เจาะโพรงโซนB
พบแสงไฟมือถือใต้ซากตึกสตง.
เรดาร์สแกนพบร่างมนุษย์
กู้ภัยลุ้นเจอผู้รอดชีวิต
ทีมสุดซอยตลบหลัง
บุกค้นบ.‘ซินเคอหยวน’
มท.1 ยังไม่ฟันธงเหตุตึกสตง.ถล่ม รอฟังกก.สอบข้อเท็จจริงสรุปให้ชัด ที่ต้องยืนยันด้วยวิทยาศาสตร์-วิศวกรรมได้ เผยปรับงบเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาท ด้านรมว.อุตสาหกรรม สั่งทีมสุดซอยนำหมายศาลเข้าค้นบ.ซินเคอหยวน ยึดคอมฯ-อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกมาตรวจสอบข้อมูลผลิตเหล็ก เป็นการปรับแผนกระทันหันจากเดินจะไปเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุ ด้านตำรวจ-DSI ลงเก็บชิ้นส่วนหลักฐานเหล็ก-ปูน 12 ชิ้นจากแต่ละโซนส่ง “พระจอมเกล้า-สถาบันเหล็ก”เช็คคุณภาพ ความคืบหน้าการค้นหาผู้เสียชีวิต กู้ภัยพบแสงไฟใต้ซากบริเวณโซนบี คาดเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ ใช้เรดาร์สแกนเจอร่างมนุษย์ 3 ร่าง มีความหวัง 90% เร่งขยายโพรงเข้าช่วย
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์กรณีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวว่า อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งได้รับงบทดรองฉุกเฉินจากกรมบัญชีกลาง 200 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น
ปรับงบเยียวยาศพละแสนบาท
นอกจากนี้ อธิบดี ปภ.ได้รายงานว่า จะมีการปรับค่าช่วยเหลือจัดงานศพกรณีผู้เสียชีวิตจากรายละ 2 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยหลักการจากกรมบัญชีกลางแล้ว ขณะนี้อยู่ในเรื่องขั้นตอนเอกสารโดยจะเริ่มทำให้เร็วที่สุด ส่วนผู้บาดเจ็บที่เข้าข่ายทุพพลภาพก็จะมีค่าตอบแทน ซึ่งตนได้ให้นโยบายไปว่าให้ช่วยเหลือเยียวยาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ให้เกินวงเงิน และเป็นการใช้งบประมาณของรัฐให้มีประสิทธิภาพรวมถึงเป็นประโยชน์สูงสุดด้วย
ยังไม่ฟันธงต้นตอตึกสตง.ถล่ม
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ตนได้รับรายงานเป็นรายสัปดาห์ ขณะนี้พอเห็นเหตุผลประกอบขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่สามารถฟันธงอะไรได้ เพราะหากฟันธงทันทีอาจเกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้นต้องได้รับการยืนยัน และพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ หลักทางวิศวกรรมให้ชัดเจนเพื่อทำรายงานและดำเนินการตามบทกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เคยเป็นวิศวกรมีการคาดการณ์หรือไม่ว่าสาเหตุของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่มเกิดจากอะไร นายอนุทินกล่าวว่า มีหลายสาเหตุ แต่ก็ต้องนำมาประกอบกัน และเป็นเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบ หากตนพูดไปจะเป็นลักษณะในการชี้นำ เราต้องรอให้คณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ในแวดวงวิชาการ สังคม และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ที่ไม่สามารถมีใครโน้มน้าวหรือชี้นำได้ แต่มีการบอกเหตุเบื้องต้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ตนก็ได้ย้ำถามไปว่า สรุปได้เลยหรือไม่ แต่ทางคณะกรรมการตรวจสอบได้ตอบกลับมาว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ เป็นเพียงสารตั้งต้น และจะเอาประเด็นนี้ขยายผลต่อไป และรับรองว่าจะต้องเห็นสาเหตุ
“คือถ้าระดับศาสตราจารย์ทางวิศวกรรมศาสตร์ ถ้าเขียนรายงานออกมาก็ต้องมีข้อพิสูจน์ วิทยาศาสตร์ก็ต้องมีข้อพิสูจน์ในการคำนวณ เพื่อที่จะไม่ให้ใครโต้แย้งหรือเห็นต่างได้ เพราะการคำนวณด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องใช้เรื่องการสันนิษฐาน จะออกมาเป็นหลักทางวิศวกรรมศาสตร์ ทางคณิตศาสตร์ทุกอย่าง เป็นที่ชัดเจน” นายอนุทิน กล่าว
ส่งทีมสุดซอยตลบหลังค้นซินเคอหยวน
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ รมว.อุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ปรับแผนให้ทีมสุดซอยร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และตำรวจสอบสวนกลาง นำหมายศาลค้นบริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) โดยทั่วไป สำหรับผม ไม่ว่าผลสอบสาเหตุของตึกถล่มโดยคณะกรรมการสอบสวนจะออกมาเป็นอย่างไร ผลทดสอบของเหล็ก SKY หรือ ซิน เคอ หยวน ถือว่าสอบตกไปแล้ว 1.ตัวอย่างเหล็กใหม่ที่เก็บจากโรงงานที่ถูกปิดช่วงธันวาคม(จนถึงวันนี้) สอบตกไปสองรอบ และไม่อนุญาตให้ทดสอบใหม่อีกเป็นรอบที่สาม 2. ตัวอย่างที่ผมได้นำทีมไปเก็บจากบริเวณตึกถล่ม ท่ามกลางสื่อฯ ซึ่งในวันนั้น ผมไม่รู้ด้วยซํ้าว่าจะเจอเหล็กยี่ห้ออะไร ตัดเหล็กด้วยอุปกรณ์จากเหล็กท่อนยาวที่ประเมินว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการถล่ม (ได้ถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย) ปรากฏว่าเหล็กข้ออ้อยของ SKY สอบตกไปสองรายการ ในขณะที่เหล็กของยี่ห้ออื่นผ่าน
ยันผลสอบเหล็กskyตกคือตก
“สอบตกก็คือตก แม้ผลสอบสาเหตุตึกถล่มจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ผลทดสอบของเหล็ก SKY ก็ไม่ผ่านอยู่ดี” แต่หากทางเจ้าพนักงานจะประสานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมไปร่วมเก็บหลักฐานเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ก็ยินดีให้ความร่วมมือ”รมว.อุตสาหกรรมระบุ
และว่า อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งสืบค้นข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเหล็กที่ถูกนำออกสู่ตลาดไปก่อนหน้าที่โรงงานจะถูกปิดช่วงธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ให้ปรากฏต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด ระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไป ซึ่งก่อนหน้า ทีมสุดซอยได้เข้าไปที่บริษัท SKY เพื่อตรวจสอบโรงงาน และได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับเหล็กที่ถูกจำหน่ายออกไป แต่กลับพบความผิดปกติเกี่ยวกับกาก“ฝุ่นแดง” ที่ปรากฏอยู่ในปริมาณมาก ราวๆ 40,000-50,000 ตัน เกินปริมาณที่เคยได้แจ้งไว้ในระบบไปหลายเท่า จึงได้มีคำสั่งให้ทางบริษัทชี้แจง แต่จนถึงวันนี้ ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทเกี่ยวกับการจำหน่ายเหล็กกลับไม่เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องฝุ่นแดง ก็ไม่ได้รับคำชี้แจงภายในระยะเวลาที่กำหนด
ดังนั้น ตนจึงให้ชุดสุดซอยปรับภารกิจวันนี้ จากเดิมจะไปร่วมเก็บหลักฐานที่บริเวณตึกถล่ม แต่เปลี่ยนให้นำหมายศาลไปเข้าค้นบริษัท SKY พร้อมตำรวจสอบสวนกลาง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI )เพื่อนำคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดมาสืบค้นหาข้อมูลให้ได้
บอร์ดBOIถอนสิทธิซินเคอหยวน
ขณะที่นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีหนังสือถึงบีโอไอเมื่อวันที่ 4 เมษายนแจ้งว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ. โรงงานอุตสาหกรรมฯ และ พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน บอร์ดบีโอไอที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณากรณีดังกล่าวและมีมติให้เพิกถอนการใช้สิทธิประโยชน์เป็นการชั่วคราว โดยไม่กระทบกับสิทธิประโยชน์ที่ใช้ไปแล้ว ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตเหล็กแท่ง (Billet) ตามบัตรส่งเสริมเลขที่ 1235(2)/2556 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ จนกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานว่าอนุญาตให้บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตได้ และหากกระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิกถอนหนังสือรับรองการประกอบกิจการโรงงานแล้ว สำนักงานจะนำเสนอคณะกรรมการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่น ยังตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายไม่แล้วเสร็จ
“ที่ผ่านมาบีโอไอไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท ซิน เคอ หยวน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และมีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเคร่งครัด จากนั้นเร่งนัดประชุมร่วมกันระหว่างบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีรองนายกฯและรมว.คลังเป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนประชุมบอร์ดบีโอไอวันนี้เพื่อดำเนินการทันที” นายนฤตม์ กล่าว
ตำรวจ-DSIเก็บหลักฐานปูน-เหล็ก
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยหลังเข้าร่วมเก็บพยานหลักฐานกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ว่า ทีมงานได้เก็บตัวอย่างชิ้นส่วนจากจุดเกิดเหตุในแต่ละโซนจำนวน 12 ชิ้นต่อโซน ทั้งที่เป็นส่วนของเสาและพื้น เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ความผิดปกติของเนื้อปูนอย่างละเอียด ยืนยัน การเก็บตัวอย่างเป็นไปอย่างมีระบบ โดยใช้วิธีเจาะพื้นให้มีลักษณะทรงกระบอก เพื่อให้ได้ตัวอย่างปูนที่เพียงพอตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่จะทำการตรวจพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว โดยจะส่งตัวอย่างไปตรวจที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า และหากการเก็บตัวอย่างเสร็จสิ้นภายในวันนี้ ก็จะดำเนินการส่งตรวจทันที อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหล็กและปูนไปบ้างแล้ว ซึ่งการทำงานเป็นไปลักษณะคู่ขนาน และขณะนี้ผลตรวจเหล็กบางส่วนออกมาแล้ว แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน
ส่วนพระจอมเกล้า-สถาบันเหล็กพิสุจน์
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความผิดปกติที่อาจตรวจพบ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทางกายภาพเบื้องต้น สามารถบ่งชี้ได้ถึงแหล่งที่มาของเหล็ก ลอตการผลิต และลักษณะการผลิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญขณะนี้ ส่วนการตรวจสอบทางเคมีของปูนนั้น ยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง นอกจากสถาบันพระจอมเกล้าแล้ว ยังส่งตัวอย่างไปตรวจที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยด้วย อยู่ระหว่างรอผลตรวจเช่นกัน ยืนยันหลักการพิสูจน์พยานหลักฐานเป็นไปตามหลักวิชาการทางวิศวกรรม และหารือกับโยธาธิการตำรวจต่อเนื่อง เพื่อเป็นแนวทางสืบสวนสอบสวนสำหรับปัญหาและอุปสรรคในการทำงานขณะนี้คือ การแบ่งเวลาเข้าเก็บพยานหลักฐาน โดยพูดคุยและวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่า ตำรวจเข้าเก็บพยานหลักฐานตอนเช้าที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะหยุดพัก เพื่อให้การปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่ายราบรื่น
เจอแสงไฟมือถือ-เร่งขยายโพรงโซนB
ส่วนความคืบหน้าการรื้อถอนซากอาคาร สตง.และค้นหาร่างผู้ติดใต้ซากยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยนายภคพล เมธีภักดี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษมเผยว่า เจ้าหน้าที่ในทีมพยายามเดินไปในโซน B และพยายามเจาะโพรงเดิมที่พยายามมาหลายวันแล้วแต่ไม่สามารถเจาะได้ แต่เพิ่งจะมาสำเร็จในช่วงเช้านี้ โดยในโพรงนั้นเป็นโพรงที่ค่อนข้างมืด และลึก ก่อนเจ้าหน้าที่จะได้ยินเสียงเปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เอะใจก่อนจะก้มลงไปดู จากนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็หายไป และเห็นเป็นเพียงแสงไฟจากด้านล่าง จึงให้ทีม Usar ที่มีอุปกรณ์นำกล้องส่องลงไปเห็นแสงไฟโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามสอบถามไปว่า “เป็นคนที่รอดชีวิตใช่หรือไม่” ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เจ้าหน้าที่จึงเข้าใจได้ว่าอาจไม่มีแรงตอบโต้ จึงบอกกลับไปว่า “ถ้ายังมีชีวิตอยู่หรือถ้าเป็นคนที่อยู่ข้างล่างให้ปิดไฟหน้าจอมือถือ” ซึ่งไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับลง จากนั้นเจ้าหน้าที่บอกอีกครั้งว่า “ให้เปิดไฟหน้าจอมือถือ” แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือก็เปิด ทำซ้ำอยู่แบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง
เรดาร์สแกนเจอร่างมนุษย์2-3คน
นายภคพลกล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่นำกล้องเรดาร์เข้ามาตรวจสอบ ปรากฏว่าเห็นเป็นร่างของมนุษย์อยู่ใกล้กันประมาณ 2-3 คน โดยคนที่ 1 เห็นอยู่ที่ความลึกประมาณ 1 เมตร คนที่ 2 อยู่ที่ความลึก 3 เมตร โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพชรเกษมยืนยันว่าไม่ได้กลิ่นเน่าออกมาจากโพรงดังกล่าว แต่เห็นลักษณะคล้ายมนุษย์จริง และทุกทีมจะมีหัวหน้าเป็นทีม Usar ที่มีกล้องเรดาร์ในการตรวจจับ ซึ่งล่าสุดกำลังจะนำกล้อง 360 องศา หย่อนลงไปในโพรงดังกล่าว เพื่อดูลักษณะกายภาพภายในโครง และมีใครอยู่ในนั้นบ้าง และมีทั้งหมดกี่ร่าง ซึ่งอุปสรรคในการทำงานตอนนี้ คือเหล็กเส้น ที่ขวางทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่จึงไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เพราะรูของโพรงดังกล่าวมีความกว้างแค่ 50 เซนติเมตร ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่จะต้องเร่งเปิดปากโพรงให้กว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะเข้าไปในความลึก 1 เมตร ให้เร็วที่สุด เพราะคาดว่าจะมี 1 คน อยู่บริเวณนั้น และต้องตรวจสอบว่าเป็นผู้รอดชีวิตหรือไม่ วันนี้ถือว่าเป็นไปได้สูงมีความหวังถึง 90% ที่จะพบผู้รอดชีวิต
ยอดตาย27-สูญหาย67ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.10 น. กองบัญชาการเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่มสรุปจำนวนผู้ประสบเหตุ แบ่งเป็นคนงาน 103 คน ประชาชน 10 คน ผู้เสียชีวิต เป็นคนงาน 27 ราย ผู้รับบาดเจ็บ แบ่งเป็นคนงาน 9 ราย ประชาชน 10 ราย อยู่ระหว่างติดตามค้นหา 67 ราย
โพลชี้คอร์รัปชั่นต้นตอตึกสตง.ถล่ม
ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เผยว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านระบบ D-vote หัวข้อ “คุณคิดว่าเหตุการณ์อาคาร สตง. แห่งใหม่ถล่ม เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันหรือไม่?” ซึ่งเปิดให้ประชาชนโหวตระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 98 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่มเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน เมื่อถามเจาะลึกถึงสาเหตุตึกถล่ม ประชาชน ชี้ 3 ปัจจัยหลักได้แก่ คอร์รัปชั่นของผู้เกี่ยวข้อง การใช้วัสดุคุณภาพต่ำ เช่น เหล็กปลอม และกำหนดแบบก่อสร้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น ต้องการเงินทอน
จี้รัฐฟันตัวการใหญ่-อย่า‘จับแพะ’
สำหรับการลงโทษผู้ทำผิด ประชาชนจี้รัฐฟันให้ถึงตัวใหญ่ ไม่ใช่แค่โยนแพะโดยเสียงส่วนใหญ่ ไม่ต้องการให้แค่หาผู้รับเหมากลับมารับผิด แต่เรียกร้องให้ดำเนินคดี“ผู้มีอำนาจ”ที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งเสนอให้แบล็กลิสต์ บริษัทรับเหมาที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ห้ามรับงานรัฐอีกตลอดชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันโดยไม่ลดหย่อนโทษ
ส่วนแนวทางแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยตึกถล่ม ประชาชนเสนอแนวทางแก้ปัญหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวด บังคับให้ทุกโครงการต้องมีกระบวนการตรวจสอบคอร์รัปชัน ทั้ง ตรวจสอบผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน ตรวจรับวัสดุ 2. บังคับใช้กฎหมายปราบคอร์รัปชันด้วยบทลงโทษเด็ดขาดรุนแรงถึงขั้น จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต 3. รัฐต้องปรับปรุงระบบข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนตรวจสอบอย่างโปร่งใส 4. ให้ทุกโครงการเมกะโปรเจกต์ (มูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) ต้องผ่านข้อตกลงคุณธรรม ให้ประชาชนร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้น
“โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ หรือโครงการร่วมลงทุนภาครัฐกับเอกชน เป็นโครงการ ที่ใช้งบลงทุนสูงเป็นเป้าหมายของคนโกง โดยอาศัยช่องทางตามระเบียบ ดูเผินๆเหมือนถูกต้องตามระเบียบทุกประการ แต่กลับมีช่องพลิกแพลงให้คอร์รัปชันหลากหลายเทคนิค เช่น การล็อคสเปค เพื่อให้เฉพาะบริษัทบางรายเท่านั้นที่ผ่านคุณสมบัติ การฮั้วประมูล โดยตกลงราคาล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ชนะได้งาน ส่วนผู้แพ้ได้ “ค่าตอบแทน” การแบ่งสัญญา ล่วงหน้าตาม “คิว” ผู้รับเหมาที่ต้องได้รับงาน รวมถึงการหักหัวคิว หรือเงินทอน ร้อยละ 20 - 30 ของมูลค่างาน เพื่อจ่ายให้เจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์ ที่ผ่านมาพบว่า 3 ขั้วอำนาจที่ร่วมมือกันแนบแน่น ทำให้คอร์รัปชันดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง คือ ข้าราชการ นักการเมือง และนายทุน ข้าราชการที่รู้เห็นแต่เงียบเฉย ก็ถือว่ามีส่วนร่วมเช่นกัน” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี