วันที่ 8 เมษายน 2568 นายกฤษณรัตน์ บูรณะสัมฤทธิ์ อดีตรองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า Trump การเมืองระหว่างประเทศ บอร์ดและการบินไทย (อีกแล้ว)
เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยเขียนเรื่องความสัมพันธ์ของการเมืองระหว่างประเทศกับการบินไทย ว่าทุกครั้งที่รัฐบาลไทยมีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเรื่องการกีดกันทางภาษี เรื่องส่งออกสินค้าเกษตร หรืออะไรก็ตาม สิ่งที่ทุกรัฐบาลทำคือ “ให้การบินไทยไปซื้อเครื่องบิน” ถ้ามีปัญหาฝั่งยุโรปก็ให้ไปซื้อแอร์บัส ถ้ามีปัญหาฝั่งอเมริกาก็ให้ไปซื้อโบอิ้ง พอซื้อแล้วปัญหาของชาติก็จะจบลง แต่ปัญหาต่างๆจะมาลงที่การบินไทยแทน แต่มีหลายคนไม่เชื่อว่าเป็นอย่างที่ผมเขียน จนวันนี้ทุกคนคงได้เห็นกับตาซะทีว่าเป็นไปอย่างที่ผมเคยเขียนไว้
แล้วทำไมการบินไทยจึงมีปัญหาล่ะ ในเมื่อได้เครื่องบินเพิ่มมาบินรับผู้โดยสารก็น่าจะดีออก หลายคนคิดแบบนี้ แต่ต้องไม่ลืมคิดเรื่องการบริหารต้นทุนต่างๆที่เกิดขึ้นจากการที่มีเครื่องบินหลายแบบ(โดยไม่จำเป็น) การวางแผนเส้นทางบินและกำลังคน การจัดหาอะไหล่ก็ต้องเพิ่มขึ้นตามแบบเครื่องบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ต้องเพิ่มขึ้นจากข้อจำกัดในการให้บริการได้แค่ 3 Type การหมุนเวียนเครื่อง ความชอบของลูกค้าที่แตกต่างกัน(มักมีปัญหาเวลาเครื่องเปลี่ยน Type บินแล้วลูกค้าบอกว่าที่จองเพราะได้นั่งเครื่องรุ่นนี้ๆๆๆๆไม่ใช่รุ่นที่เอามาบิน) และปัญหาต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเราต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด แต่เพราะ“นโยบายรัฐ” ทำให้เราเคยมีแบบเครื่องบินถึง 15 แบบ อันนี้ยังไม่รวมใบสั่งให้เอารุ่นนี้รุ่นนั้นที่สร้างความ“Shipหาย”อีก (สมัยใครไปค้นข้อมูลเองนะครับ) ไหนจะเรื่องที่เราต้องสร้าง Balance ที่เหมาะสมกับฝั่งยุโรป(แอร์บัส)กับฝั่งอเมริกา(โบอิ้ง)อีก
ความโชคดีของการบินไทยคือปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขเมื่อช่วงโควิด เมื่อผู้บริหารแผนฟื้นฟูได้ร่วมกับฝ่ายบริหารและพนักงานออกแบบฝูงบินของการบินไทยใหม่ สั่งซื้อเครื่องบินตัวใหม่ที่เหมาะสม ส่วนตัวเครื่องตัวไหนไม่จำเป็นก็ขายออกไป(รวมถึงตัวเจ้าปัญหาที่ไม่มีบอร์ดรุ่นไหนกล้าขายเพราะราคาต่ำกว่า Book Value มาตลอด) โดยที่ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง ทำให้การบินไทยสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ (แม้ในช่วงแรกอาจจะขลุกขลักบ้างเพราะเครื่องบินไม่พอเนื่องจากธุรกิจการบินฟื้นตัวไวกว่าที่ทั้งโลกคาดการณ์ไว้ 3 ปีทำให้เครื่องเราไม่พอ) จนทำให้การบินไทยพลิกกลับมาทำกำไร 9 ไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรก
แต่เมื่อทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีประเทศไทย 36% สิ่งที่ผมกลัวเมื่อได้ยินข่าวก็เกิดขึ้นอีกครั้งคือ รัฐบาลจะเจรจาต่อรองกับทรัมป์โดยเอาการบินไทยเป็นหนึ่งในเบี้ยของการเจรจาเพื่อขอลดภาษีลงตามสูตรเดิมๆเป๊ะ ซึ่งในขณะนี้การบินไทยได้สั่งซื้อ Boeing 787 จำนวน 45 ลำและมี Option จะเพิ่มเป็น 80 ลำที่เป็นเงินหลายแสนล้านบาทไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการเจรจาจะสามารถเอารายการที่การบินไทยสั่งซื้อไปแล้วมาต่อรองได้หรือไม่ หรือต้องซื้อใหม่เท่านั้น
ถ้าต้องซื้อเพิ่ม แน่นอนปัญหาคือ จะตรงตามความต้องการของการบินไทยไหม ฝูงบินตามแผนเดิมจำเป็นต้องเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนอีกไหม และถ้าเพิ่มจะไปบินเส้นทางไหนอีก ไม่รวมต้นทุนต่างๆที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามมาอีกอันอาจนำไปสู่ปัญหาในอดีตของการบินไทย ที่เราเพิ่งปลดแอกออกจากบ่าไปได้
ที่นี้นอกจากรัฐบาลแล้วจะยังมีกลุ่มคนที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในอนาคตการบินไทยรวมถึงการซื้อเครื่องบิน นั้นคือ บอร์ดการบินไทยชุดใหม่ที่จะมีการโหวตจากผู้ถือหุ้นใหม่(เจ้าหนี้เดิม)ในวันที่ 18 เมษายนนี้
แน่นอนผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ รัฐ ที่ส่งรายชื่อมาแล้ว ส่วนใครจะชอบไม่ชอบนั้น ผมว่าคนตัดสินใจไปตั้งแต่วันที่ประกาศชื่อออกมาแล้ว เหมือนบอร์ดสมัยเป็นรัฐวิสาหกิจยังไงไม่รู้ ข้าราชการทั้งนั้น ทั้งๆที่วันนี้การบินไทยเป็นเอกชน น่าจะเอาภาคธุรกิจเข้ามาเป็นบอร์ดมากกว่านี้
แถมวันที่ 18 เมษายนนี้ยังมีประเด็นเรื่องจำนวนคณะกรรมการว่าต้องมีกี่คนกันแน่ เรียกว่าอีรุงตุงนังพอควร เพื่อตัดปัญหาเสนอ จำนวนคณะกรรมการบริษัทให้มี 12 คนไปเลย เพราะตอนนี้ฝั่งรัฐก็เสนอมาแล้วถึง 7 คน บวก 3 คนจากคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูเดิม (คุณปิยสวัสดิ์ คุณชาญศิลป์ พลอากาศเอกอำนาจ) เหลืออีก 2 คนก็จะเป็น 5 คนซึ่งควรจะเป็นตัวแทนฝั่งผู้ถือหุ้นรายย่อย ( อย่าลืม CEO การบินไทยคุณชายด้วยนะครับ เพราะโดยหลักการ CEO ควรเป็นบอร์ดเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างบอร์ดกับบริษัท)
ตอนนี้สิ่งที่หวังคือ ฝั่งผู้ถือหุ้นรายย่อยจะรวมตัวกันเสนอชื่อผู้ที่จะมาเป็นบอร์ดของฝั่งรายย่อยคือคุณชาติชาย โรจนรัตนางกูร ผู้แทนจากสหกรณ์ กฟผ ซึ่งถือหุ้นอยู่ 5% และขอให้โหวตชนะ เพื่อมาช่วยดูแลเงิน(หนี้)ของทุกท่าน และช่วยนำทิศทางการบินไทยให้ไปในทิศทางที่ควรจะเป็นเหมือนสมัยที่การบินไทยมีคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู ที่ทำงานได้อิสระและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการบินไทยจนการบินไทยฟื้นขึ้นมาได้และกำลังจะวิ่งเพื่อไปสู่จุดหมาย ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครมาสกัดขาจนล้มอีกรอบนึงแล้วกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี