‘ทรัมป์’ประกาศยืดเวลาอีก90วัน
เลื่อนรีดภาษีโหด
เปิดช่องหลายปท.เข้าเจรจา
‘อิ๊งค์’เผยมะกันตอบรับแล้ว
แต่ยังไม่ได้กำหนดวันพูดคุย
10ชาติอาเซียนนัดหารือด่วน
นายกฯเผยไทยต่อคิวคุยสหรัฐ หลัง“ทรัมป์”เบรกกำแพงภาษี 90 วัน รับต้องเตรียมตัวทุกมิติ ระบุ“พิชัย”ยังไม่ได้กำหนดวันเจรจา ชี้ปมจับนักวิชาการ คดี ม.112 ต้องต่อรองแฟร์-แฟร์ขณะที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนหารือทางไกลนัดพิเศษเตรียมออกแถลงการณ์ร่วม เดินหน้าความร่วมมือเศรษฐกิจกับสหรัฐ พร้อมตั้งคณะทำงานพิเศษ ASEAN Geoeconomics Task Force ติดตามนโยบายสหรัฐอย่างใกล้ชิด พร้อมดึงโอกาสเศรษฐกิจใหม่เข้าอาเซียน รับมือมาตรการภาษี
เมื่อวันที่ 10เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศระงับมาตรการการเก็บกำแพงภาษีหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยออกไป 90 วัน ว่า ในเรื่องของเวลา ตนเข้าใจว่าหลาย ๆ ประเทศ ก็ต้องต่อคิวกันคุย เพราะมีเยอะ ซึ่งแพลนของเราเอง เราก็ต้องเตรียมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็มองทุกมิติ และก็ค่อนข้างครบอยู่แล้ว เหลือเวลาที่เข้าไปคุย มากกว่า
เมื่อถามว่า นายพิชัย ชุนหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีกำหนดการเดินทางไป สหรัฐอเมริกาเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิว แต่เขาตอบรับกลับมาแล้วว่าจะให้นัด แต่วันที่ยังไม่ได้ลง
เมื่อถามว่า การที่แต่ละประเทศต่อคิวไปคุยกันกับการที่กลุ่มประเทศอาเซียนจับกลุ่ม แล้วเข้าไปคุยจะมีพลังมากกว่าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราจะทำทุกรูปแบบทุกอย่างที่จะช่วยทั้งเราและอาเซียนอะไรที่จับกับอาเซียนแล้วมีพลังกว่าก็ดี แต่เราก็ต้องทำประเทศของเราด้วย คิดว่าทุกประเทศก็ทำแบบนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่า กรณีการที่มีการจับกุมนักวิชาการสหรัฐ ในคดี มาตรา112 จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์เขาเปิดเจรจาด้วยความแฟร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องต่อรองกับด้วยความแฟร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกลับลำเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่มาตรการภาษีใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 11.01 น.วันที่ 9 เมษายนตามเวลาไทย การพักการขึ้นภาษีแก่ 75ประเทศ ที่จะเก็บกับสินค้านำเข้าของประเทศต่างๆอัตราร้อยละ11-50 คาดว่าเพื่อเปิดช่องยืดเวลาให้แก่การเจรจา แต่เขาได้ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก จากร้อยละ104 เป็นร้อยละ125 เพิ่มการเผชิญหน้ากันระหว่าง2ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ด้านทำเนียบขาวสหรัฐแถลงว่า การพักการใช้ภาษีใหม่จะไม่ครอบคลุมถึงเม็กซิโกและแคนาดาที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 25 ไปก่อนหน้านี้จากเรื่องผู้อพยพและเฟนทานิลที่ผู้นำสหรัฐอ้างว่าทั้ง 2 ประเทศนี้ปล่อยให้ทะลักเข้าสหรัฐ และจะไม่ครอบคลุมถึงภาษีนำเข้ายานยนต์ เหล็กและอลูมิเนียมที่บังคับใช้ไปก่อนหน้านี้ส่วนการจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้าทั่วไปในอัตราร้อยละ10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดของทุกประเทศมาตั้งแต่วันที่ 5เมษายนยังคงบังคับใช้ต่อไป
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 10 เม.ย. ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดพิเศษ ผ่านระบบทางไกล กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และติมอร์-เลสเต เพื่อหารือแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการรับมือกับนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการจัดเก็บภาษีแบบเพิ่มขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา แม้ว่า ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการขึ้นภาษีแบบตอบโต้ เป็นการชั่วคราว 90 วัน ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในภูมิภาค ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานโลก และการดำเนินธุรกิจของเอกชน โดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกรของอาเซียน
การประชุมครั้งนี้ อาเซียนมีมติจะออกถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อแสดงจุดยืนของอาเซียน ในฐานะ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” กับสหรัฐฯ พร้อมเสนอการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ ลดความขัดแย้งทางการค้า และหาทางออกที่สมดุลร่วมกัน ภายใต้กรอบ ASEAN-US Strategic Trade and Investment Partnership (STIP) เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยอาเซียนจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือในสาขาศักยภาพสูงกับสหรัฐฯ เช่น ดิจิทัลAI อาหาร พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมขั้นสูง รถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ สุขภาพ โลจิสติกส์ รวมถึงเกษตรกรรม เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ภูมิภาค และย้ำถึงความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคี โดยอาเซียนจะไม่ตอบโต้ทางการค้าต่อสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะทำงานพิเศษ “ASEAN Geoeconomics Task Force” ทำหน้าที่ติดตาม ประเมิน และเสนอแนะนโยบายในการรับมือและใช้ประโยชน์จากทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับอาเซียน พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทั้งระดับรัฐและเอกชน
นายพิชัยกล่าวว่า ได้ติดต่อกับนายจามิสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ในเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน USTR ได้ตอบรับที่จะหารือกับไทยแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างนัดหมายวันประชุม เพื่อต่อยอดแนวทางความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐฯ สำหรับประเทศที่แสดงความประสงค์เจรจาปรับสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เตรียมหารือเชิงลึกกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2567 แล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวมในปี 2567 ราว 476,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาเซียนส่งออกสินค้าสำคัญไปสหรัฐฯ 5 อันดับแรก คือ ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง รองเท้า เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร และนำเข้าจากสหรัฐฯ 5 อันดับแรก คือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักร วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยานยนต์ ชิ้นส่วน และเครื่องยนต์
สำหรับการส่งออกของไทยนั้น สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการค้ารวมกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 74,484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 54,956 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 19,528 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลการค้ากว่า 35,427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี