‘ชูศักดิ์’ย้ำ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’เป็นโยบายของรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องพรรคใดพรรคหนึ่งทำโดยพลการ หลัง‘เลขาธิการภูมิใจไทย’ประกาศกลางสภาฯไม่เอากาสิโน
เมื่อเวลา 14.15 น.วันที่ 9 เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประกาศกลางสภาไม่รับร่างพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โลกจะวิบัติแล้ว! !‘ไชยชนก’ลุกเปิดใจเข้มๆกลางสภาฯ ลั่น‘ลูกเนวิน-กรุณา’ไม่เอา‘กาสิโน’) ว่า ต้องฟังอีกทีหนึ่งว่าท้ายที่สุดผลจะเป็นอย่างไร การประกาศก็ว่ากันไป แต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะพูด
ส่วนคำว่าสถานบันเทิงครบวงจรตนไม่อยากให้ใช้คำว่ากาสิโน เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะหากจะทำเรื่องนี้ไม่ใช่ทำแค่กาสิโนอย่างเดียว ต้องขออนุญาตทำใน 9 ประเภท อย่างน้อย 4 อย่างถึงจะอนุญาตได้ เช่น จะทำสถานบันเทิง สนามกีฬา โรงแรมหรือพูดง่ายๆจะทำกาสิโนอย่างเดียวไม่ได้
“หากจะถามว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ อันนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาล และแถลงต่อรัฐสภา จึงต้องถามว่าใครเป็นรัฐบาลบ้าง เพราะก่อนที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายก็ไปร่วมประชุมกัน ตกลงว่าจะทำอย่างไร จะแก้รัฐธรรมนูญ จะทำสถานบันเทิงครบวงจร จึงแถลงต่อรัฐสภา ดังนั้นจึงต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่งที่มาทำโดยพลการ แต่เป็นเรื่องของนโยบาย ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายก็ถูกว่าอีกว่าไม่ทำตาม นโยบายที่แถลงไว้ แต่พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้แล้วใครจะพูดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่รัฐบาลต้องมีความชอบธรรมที่จะพูดว่าสิ่งที่ทำคือนโยบาย แต่เมื่อบอกว่าเลื่อนไปก่อน เพื่อไปพูดจา ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ซึ่งผมมองว่า รัฐบาลก็ทำด้วยความชอบธรรม” นายชูศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่านโยบายของรัฐบาลคือการทำแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้น (Man-made Destination) จะสามารถตัด 10% ของกาสิโนออกไปได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หลักแล้วคือสถานบันเทิงครบวงจร ทั่วโลกเขามีแบบนี้ มันจะมีพวกนี้อยู่ด้วย รัฐบาลก็พยายามอธิบายว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง มีอยู่นิดเดียว เมื่อใครจะมาทำก็ต้องทำอย่างน้อย 4 อย่างมาจดทะเบียนในประเทศไทย มีเงินชำระแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน ตนก็มองว่าชัดเจนว่าต้องการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หาเงินเข้าประเทศ รวมไปถึงให้คณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง โดยยกร่างด้วยความรอบคอบรัดกุม แต่ขณะนี้มีการวิจารณ์กันไป จึงอยากย้อนถามว่า มันเป็นนโยบายของรัฐบาลไม่ใช่หรือ แต่ใครจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลในตอนนี้ก็ไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้หากจะหาความชอบธรรมให้ได้ควรมีการทำประชามติหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะพูดว่าพรรคนั้นพรรคนี้ไม่เอา ตนยังไม่อยากจะพูดอย่างนั้น เมื่อนโยบายของรัฐบาลมันเป็นแบบนี้ก็ต้องว่ากันไป แต่ถามว่าจะทำประชามติหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง ประชามติจะทำได้หรือใครจะเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องอนุมัติ
เมื่อถามต่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในญัตติของสภาฯแล้วจะสามารถทำประชามติเมื่อใดก็ได้ใช่หรือไม่ เพียงแต่ต้องให้ ครม.เป็นผู้อนุมัติ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องเสนอ ครม. เพราะมันต้องใช้เงินงบประมาณ 3,000 ล้าน ส่วนจะทำประชามติพร้อมกับการแก้รัฐธรรมนูญเลยหรือไม่ก็แล้วแต่ อันนั้นก็ไปคิดกันในอนาคต แต่ตนว่า ช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆไตร่ตรองกันให้รอบคอบ
ผู้สื่อข่าวกรณีที่สว.ตั้งกรรมาธิการศึกษาล่วงหน้า 180 วันให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถ พิจารณาได้ในชั้นสว.ได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมายประเภทนี้เป็นกฎหมายการเงินไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน ซึ่งเขามีข้อบังคับว่าสามารถศึกษาไปก่อนล่วงหน้าได้ ส่วนต้องรอ 180 วันหรือไม่ก็แล้วแต่เขา ก็ให้พิจารณากันไป เพียงแต่ยับยั้งพัก 10 วันไม่ใช่ 180 วันเหมือนกฎหมายประชามติ
เมื่อถามย้ำถึงเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องนโยบายรัฐบาลแล้วพรรคร่วมรัฐบาล ควรเห็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ย้อนกลับว่า ก็ลองคิดดูแล้วกัน เพราะตอนแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อเป็นพรรคร่วมแล้วแถลงมาแบบนี้ก็ขอให้ไปคิดกันดูว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่าพรรคร่วมจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนจะเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ขอให้มองในภาพรวม ตนไม่อยากไปฟันธงว่าพรรคนั้นเอา พรรคนี้ไม่เอา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี