นายกฯบี้ผลสอบตึกสตง.ถล่ม
ขีดเส้น90วัน
ต้องรู้สาเหตุ-ผู้รับผิดชอบ
สั่งรื้อกระบวนการอนุมัติ
‘กทม.’สรุปยอดตาย21ศพ
คาด1เดือนเคลียร์ซากเสร็จ
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถกติดตามผลสอบตึกสตง.ถล่ม ได้ข้อสรุปถึง 4 สถาบันการศึกษาร่วมกับกรมโยธาฯทำโมเดลวิเคราะห์สาเหตุ ขีดเส้น 90 วันรู้สาเหตุ ลั่นต้องมีผู้รับผิดชอบ พร้อมสั่งรื้อกระบวนการตรวจอนุมัติการก่อสร้างตึกรัฐ-เอกชน ด้านดีเอสไอลงพื้นที่เกิดเหตุพร้อมหารือกทม.รวบรวมพยานหลักฐานเหตุอาคาร สตง.ถล่ม นำไปพิจารณาคดีนอมินีรองผู้ว่าฯกทม.อัปเดตยอดผู้เสียชีวิต 21 ศพ เร่งนำรถแบ๊กโฮเปิดทางเข้ากู้ผู้สูญหายใต้ซากตึกคาดใช้เวลา 1 เดือนเคลียร์ซากไซต์งาน
เมื่อวันที่ 8เมษายน2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังรับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ จากคณะกรรมสอบสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่(สตง.)ว่า วันนี้ได้หลายข้อสรุป คือ ขอให้ความมั่นใจประชาชนกฎหมายที่ออกมาเกี่ยวกับการสร้างอาคารสามารถรองรับเรื่องแผ่นดินไหวแบบที่เกิดขึ้นมาได้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงเท่าเดิมจะไม่ทำให้ตึกถล่มแต่ตึกเหล่านั้นต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งเราจะเห็นว่าไม่มีตึกไหนเสียหายที่มากมีเรื่องการกะเทาะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตึกที่ถล่มมีเพียงตึกเดียวที่เราเอามาดูเรื่องข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเมื่อคุยกันก็ได้ข้อสงสัยหลายเรื่องเป็นข้อสงสัยที่ค่อนข้างสำคัญมากตั้งแต่เริ่มต้นและในกระบวนการ อีกอย่างที่ต้องทำคือไซต์งานก่อสร้างที่เกิดเหตุยังต้องใช้เวลาเคลียร์พื้นที่ 1 เดือน
ดึง4สถาบันวิศวะทำโมเดลวิเคราะห์สาเหตุ
นายกฯกล่าวต่อว่าที่ประชุมฯวันนี้ได้ข้อสรุปเราจะใช้ 4 สถาบันการศึกษากรมโยธาธิการและผังเมือง ทำโมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มเพื่อให้ทรายว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตึกถล่ม เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตคน รัฐบาลติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิด พูดคุยกับคณะทำงานแล้วบอกว่าโมเดลที่จะทำจากแต่ละสถาบันใช้เวลาประมาณ 90 วัน แต่ตนบอกว่าเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ ซึ่งความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดมีหลายข้อที่ทำให้ตึกถล่ม เพื่อความแน่ชัด ผู้เกี่ยวข้องจะใช้เวลาประมาณ 90 วันให้เกิดความร่วมมือและความโปร่งใสในการตรวจสอบ ให้ประชาชนเข้าใจว่าเราใช้วิศวกรจาก 4 สถาบันการศึกษมาทำแยกกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและมั่นใจได้
รื้อกระบวนการตรวจอนุมัติตึกทั้งหมด
นายกฯกล่าวอีกว่า ทุกตึกที่สร้างตามกฎหมายกำหนดไม่อยากให้ประชาชนต้องหวาดกลัวว่าตึกของเราจะเป็นอย่างไร เราจะเห็นว่าทุกตึกที่เกิดดินไหวไม่มีตึกถล่มมีเพียงจุดเดียวเท่านั้น ตนขอให้ความเชื่อมั่น และอีกอย่างเมื่อเคลียร์พื้นที่ไซต์ก่อสร้างเสร็จก็จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ต้องทบทวนกระบวนการตรวจสอบเรื่องตึกและอาคารใหม่ทั้งหมดทั้งของเอกชนและของราชการ ซึ่งตนบอกแล้วว่าเคยสร้างตึกในภาคเอกชน มีข้อต้องได้รับการอนุมัติมากมาย เราต้องมาทบทวนกันใหม่ว่าการอนุมัตินั้นปลอดภัยใช่หรือไม่ กระบวนการเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ และอาคารราชการต้องดูอะไรเพิ่มหรือไม่ แต่อาคารของเอกชนและราชการเราสามารถเพิ่มเรื่องมาตรการรองรับแผ่นดินไหวเข้าไปเพิ่มได้ด้วย
“การทบทวนกระบวนการเหล่านี้ทำให้คล่องตัวและตรงประเด็นมากขึ้น ไม่อยากให้มีกระบวนการมากมายเกินไปและไม่เกิดประโยชน์ ส่วนการจะเพิ่มมาตรการอย่างไรเพื่อรองรับตึกที่สร้างในอนาคตไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นี่คือ ข้อสรุปจากการประชุมฯ” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ลั่น90วันรู้สาเหตุ-ต้องมีผู้รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อสงสัยเรื่องคุณภาพเหล็กที่นำมาใช้ก่อสร้างได้ตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่คืบหน้ามากน้อยแค่ไหน นายกฯกล่าวว่า ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเป็นข้อมูลเรื่องวัสดุก่อสร้าง เกี่ยวข้องแน่นอน สถาบันต่างๆมาช่วยกันดูสิ่งใดบ้างทำให้เกิดเหตุนี้ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเรื่องโครงสร้างให้คณะกรรมการวิชาชีพชี้แจง
“ผลตรวจสอบสาเหตุต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน และเราได้ดูแล้วว่าระหว่างทางกว่าที่จะได้โมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มใน 90 วัน เราจะดูมีสิ่งใดบ้างที่ทำแล้วผิดกฎหมายบ้าง หรือหากผิดมาตรฐานหรือผิดกระบวนการก็ผิดกฎหมายอยู่ดี เรื่องไหนผิดกฎหมายเราดำเนินคดีควบคู่กันไปอยู่แล้ว แต่ผลสรุป 100% จะทำให้ทราบว่าทั้งตึกถล่มเพราะอะไร”นายกฯ กล่าว
บริษัทจะย้ายรมต.ไม่ถูกกม.
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการกับบริษัทที่ผลิตเหล็กหรือไม่ หลังออกมาข่มขู่จะย้ายรมว. อุตสาหกรรมที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายกฯย้อนถามว่าใครจะย้ายรัฐมนตรีอุตสาหกรรม บริษัทจะย้ายรัฐมนตรีอาจไม่ถูกต้องเรื่องกฎหมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่มีใครโอเคกับเรื่องการวิ่งเต้น และไม่สนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว ยังไม่เคยคุยกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการต้องพูดคุย
DSIถกกทม.เก็บหลักฐานฟันนอมินี
ด้านพ.ต.ต.วรณันศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ถล่ม พร้อมหารือร่วมกับน.ส.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเก็บวัตถุพยานของโครงสร้างต่างๆ ในการขยายผลประกอบสำนวนคดีพิเศษ เรื่องการฝ่าฝืนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี ซึ่งการลงพื้นที่วันนี้เพื่อประสานงานเบื้องต้นในการขอรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวน เตรียมเชิญ 3 หน่วยงานคือ สถาบันนิติเวชวิทยาศาสตร์กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้ามาสอบสวนร่วมกัน
พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลที่ได้รับจากกรุงเทพมหานครวันนี้ จะนำกลับไปประชุมพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือนอมินี ตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่อาจมีกฎหมายเกี่ยวกับการเสนอราคาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งต้องดูรายละเอียดว่าเกี่ยวกับเรื่องการลดราคา แล้วนำไปสู่การใช้เหล็กหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ รวมถึงพิจารณาเรื่องผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม ส่วนความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบหลักฐานพร้อมกัน เพื่อไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่
ดับแล้ว21-คาดเจอเยอะชั้น20-30
ขณะที่รศ.ทวิดา กมลเวช รอง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าภารกิจการค้นหาผู้สูญหายที่ติดอยู่ใต้ซากตึกสตง.ว่า เบื้องต้นยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต 21 ราย เนื่องจากช่วงเช้าที่ผ่านมาพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย นำออกมาจากโซน C ส่วนการรื้อถอนก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะบริเวณโซน A ที่ถมดินสูงขึ้นจนสามารถนำรถแบ็คโฮขึ้นไปได้ เป้าหมายคือนำรถแบ็คโฮขึ้นไปยังโซน D ให้ได้ โดยใช้เทคนิคบีบปูนให้แตกและตัดเหล็กเส้น เพื่อให้จุด Eลดระดับลงมา 5 เมตร เพราะเราเจอผู้สูญหายในจุด C และD เป็นส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่าทั้งสองจุด เป็นจุดที่คาดว่ามีคนงานจำนวนหนึ่งทำงานอยู่ระหว่างชั้นที่ 20-30อีกทั้งจุดC เป็นจุดที่เราเจาะโพรงไว้แล้วตั้งแต่วันแรก ยืนยันว่าจะดำเนินแผนการนี้ต่อไปจนกว่าความสูงของจุด E จะลดน้อยลงมา โดยจากการประเมินกับคนงานที่รอดชีวิตและวิศวกร เชื่อว่าถ้าเปิดโพรงนี้ได้สำเร็จ จะเจอร่างผู้สูญหายมากขึ้น
สอบผู้ถือหุ้นคนไทยเชื่อเป็นนอมินีจริง
นายนภินทรศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ไชน่า เรลเวย์นัมเบอร์ 10 ว่า หลังดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ กระทรวงพาณิชย์ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ DSI ดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า พื้นฐานของรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ไชน่า เรลเวย์นัมเบอร์10 ไม่มีฐานะเพียงพอต่อการลงทุนได้ จึงต้องหาหลักฐานเพิ่ม เช่น การตรวจสอบบัญชีการเงิน การเสียภาษี ซึ่งสิ่งนี้เป็นหลักฐานที่ดีในการดำเนินคดี เชื่อว่าคนไทยที่ถือหุ้นเป็นนอมินีจริง เพียงแต่รอหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจสอบบริษัทอื่น ที่อาจเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว และอีก 37 บริษัทที่เชื่อมโยงกันจะตรวจเช่นกัน และจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ รวมถึง 13 บริษัทที่เกี่ยวกับไชน่า เรลเวย์ฯก็ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี