สหรัฐฯจัดหนักเก็บภาษีสินค้าจีน
เพิ่มกระฉูด145%‘ทรัมป์’ยังหวังเจรจา
จีนตอบโต้เอาคืน125%
โวยถูกข่มขู่-หักหลัง
สั่งแบนหนังฮอลลีวู้ด
สงครามการค้า ระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก คือ “สหรัฐกับจีน” ดำดิ่งมากยิ่งขึ้น หลังทำเนียบขาว ยืนยันล่าสุด อัตราภาษีสินค้านำเข้า
จากจีนแท้จริงอยู่ที่ร้อย 145%ไม่ใช่ร้อยละ 125 ที่เพิ่งประกาศไป ด้านจีนตอบโต้หนัก เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 125% พร้อมหยุดนำเข้าหนังฮอลลีวูด พร้อมตำหนิสหรัฐฯ ข่มขู่คุกคามและหักหลังโลกทั้งโลกด้วยมาตรการภาษีศุลกากร
ทำเนียบขาวยืนยันว่า อัตราภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศไว้ที่ 125% นั้น ยังไม่รวมภาษีนำเข้าอีก 20% ในช่วงต้นปีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เฟนทานิล ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่มีเป็นสารเสพติด ทะลักเข้าสหรัฐฯ ทำให้อัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแท้จริงอยู่ที่ร้อย 145% อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ชะลอการเก็บภาษีอัตราใหม่กับประเทศส่วนใหญ่ออกไป 90 วันแล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า อาจมีปัญหาและข้อติดขัดในการเปลี่ยนผ่านภาษี กับนโยบายการค้าของเขาบางประการ แต่ทีมงานของเขากำลังเจรจากับหลายประเทศ พร้อมกับแสดงความหวังว่า สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงได้
ตัวเลขอัตราภาษีล่าสุดร้อยละ 125% กับสินค้าจีน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาที่สหรัฐฯ มองว่าไม่ยุติธรรมนั้น มีข้อยกเว้นที่สำคัญอยู่หลายประการ โดยไม่รวมสินค้านำเข้า เช่น เหล็ก อลูมิเนียม และยานยนต์ ซึ่งทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่ 25% และยังไม่รวมถึงสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ สารกึ่งตัวนำ หรือเซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน ที่ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าจะกำหนดเป้าหมายแยกไว้ด้วย
ส่วนในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะบรรลุผลสำเร็จในสมัยการปกครองของทรัมป์คือ การจัดระเบียบโลกใหม่ให้เป็นไปในทางที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการรับใช้ชาติที่ยิ่งใหญ่ของทรัมป์ และสูงสุดคือการรับใช้โลก พร้อมกล่าวหาว่าเป็นเวลานานกว่า 31 ปีมาแล้ว ที่รัฐบาลก่อน ๆ ของสหรัฐฯ ยอมให้จีนทำลายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ แย่งงานและโรงงานและเสาหลักต่าง ๆ ที่เป็นความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ไปจากสหรัฐฯ
ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และจีนเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลงอีกรอบในการซื้อขายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกังวลหนักถึงความไม่แน่นอนของนโยบายศุลกากรของทรัมป์ และกำลังประเมินสถานะของสงครามการค้าโลกในขณะนี้ว่าเป็นเช่นไร รวมทั้งประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนหนักถึง 145% นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลถึงความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้กลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้นักลงทุนรู้สึกมึนงงสงสัย แม้ทำเนียบขาวแจงว่า การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าและประกาศพักในทันที เป็นกลยุทธ์การเจรจาที่ประสบความสำเร็จของทรัมป์ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังฟันธงไม่ได้ว่านั่นเป็นการถอยของทรัมป์ หรือเป็นกลยุทธ์ในการเจรจาจริงหรือไม่
ในประเด็นนี้ สก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เขาไม่เห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติใด ๆ พร้อมเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุความตกลงเรื่องภาษีศุลกากรกับหลายประเทศได้แล้ว และจะนำความแน่นอนมาสู่นโยบายการค้า
ในส่วนของความเคลื่อนไหวจากทางการจีน ล่าสุด ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เผยวานนี้ (11 เม.ย.) เรียกร้องให้สหภาพยุโรป หรืออียู ร่วมมือกับจีนตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่เป็นการข่มขู่คุกคามประชาคมโลก และประกาศว่าจะไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงตำหนิสหรัฐฯข่มขู่คุกคาม และหักหลัง โลกทั้งโลกด้วยมาตรการภาษีศุลกากร เจตนาต้องการบีบคอและระรานข่มเหงประเทศอื่นๆ ให้ยินยอมตามความต้องการของตัว ส่วนโฆษกหญิงกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงวานว่า จีนเปิดรับเจรจากับสหรัฐฯ ในประเด็นภาษีศุลกากร แต่การเจรจาจะต้องเท่าเทียมบนพื้นฐานเคารพซึ่งกันและกัน และถ้าหากสหรัฐฯ ยังคงดื้อจะทำสงครามภาษีศุลกากรต่อไป จีนจะโต้กลับดุจเดียวกันและจะสู้ต่อไปจนถึงที่สุด การใช้วิธีกดดัน ข่มขู่คุกคาม หรือหักหลังไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมที่จะใช้กับจีน
ขณะเดียวกัน สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติของจีน ออกคำสั่งหยุดนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดของสหรัฐฯ เพียงหนึ่งวันหลังมาตรการของสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 145% เริ่มมีผลบังคับใช้ ระบุเหตุผลว่า เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน จะส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคภาพยนตร์สหรัฐฯ หนักขึ้น จากเดิมที่ความต้องการบริโภคภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดในจีนได้ลดลงติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว ทางสำนักภาพยนตร์จึงต้องทำตามกฎเกณฑ์ระบบตลาด เคารพการเลือกของผู้ชมในจีน และลดจำนวนภาพยนตร์ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ลง
ทั้งนี้ จีนได้นำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูด ประมาณ 10 เรื่องต่อปีมานานกว่า 30 ปีแล้ว
ด้าน นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสงครามภาษีการค้าที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้มากว่า อาจบอบช้ำทั้งสองฝ่าย ซึ่งในขณะนี้ถือว่าโลก อยู่ในสภาวะสงครามทางการค้าแล้ว และขึ้นชื่อว่าสงครามย่อมจะมีฝ่ายชนะ แต่ก็ยากที่ใครจะหลีกเลี่ยงไม่สูญเสียเลยได้
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังมั่นใจว่า สำหรับไทยน่าจะพอมีโอกาส เพราะ ประเทศไทยเป็นประเทศผลิตอาหาร ที่ทุกคนจะต้องบริโภค จึงขึ้นอยู่กับว่า จะปรับตัวอย่างไรในวิกฤตนี้ ซึ่งตนเองก็ทราบว่าไม่ง่ายนักแต่ก็ต้องตั้งสติและหาโอกาสดังกล่าวนั้นให้เจอ
ส่วนการไปเจรจากับสหรัฐอเมริกานั้น ผช.รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า ไม่ควรต้องเร่งรีบวิ่งไปเจรจา เพราะอาจหน้าแตกกลับมาได้ และทำให้สหรัฐฯ รู้แนวทางของประเทศไทยทั้งหมดแต่แรก และไม่มองเพียงแต่ในแง่ร้าย หรือเอาปัญหาเป็นตัวตั้ง พร้อมมั่นใจว่า ทีมรับมือวิกฤตการณ์ชุดนี้ของรัฐบาล ตนเชื่อมั่นว่า นาทีนี้ ดีที่สุดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี