ครป. คัดค้านกฎหมายกาสิโนเสรี ชี้ถ้ามีต้องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเท่านั้น
วันที่ 8 เมษายน 2568 นายเมธา มาสขาว รักษาการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ กล่าวว่า การที่อดีตรัฐมนตรีคลังออกมากล่าวว่า ไม่เห็นมีการเดินขบวนคัดค้านบ่อนการพนันใต้ดินบ้าง ถือว่าเป็นความคิดที่สับสน เพราะบ่อนการพนันผิดกฎหมายเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการกำจัดและบังคับใช้กฎหมาย แต่การนำบ่อนการพนันผิดกฎหมายมาไว้บนดิน ยังมีข้อกังวลอย่างกว้างขวาง ถ้ามีเพื่อการท่องเที่ยวและนำรายได้เข้าประเทศ ก็ควรบังคับให้ชาวต่างประเทศเข้าได้เท่านั้น เหมือนกาสิโนในหลายประเทศไม่อนุญาตให้คนภายในประเทศเข้าเล่น ไม่อย่างนั้นเศรษฐกิจรากฐานจะพังทลายและคนไทยส่วนใหญ่จะสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะเสพติดการพนัน
สำนักคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เคยศึกษาว่าการพนันไม่นับรวมเป็นรายได้ประชาชาติ เนื่องจากเป็นการโอนเงินจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดยไม่ก่อให้เกิดการผลิตใดๆ รายได้ของคนทั้งหมดรวมกันจะเท่าเดิม ยิ่งจะเป็นการผันเงินจากคนจนไปให้คนรวยเจ้าของกาสิโนมากขึ้น และจ่ายคืนให้รัฐในฐานะภาษีไม่มากมายจากรายได้ของประชาชนมหาศาล ซึ่งรัฐก็จะต้องมารับผิดชอบอีกเป็นวัฎจักร รัฐบาลบอกว่าจะทำให้รายได้ของประเทศสูงขึ้นอย่างมากมายเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการสัมปทานความร่ำรวยโดยการถ่ายโอนรายได้อย่างถูกกฎหมายของคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ระบบรัฐและราชการขาดความโปร่งใสและต้องการปฏิรูปครั้งใหญ่
ผมเห็นว่า การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) เพื่อช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและลดการพนันใต้ดินตามรายงานของสภาฯ ยังไม่สามารถตอบคำถามเรื่องผลกระทบทางสังคมได้ โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การปล่อยเงินกู้นอกระบบ ส่วย ธุรกิจสีเทา ปัญหายาเสพติดและแหล่งการฟอกเงิน และอีกด้านหนึ่งหากมีการอนุญาตให้คนไทยเล่นได้อย่างเสรีอาจนำมาซึ่งปัญหาเศรษฐกิจฐานรากของไทยล่มสลายได้ โดยรัฐบาลได้เพียงเงินภาษีเพิ่มจากรายได้ของกาสิโนที่กอบโกยเอาเงินของคนไทยไปจ่ายเพิ่มเติม ส่วนจะให้คนที่มีบัญชีเกิน 50 ล้านบาทเข้าได้เท่านั้น ควรเพิ่มเป็นหลายร้อยล้านแต่กลัวว่าจะมีการแปรญัตติ และคนรวยเหล่านั้นเขาเล่นการพนันในตลาดหุ้นอยู่แล้ว
ครป.เคยออกแถลงการณ์ว่า การพนันถือเป็นหนึ่งในบรรดากิเลสของมนุษย์ที่ต้องถูกควบคุม มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิถีชีวิตการดำรงอยู่ของมนุษย์และสังคม ศาสนาพุทธจึงบัญญัติให้เป็นหนึ่งในศีลห้า ที่ต้องห้ามมิให้กระทำมิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นบาป สังคมไทยจึงได้กำหนดให้การพนันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมาช้านาน อย่างไรก็ตาม เราทราบกันดีอยู่โดยทั่วไปว่า ถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพนันได้ เพราะมนุษย์นั้นมีความโลภเป็นสันดานมาแต่เกิดโดยปกติ เป็นธรรมชาติที่มนุษย์จะมีทั้งธรรมชาติที่ดี และธรรมชาติที่มืดบอดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีปัจจัยในการส่งเสริมธรรมชาติที่ดีของมนุษย์ และควบคุมธรรมชาติที่มืดมอด การปล่อยให้ธรรมชาติที่มืดบอดเข้าครอบงำ และกระตุ้นให้ธรรมชาติที่มืดบอดเจริญงอกงาม ย่อมส่งผลกระทบต่อคนผู้นั้นๆ และต่อสังคมที่ดีโดยส่วนรวม จึงต้องมีมาตรการในการควบคุมป้องปราม มิให้ธรรมชาติที่มืดบอดครอบงำวิถีการดำรงชีวิตอันปกติสุขของสังคม
การมีกฎหมายควบคุมการพนันจึงเป็นมาตรการป้องกันและบรรเทา มิให้สิ่งชั่วร้ายในใจมนุษย์เจริญเติบโตกล้าแข็งจนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกว้างขวาง ต่อการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขในสังคม การทำให้การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย จะเท่ากับเป็นการส่งเสริมการกระทำผิดในการดำรงชีวิต กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมเป็นไฟลามทุ่งที่จะเผาผลาญธรรมที่สถิตย์ดำรงอยู่ในใจมนุษย์และในจิตวิญญาณของสังคม สังคมจึงไม่ควรปล่อยให้การกระทำผิดกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้คนในสังคมและเยาวชนลูกหลาน และโดยเฉพาะกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตอันดีงามที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมที่เราได้สั่งสมกันมาเป็นเวลาช้านาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี