หลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญของสังคมไทยที่ประชาชนใช้เวลาในการติดตามข่าวสารบ้านเมืองมากขึ้น ประเด็นทางการเมืองกลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภาวะเสถียรภาพของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วม และแรงกดดันจากสังคมในหลากหลายมิติ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลังสงกรานต์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น 1,102 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 - 14 เมษายน 2568 พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ (เกือบสามในสี่ หรือ 74.2%) มีแนวโน้มคาดหวัง หรืออย่างน้อย “เชื่อว่า” จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งสะท้อนภาวะความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่มีเพียง 25.8% ที่เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แสดงให้เห็นถึงความรู้สึก "ไม่แน่นอน" ที่ปกคลุมบรรยากาศทางการเมือง
ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อผู้ตอบเลือกได้มากกว่าหนึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสะท้อนว่า ความขัดแย้งภายในรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคร่วม (36.9%) เป็นสาเหตุสำคัญที่ประชาชนมองว่าอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง รองลงมาคือ แรงปลุกปั่นใกล้ตัวผู้นำ (30.6%) และกระแสโซเชียล (27.8%) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชน นอกจากนี้ ประเด็น เศรษฐกิจ (20.5%) และ นโยบายที่ประชาชนไม่พอใจ (14.9%) ก็ถือเป็นแรงกดดันระดับรากฐานที่บั่นทอนความชอบธรรมของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสอบถามถึง ตัวการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังสงกรานต์ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเกิด การปรับคณะรัฐมนตรี (38.4%) และ ความแตกร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล (37.6%) ซึ่งเป็นรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่การยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ แต่สะท้อน “ความไม่พอใจต่อการบริหารงาน” ที่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ร้อยละ 32.1 เชื่อว่าจะมี การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง และ 27.5% คาดว่าจะมี การยุบสภา ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะพัฒนาไปสู่ “การเปลี่ยนโครงสร้างระดับชาติ” หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ ร้อยละ 25.6 ที่ระบุว่า “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ” นับว่าเป็นส่วนน้อยของผู้ตอบแบบสอบถาม สะท้อนให้เห็นความรู้สึกร่วมของประชาชนส่วนใหญ่ต่อความเปราะบางทางการเมืองในปัจจุบัน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อน บรรยากาศของความไม่ไว้วางใจทางการเมือง ที่แฝงอยู่ในสังคมไทย ประชาชนส่วนใหญ่มีทัศนะว่ารัฐบาลอาจเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากภายในพรรคร่วมและจากแรงขับเคลื่อนของประชาชนในระดับฐานราก ความขัดแย้ง การสื่อสารในโลกออนไลน์ และผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้ผสานกันเป็นพลังทางสังคมที่อาจเร่งเร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ได้
ทางออกคือ เร่งเสริมเอกภาพและความร่วมมือในพรรคร่วมรัฐบาล ขอยกกรณีประเทศเยอรมันและประเทศญี่ปุ่นเป็นแนวทาง โดยประเทศเยอรมันจะมีข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก่อนการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เอกสารนี้มีสถานะเสมือน “คู่มือ” ที่ชัดเจนในทุกด้าน ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน การคลัง และต่างประเทศ โดยแต่ละพรรคต้องยึดถือร่วมกัน และเป็นเกณฑ์ประเมินความรับผิดชอบระหว่างพรรค
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีการประชุมหารือร่วมอย่างสม่ำเสมอ โดยมีคณะทำงานเจาะจงด้านนโยบาย เช่น ความมั่นคง ประชากรสูงวัย หรือภาษี เพื่อป้องกันความเห็นต่างไม่ให้ลุกลามกลายเป็นวิกฤต นอกจากนี้ยังตกลงแบ่งงานในคณะรัฐมนตรีอย่างชัดเจนตามจุดแข็งของแต่ละพรรคผลที่คาดว่าจะได้รับคือ การลดการวิจารณ์กันเองภายในรัฐบาล สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและนักลงทุนระหว่างการดำรงตำแหน่งรัฐบาลผสมและน่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพรัฐบาลได้ยาวนาน แม้จะมีพรรคร่วมที่มีรากฐานอุดมการณ์ต่างกัน
หากพรรคร่วมรัฐบาลขาดกลไกการประสานนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพย่อมทำให้เกิดการส่งสัญญาณขัดแย้งในที่สาธารณะ ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และสร้างแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี