ชัชชาติ’ยันปลายเม.ย.
รื้อซากตึกสตง.เสร็จ/พบแล้ว41ศพ
ผู้ว่าฯกทม.ชัชชาติ ยันปลายเมษายน รื้อซากตึกสตง.เสร็จแน่ เผยยอดดับ 41 ศพ ยังสูญหายอีก 53 ราย ด้านวิศวกร โดนลูกหลงไอ้โม่งอ้างชื่อปลอมลายเซ็นไปเบิกค่างวดงาน ยันไม่ได้คุมการก่อสร้าง โร่ให้ข้อเท็จจริงดีเอสไออังคารนี้
เมื่อวันที่ 14 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาจากการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งภารกิจการค้นหาผู้สูญหายของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเข้าสู่วันที่ 18 แล้ว ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงาน ยังคงเร่งปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่อง บริเวณโซน B และโซน C โดยใช้เครื่องจักรกลหนักร่วมกับการค้นหาแบบเดินเท้า
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันที่ 13 เมษายน หรือวันสงกรานต์ที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ยังไม่พบสัญญาณผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม แต่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพิ่มอีก 4 ราย จากซากอาคารบริเวณโซน C โดยพบทีละราย ดังนี้ เวลา 18.40 น.วันที่ 13 เมษายน พบศพไม่ทราบเพศ 1 ราย เวลา 20.40 น.พบศพเพศหญิง 1 ราย เวลา 21.05 น.พบศพเพศชาย 1 ราย และเวลา 23.05 น.พบศพไม่ทราบเพศอีก 1 ราย
นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายอยู่หลายจุดในพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างโซน A, B และ C เช่น ท่อนขา เส้นผม ชิ้นเนื้อ และกระดูกหลายชิ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำร่างและชิ้นส่วนทั้งหมดส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์และยืนยันตัวบุคคลอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ สำนักงานเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รายงานสรุปยอดผู้ประสบเหตุจากอาคารถล่มล่าสุด ณ เวลา 10.00 น.วันที่ 14 เมษายน มีผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งสิ้น 103 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 41 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และผู้สูญหายอยู่ระหว่างการค้นหา 53 ราย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเร่งดำเนินภารกิจค้นหาอย่างเต็มที่ พร้อมจัดทีมสนับสนุนด้านจิตวิทยาและอำนวยความสะดวกให้แก่ญาติผู้ประสบเหตุอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถลดความสูงของซากอาคาร สตง. ลดเหลือ 20.5 เมตร จากเดิม 26 เมตร ทำให้พบผู้ประสบภัยเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจุดที่เจอคนงานเยอะๆ น่าจะอยู่ที่ชั้น 24-29 และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะพบผู้ประสบภัยเพิ่มเติม ทั้งนี้ คาดว่าคนงานที่อยู่ชั้นสูง ตึกมีความโยกมาก น่าจะหลบหนีไปทางหนีไฟไม่ทัน เพราะต้องหาที่ยึดเกาะทำให้คนงานน่าจะติดอยู่ระหว่างชั้น 24-29 ค่อนข้างมาก ซึ่งการทำงานก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร เจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติงานเต็ม 100% ซึ่งมีข้าราชการของกรุงเทพมหานคร ประมาณ 500 คน ส่วนภาคเอกชน อาจมีการสลับสับเปลี่ยนกำลังไปปฏิบัติภารกิจอื่นช่วงนี้ แต่ไม่กระทบกับภารกิจเพราะอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้ขาดแคลน ทั้งน้ำมัน สายไฮโดรลิก โดยน้ำมันมีการใช้ไปประมาณ 5,100 ลิตรต่อวัน ตั้งเป้าไว้ว่าปลายเดือนเมษายนนี้ น่าจะรื้อซากอาคารเสร็จสิ้น
สำหรับแนวทางการปฏิบัติภารกิจรื้ออาคารและค้นหาผู้สูญหาย นายชัชชาติ ระบุว่ ยังเน้นไปที่การใช้เครื่องจักรหนักในการขุดเจาะ ร่วมกับโดรนค้นหา โดยโดรนจะเป็นตาที่ 3 ที่คอยมอนิเตอร์มุมสูง สอดส่องว่าจุดไหนมีโพรง พบผู้ประสบภัยหรือไม่ ซึ่งการรื้อจะเน้นไปที่ด้านบนโซน B และ C ที่เป็นบันไดหนีไฟและโพรงลิฟต์ ซึ่งยังเชื่อว่าบริเวณนี้อาจพบผู้ประสบภัย
นายชัชชาติ กล่าวยืนยันว่า จะเก็บชิ้นส่วนมนุษย์ให้ครบและจะพยายามหาร่างผู้ประสบภัยให้ครบทุกคน ส่วนระยะเวลาที่ผ่านมา จะกระทบต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์หรือไม่ ยืนยันว่ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยพิสูจน์ แต่นอกจากดีเอ็นเอ ก็สามารถดูจากพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ สำหรับครอบครัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องกังวล ขอให้เข้ามาให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เอาผิดอะไร เพราะจะมุ่งเน้นการพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์ให้ผู้ประสบภัยมากกว่า ส่วนทางคดีนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามาเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหตุ ซึ่งไม่ได้กระทบต่อการทำงาน และทางกรุงเทพมหานคร ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่าง ภายใต้สภาวิศวกร และวุฒิสมาชิก สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ได้ลงบันทึกประจำวันที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากปรากฏชื่อนายสมเกียรติ เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างและปรับแก้แบบอาคาร สตง.ที่พังถล่ม ในนามบริษัท กิจการร่วมค้า PKW ว่า นายสมเกียรติ ได้ขอให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันเพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปได้ว่าน่าจะถูกนำชื่อไปใช้ในสมัยที่มีการประมูลโครงการช่วงแรก เพราะตั้งแต่เริ่มสร้างอาคารแห่งนี้ ก็ไม่เคยเข้าไป รวมทั้งน่าจะมีการปลอมลายเซ็นด้วย เนื่องจากพบว่าไม่ตรงกับที่อยู่ในแบบ ส่วนที่เคยร่วมงานกับบริษัทฯ ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งเพราะผ่านมานานกว่า 20 ปีแล้ว อาจจะมีการส่งเอกสารมาให้เซ็นบ้าง แต่ทุกอย่างต้องผ่านสภาวิศวกร ออกหนังสือรับรอง
นายสมเกียรติ เปิดเผยผ่านแฟนเพจช่าง ซ่อม สร้าง ว่ามีการอ้างชื่อตนเป็นวิศวกรควบคุมงานนานกว่า 5 ปีแล้ว เรื่องนี้ไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ตรวจสอบได้ข้อมูลมาว่า โครงการอาคาร สตง.เคยติดต่อผม เมื่อปี 2563 ชวนให้มาร่วมงานกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกัน จนลืมไปแล้วว่าเคยมีการติดต่อเรื่องโครงการนี้ นี่ถ้าอาคารไม่ได้เกิดถล่มลงมา จนมีการตรวจสอบกัน จะไม่รู้เลยว่ามีการอ้างชื่อผมเป็นวิศวกรควบคุมงาน เป็นเวลาถึง 5 ปี (เกือบโดนใช้ชื่อฟรี 5 ปีแล้ว)
ขอขอบคุณคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ที่ช่วยตรวจสอบโครงการ คุณเอกสิทธิ์ หัสสรังสี ที่ส่งข้อมูลมาให้ คุณวัฒนพงศ์ หิรัญมาลย์ อ.ต้นที่ support เอกสารเพิ่มเติม อยากรู้จัง ค่าแอบเอาชื่อไปใช้ 5 ปี ควรเป็นเท่าไหร่ ค่าวางศาลกับค่าทนาย แพงไหมนะ
ทั้งนี้ นายสมเกียรติ เตรียมเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง วันเดียวกันนี้ โดยมีตำรวจ สน.บางซื่อ ร่วมด้วย และในวันที่ 15 เมษายนนี้ เวลา 13.30 น.จะเดินทางไปที่ดีเอสไอ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี