิณ ขู่พรรคร่วมให้อยู่ในคอก โหวตรับกฎหมายกาสิโนในวาระ 1 หากแตกแถวต้องขับออกจากรัฐบาล ด้านเพื่อไทย ปัดทันควัน ยันเคลียร์กันจบแล้ว “โต้ง-กิตติรัตน์”
เหน็บม็อบค้าน“กาสิโน”ไม่เห็นมีใครต้านบ่อนเถื่อน ขณะที่ “102 อดีตสปช.”ยุคคสช.ส่งหนังสือเปิดผนึก เตือน “รัฐบาล-สภา” ถ้ายังดันทุรังระวังเป็น “ผู้นำทรราช” ด้าน “จตุพร”พร้อมลุย 9 เมษายน ไม่เอากฎหมายเปิดบ่อน “เสี่ยตือ-สมศักดิ์” จี้พรรคร่วมฯถอนตัว
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ได้กำชับไปที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ให้โหวตรับหลักการในวาระแรก ร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระแรก วันที่ 9 เม.ย.นี้ หากพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนแตกแถว จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มีคำสั่งตรงไปที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่ง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมใจสร้างชาติ (รทสช.) จะโหวตกันอย่างพร้อมเพรียงหรือไม่ และต้องจับตาว่า พรรคประชาชาติ (ปช.) ที่มี สส.จำนวน 9 คน โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรค เป็นชาวพุทธ เพียงคนเดียว ส่วน สส. อีก 8 คน ที่เป็นชาวมุสลิม และมีฐานเสียงหลักอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จะลงมติร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับดังกล่าว อย่างไร เพราะการพนันขัดต่อหลักศาสนา
โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นวันที่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … โดยระบุว่าติดภารกิจล่วงหน้า นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังไม่นำเรื่องกฎหมายดังกล่าวมาพูดคุยกับ สส.อีกทั้ง 8 คนแต่อย่างใด
สส.มุสลิมไม่เอาบ่อนกาสิโน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ต่อ ครม. และประธานวิปรัฐบาล พร้อมกับโพสต์หนังสือของ พ.ต.อ.ทวี หัวหน้าพรรคที่แจ้งต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อสังเกต อาทิ ข้อกังวลเรื่องอาชญากรรม เพราะจะมีชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศจำนวนมาก , ผลกระทบต่อเด็ก และเยาวชน , อาจทำให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ , จะเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจริงหรือไม่ จึงเห็นควรให้ไปศึกษาเพิ่มเติมว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ
ขณะเดียว ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี ได้ทำหนังสือถึง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เรื่อง ความเห็นร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….
หนังสือดังกล่าวมีรายละเอียดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งมติของ ครม. เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เรื่องเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
ยธ.ทักท้วงหวั่นกระทบเด็ก
กระทรวงยุติธรรมขอเรียนว่าได้ทำหนังสือเรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณา ของ ครม.ในเรื่องนี้ไว้ ตามเอกสารสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ข้อ ซึ่งในข้อ 2ได้ระบุไว้ว่า “การพัฒนาธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่ให้เป็นสถานบันเทิงครบวงจร อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กหรือเยาวชน ที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศในเรื่องนโยบายทางการศึกษาที่เคยมุ่งเน้นให้เยาวชน เป็นผู้ที่มีศีลธรรมอันดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติหลักการศาสนาอิสลามหรือศาสนาอื่น
ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้พิจารณาแล้ว เห็นควรให้ความสำคัญกับหลักการที่ต้องห้ามอย่างชัดเจนในด้านศาสนาและวัฒนธรรม จึงเห็นควรให้ร่าง พ.ร.บ.มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย โดยอาจเพิ่มเติมในบทบัญญัติที่เกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่การบังคับใช้กฎหมายหรือการเพิ่มข้อพิจารณาด้านศาสนา และวัฒนธรรม ของประชาชนในท้องที่ ที่จะกำหนดให้เป็นพื้นที่ในการอนุญาตภายใต้นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ เพื่อให้กฎหมายใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ไม่เป็นธรรม กับเพื่อไทย
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ปฎิเสธรายงานข่าวนายทักษิณ บีบพรรคร่วมให้โหวดหนุนกฎหมายกาสิโน ถ้าไม่ทำตามจะขับพ้นรัฐบาล ว่า การพูดเช่นนี้ใครก็พูดลอยๆ ได้ ใครก็บอกได้ว่าเป็นแหล่งข่าว แต่ความเสียหายเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนขอถามว่ามีหลักฐานอะไร และไม่มีความเป็นธรรมให้พวกตนในฐานะพรรคการเมือง เมื่อมีข่าวออกมา พวกตนก็ต้องมานั่งแก้ข่าวกัน ซึ่งไม่โอเค
“เอาตามที่สบายใจ เพราะพวกผมทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่มีข่าวออกมาแล้ว พวกเราต้องมานั่งแก้ข่าวว่าไม่ใช่ความจริง ส่วนคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อในส่วนนี้ พวกผมก็ห้ามไม่ได้ ฉะนั้น เวลาที่มีการบอกว่าแหล่งข่าวรายงานว่านั้น ถามว่าแหล่งข่าวไหน แบบนี้พวกผมก็บอกว่าแหล่งข่าวรายงานว่า พวกผมคุยกับฝ่ายค้านเรียบร้อยแล้วได้ แต่ความจริงเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้ จึงบอกว่าการทำการเมืองเช่นนี้ มันย้อนกลับไป อยู่ดีๆ คิดจะพูดอะไรก็พูดได้ มันไม่ถูก ทั้งนี้สื่อต้องเข้มแข็งและเป็นหลัก เพราะทุกวันนี้ สื่อหลักเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่สื่อออนไลน์ก็อีกอย่าง เข้าใจว่าสื่อต้องทำงานเร็วเพราะมีการแข่งขันกันสูง แต่เมื่อข่าวออกมาเช่นนั้น พวกผมเสียหาย แล้วใครรับผิดชอบพวกผม แหล่งข่าวที่ว่า หาตัวให้ผมหน่อย ผมจะได้เอามายืนยัน เพราะมั่นใจว่าท่านทักษิณไม่ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ไหน แต่เมื่อข่าวออกมาเช่นนี้ คนที่เจ็บคือพวกผม“ นายสรวงศ์ กล่าว
ยอมรับ สส.มุสลิม กังวล
เมื่อถามว่าในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล จะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นหรือไม่ เพราะเหมือนพรรคประชาชาติกังวลกับเรื่องนี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เราทราบเรื่องที่พรรคประชาชาติกังวล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นพรรคที่มีฐานอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสมาชิกในพรรคนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม แต่ทั้งหมดก็คือกฎหมาย ทุกอย่างสามารถทำความเข้าใจกันได้ ทั้งนี้ ในคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)ได้พูดคุยกันแล้ว จึงขออย่าเอานายทักษิณเข้ามาเกี่ยว ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาพูดคุยกันแล้ว เมื่อมีข่าวว่านายทักษิณ ประกาศว่าจะขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วย ตนขอถามว่าหลักฐานอยู่ไหน และไม่มีใครมาพูดเช่นนี้อยู่แล้ว
ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก “Kittiratt Na Ranong” ระบุว่า..“ไม่เห็นใครเดินขบวน ต้านบ่อนเถื่อนทั่วกรุงเลย แต่พอรัฐจะสร้างกาสิโน นำรายได้มาพัฒนา กลับดิ้นค้านกันใหญ่เลย คุณปกป้องบ่อนเถื่อนรึ”
เสี่ยตือแนะหน.พรรคร่วมฯถอนตัว
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าวว่า เห็นภาพข่าวนี้แล้ว ใจคอหดหู่ยิ่งนัก 93 ปีของระบอบประชาธิปไตยมันถอยหลังไปกว่าที่คิดถ้าเป็นพรรคแกนนำแล้วมีตรรกะแค่นี้ ท่านหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลครับ ผมว่าท่านถอยมาเถอะครับ ไม่ฟังเหตุผล ไม่เคารพให้เกียรติกัน จะอยู่ร่วมกันอย่างไร อยู่ร่วมกัน แล้วสร้างตราบาปและบาดแผลให้ประเทศ ถอยมาเถอะครับท่านหัวหน้าทั้งหลาย
ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก อดีตสส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองโฆษกรัฐบาล สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ ระบุว่า...ไล่เลย ให้มันรู้กันไป #ไม่เอาคาสิโน
ทักษิณเป็นพ่อที่ใจร้าย และเห็นแก่ความสุขสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง ชอบอวดอหังการ์ แต่ละวันมีแต่ทำลายคุณค่าลูกสาว ลำพังลูกจะประคองตัวเองก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ได้พ่อมาเสริมเพิ่มความเอือมระอาเกลียดชังอย่างไม่แผ่วเช่นนี้ สุดท้ายจะเหลืออะไร
102อดีตสปช.ร่วมต้าน‘กาสิโน’
วันเดียวกัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 120 คน นำโดย ศ.เทียนฉาย กีระนันทน์(อดีตประธาน สปช.) ลงนามในหนังสือเปิดผนึก ส่งถึงประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา เรื่อง ขอให้พิจารณาไม่ผ่าน ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิง พ.ศ. ...มีเนื้อหาดังนี้ว่า ในฐานะผู้เคยทำหน้าที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557–2558 ตามรายนามที่ปรากฏข้างท้ายนี้ ขอแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่รัฐบาลและรัฐสภาจะนำร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …ซึ่งมีบ่อนกาสิโนสอดแทรกอยู่ในร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 เมษายน 2568 และขอให้ยุติการผลักดันร่างกฎหมายนี้ด้วยการไม่รับหลักการ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพประชากรและปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อให้สามารถเพิ่มพูน แข่งขันกับนานาชาติได้แต่การพนันทั้งกาสิโนและพนันออนไลน์เป็นอบายมุขที่เป็นปากเหวแห่งความ เสื่อมที่จะบั่นทอนกำลังกาย กำลังสติปัญญาทั้งของเยาวชนและศักยภาพของประชากรในวัยทำงาน รัฐบาลควรมุ่งหมาย ในการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์เพื่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว ไม่ใช่ส่งเสริมอบายมุขเพื่อทำลายศักยภาพของคนไทย
2. การเปิดบ่อนการพนัน และต่อไปจะมีการพนันออนไลน์อย่างถูกกฏหมายเป็นการส่งสัญญาณการพัฒนาประเทศที่ผิด ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่ตามมาอย่างที่สามารถคาดเดาได้ เช่น จะมีคนสูญเสียหมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้เป็นสิน การทะเลาะเบาะแว้ง การทอดทิ้งลูกและครอบครัว รวมทั้งเกิดความรุนแรงถึงฆ่าตัวตาย การก่ออาชญากรรม ปล้นชิงทรัพย์ชุกชุม ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศรวมทั้งในประเทศไทย ทำให้ผู้คนหมกมุ่นเล่นการพนัน ไม่อยากประกอบสัมมาอาชีพ
ชี้มหันตภัยต่อชาติร้ายแรง
การพนันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โรคติดพนัน” เป็นโรคทางจิตที่เสพติดการพนัน มีคำกล่าวว่าผีร้ายที่สุดคือผีพนัน เป็นการบ่อนทำลายอนาคตของเยาวชนและประชาชน เป็นหายนภัยอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติและต่ออนาคตของลูกหลานคนไทยทั้งปวง
3. ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง ดังที่สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ชี้ไว้แล้วว่าการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP เพราะการโอนย้ายเงินจากผู้เสียพนันไปให้ผู้ได้พนัน ปราศจากการผลิตสินค้าและบริการใดๆ เป็นเพียงการย้ายเงินจากมือคนหนึ่ง ไปสู่มืออีกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทำให้คนเล่นหรือเหยื่อหมดเนื้อหมดตัว มีแต่เจ้ามือและกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ร่ำรวย
4. บ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ คือ ที่รวมของการฉ้อฉลคดโกงทั้งปวง เช่น คอลเซนเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี โจร นักตีชิงวิ่งราว และเป็นบ่อเกิดและแหล่งรวมอบายมุขทั้งปวง เป็นที่ฟอกเงินผิดกฎหมายทั้งหลายที่อยู่ใต้ดินให้กลายเป็นเงินที่อยู่บนดิน ดังนั้นการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชันจะทำได้ยากมากขึ้น
เตือนระวังเป็น‘ผู้นำทรราช’
5. พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยประกาศหาเสียงให้สัญญากับประชาชนว่า เมื่อได้อา นาจ จัดตั้งรัฐบาลแล้ว จะเปิดบ่อนการพนันขึ้น ในพระนครและเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง จึงเป็นการกระทำของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย เป็นการหลอกลวงเพื่อชิงอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งได้แล้ว ก็ดำเนินการตามอำเภอใจ ผิดหลักการการเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้งในท่ามกลางความเร่งร้อนของรัฐบาลและรัฐสภาที่ร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายกาสิโนและการพนันออนไลน์เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯนั้น มีประชาชนจากหลายภาคส่วนของสังคมออกมาคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าประชาชนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับกาสิโนและการพนันออนไลน์ และจะเพิ่มความเข้มข้นในการต่อต้านยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆสมควรที่รัฐบาลและรัฐสภาจะต้องรับฟัง มิเช่นนั้นแล้วท่านจะกลายผู้นำทรราชที่ไม่รับฟังเสียงคัดค้านของประชาชนที่เลือกพวกท่านขึ้นมาเป็นผู้แทนของประชาชน และจะหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติตามรายนามข้างท้ายนี้ขอเรียกร้องต่อรัฐบาล รัฐสภา พรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา ได้โปรดรับฟังเสียงคัดค้านของประชาชน โปรดพิจารณาไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ที่มีการสอดแทรกกาสิโนอยู่ในร่างกฎหมายนี้ ซึ่งจะเข้าพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน 2568
ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุขของประชาชนสืบไปรายนามชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ร่วมคัดค้าน ร่างพรบ.สถานบริการครบวงจร ที่มีบ่อนกาสิโนอยู่ด้วย
ม็อบเสื้อขาวต้านกาสิโน9เมย.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ปราศรัยเวที คปท. ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ว่า โดยต่อการการที่รัฐบาลผลักดันกฎหมายกาสิธน
“การแสดงพลังของประชาชนทุกวันอังคารการประชุม ครม. ต้องมาเจอหน้าพวกนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และที่สำคัญคือ ในวันที่ 9 เม.ย. พลังประชาชนต้องเริ่มปรับทัพต่อสู้กันใหม่ โดยเริ่มนำขวดน้ำโพลาลิตรมาเคาะส่งเสียงแทนมือตบ และให้ใส่เสื้อขาว ซึ่งจะเรียกประชาชนอีกฝ่ายเข้ามาร่วมต่อสู้กันมากขึ้น นอกจากนี้สีขาวเป็นสีที่ปลอดจากการเมือง และความขัดแย้ง เมื่อประเทศไทยอยู่ในยุคมืดมนอนธการแล้ว ภาระหน้าที่เราต้องทำประเทศให้เป็นสีขาว ให้กระบวนการยุติธรรมและรัฐบาลเป็นสีขาว และปลอดทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกสิ่งก็ให้เป็นสีขาว ถ้าเราไม่ล้างชาติบ้านเมืองให้สะอาด บ้านเมืองก็สกปรกจนคนอยู่ไม่ได้”นายจตุพร ระบุ
และกล่าววถึง สส.ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ที่กล่าวหาประชาชนต่อต้านบ่อนกาสิโนบนถนนเป็นพวกคนหน้าเดิมนั้น ตนจึงถามว่า แล้วทักษิณ ชินวัตร เป็นคนหน้าใหม่หรืออย่างไง ฝ่ายจะทำบ่อนก็หน้าเดิม และก็เป็นพวกหน้าเดิมๆ กันทั้งนั้น
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ากฎหมายบ่อนกาสิโนผ่านวาระหนึ่งใช้เสียงข้างมากลากจนผ่านในวันที่ 9 เม.ย. เท่ากับทักษิณและอุ๊งอิ๊งค์กำลังจุดพลังประชาชนออกมาต้านครั้งใหญ่ เรียกว่าจุดติด แม้วันนี้มีการขู่จากฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าสภามีปัญหาก็จะเจอรัฐประหาร แต่คนที่จะเรียกการรัฐประหารตัวจริงก็คือ พวกทำบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์
“ร.5 ทรงยกเลิกบ่อน แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับมาสร้างบ่อน ซึ่งใครสวนปณิธาน ร.5 ไม่ได้ดีกันสักราย อยากถามคำถามง่ายๆว่า มึงเป็นใคร ไม่ฟัง ร.5 ไม่รู้สึกรู้สาเลยที่คิดมาทำบ่อนกาสิโน แล้วอ้างจะสู้กับอเมริกาขึ้นภาษี” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ต่อต้านกาสิโนลามทุ่ง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร” ดังนี้...5 เหตุผลที่ทำไมการค้านกาสิโน จึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง 1. การเสนอ กม.ขาดความโปร่งใส อ้างการสำรวจความเห็นที่ทำกันลับ ๆ ล่อ ๆ ปั้นแต่งตัวเลขคนเห็นด้วย เพื่อสร้างหลักฐานว่ามีประชาชนเห็นด้วยมากมาย 2. เร่งรีบจนเกินงาม ผ่าน ครม. เพียง ไม่ถึงสัปดาห์ ก็รีบบรรจุวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยังใช้เสียงข้างมากลากไปเพื่อเลื่อนวาระแซงหน้า กม. อื่น ๆ ที่เข้าคิวก่อนหน้ามากกว่า 60 ฉบับ 3. มีพฤติกรรมเจ้าเล่ห์เพทุบาย มีเจตนาอยากสร้างกาสิโนเสรี เพื่อจูงใจให้ประโยชน์แก่ผู้มาลงทุนสูงสุด แต่ทำเป็นร่าง กม. จำกัดคนไทยเข้าบ่อนต้องมีเงินฝาก 50 ล้านบาท แต่วางแผนไปแก้ไขในขั้นกรรมาธิการให้เหลือแค่มีเงิน 5,000 บาท ก็เข้าไปเล่นได้
4. ไม่เชื่อถือในนักการเมืองว่าจะทำโดยเห็นประโยชน์แก่ประเทศหรือจะเพื่อประโยชน์ของตนเอง ยิ่งระบุใน กม. ให้นักการเมืองเป็นกรรมการนโยบายที่จะตัดสินใจเลือกจำนวน ที่ตั้ง หลักเกณฑ์อนุญาต และตัดสินว่าใครจะได้ ยิ่งไม่เชื่อว่าจะไม่มีผลประโยชน์ใต้โต๊ะ ยิ่งขนาดการลงทุนและผลตอบแทนยิ่งมาก ความเชื่อเรื่องเงินใต้โต๊ะ ยิ่งมาก 5. การจัดความสำคัญบ้าบอเกินเหตุ ในขณะที่ทั่วโลกตื่นตระหนกกับภาษีตอบโต้ของอเมริกาและต้องหาทางแก้ไข นักการเมืองไทยกลับมีตรรกะติงต๊องว่าต้องรีบเปิดบ่อนเพื่อหารายได้เข้าประเทศ ทั้ง ๆ ที่บอกเองว่า กม.กว่าจะผ่านก็ มากกว่า 6 เดือน การยิ่งสักแต่พูด ยิ่งด้อยค่าปัญญาของผู้ออกความเห็น ถอยเองแบบมีสติ ยังดีกว่าถอยเพราะโดนไล่มากมายครับ เลือกเอาเอง
ญาติพฤษภา’35 ร่วมค้านด้วย
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลและสภาจะหลักดันกฎหมายกาสิโน เพราะ การทำบ่อนพนันถูกกฎหมาย ไม่มีความชอบธรรมทั้งด้านกฎหมายและการเมือง ในนโยบายหาเสียงเลือกตั้งสส.ปี 2566 พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่หาเสียงไว้ จึงขอเตือนว่า ท้ายังเดินหน้าเรื่องนี้ ก็จะซ้ำรอยร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยที่มีการลักหลับผ่านกฎหมายตอนตี4 จะเกิดความขัดแย้งลุกลามไปทั่วประเทศนำไปสู่ความรุนแรงและนองเลือดอีก
ส่วนกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยขู่ว่าประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านกาสิโนจะทำทหารจะออกมารัฐประหารนั้น นายอดุลย์ กล่าวว่า อย่ามาโทษประชาชนต้องโทษรัฐบาลคือต้นเหตุที่ออกนโยบายโคตรโกงทำลายชาติและความสงบสุขของบ้านเมือง เมื่อประชาชนไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิ์ออกมาต่อต้าน แต่ตัวเองกลับไม่สำนึก ขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนไม่ได้โง่แล้ว ควรเอาเวลาไปคิดนโยบายเรื่องสงครามการค้าและภูมิศาสตร์โลกมากกว่ามาคิดเรื่องนโยบายที่ล่อแหลมและนำไปสู่ความขัดแย้ง
“บทเรียนจากเหตุการณ์พฤษภา 35 เป็นตัวอย่างรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ควรเอาบทเรียนในอดีตเป็นอุทาหรณ์ทางการเมือง”นายอดุลย์ กล่าว
วงจรอุบาทว์จะกลับมา
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee” เนื้อหาดังนี้ภายใต้สภาวะโลกรวนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความเสี่ยง วิกฤต และภัยคุกคาม อย่างที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในหลากหลายมิติ การเมืองไทย ณ ขณะนี้ มี “ความบกพร่องในธรรมาภิบาล” อย่างรุนแรง ที่มิเพียงส่งผลทำให้ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ (Clean & Clear) เสรีภาพและความเป็นธรรม (Free & Fair) ตลอดจนการเกื้อกูลและแบ่งปัน (Care & Share) ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมไทยแล้ว
ความวามบกพร่องในธรรมาภิบาลที่เกิดขึ้น ได้ก่อให้เกิดระบอบ “ประชาธิปไตยเทียม“ (Pseudo-Democracy) การมี ”รัฐบาลที่ไม่น่าเชื่อถือ“ (Low-Trust Government) ที่ขาดซึ่งความชอบธรรม (Legitimacy) คุณธรรมจริยธรรม (Integrity)และความรู้ความสามารถ (Capability) ในการขับเคลื่อนประเทศ
การเมืองไทยน่าจะได้รับบทเรียนจากความพยายามในการผลักดันนิรโทษกรรมสุดซอยในห้วงทศวรรษที่ผ่านมา ขออย่าได้หย่ามใจที่จะดื้อด้านผลักดัน Casino ให้เกิดขึ้นกับประเทศนี้ แผ่นดินนี้
ระวัง “วงจรอุบาทว์ 3 ป.” ของการมีประชาธิปไตยเทียม ที่ก่อให้เกิดการประท้วงต่อต้าน จนเกิดการก่อการปฏิวัติรัฐประหาร เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็ววันนี้ ประเทศเราบอบช้ำมากพอแล้ว ขออย่าให้เกิดประวัติศาสตร์เลยนะครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี