ปธ.วิปฯยันไม่รีบเร่งบรรจุก.ม.กาสิโน
โวชาวบ้านเข้าใจ
รอปชช.ส่วนใหญ่เห็นด้วย
ทำประชามติต้องใช้3พันล้าน
โพลล์ชี้การเมืองเปลี่ยนแน่
เหตุพรรคร่วมรบ.ขัดแย้ง
“ซูเปอร์โพล” เผย ปชช. 74% เชื่อ “การเมือง” เปลี่ยนแปลงหลังสงกรานต์ เพราะความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงแรงปลุกปั่นใกล้ตัวผู้นำ-ปัญหาเศรษฐกิจซ้ำเติม คาดอาจจะเกิดขึ้นคือ “ปรับครม.-ยุบสภา-พรรคร่วมแตก-ชุมนุมทางการเมือง” ด้าน“วิสุทธิ์”ปธ.วิปรัฐบาลยันไม่เร่งบรรจุ ก.ม.เอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯหลังเปิดสมัยประชุมทันที รอปชช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยก่อน โวประชาชนเข้าใจว่าไม่ใช่แค่ ‘กาสิโน’ ถามกลับคุ้มหรือไม่ จ่าย3 พันล้าน ทำ“ประชามติ”
เมื่อวันที่ 15 เมษายน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังสงกรานต์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น 1,102 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10-14 เมษายน
74%เชื่อหลังสงกรานต์การเมืองเปลี่ยน
พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ เกือบสามในสี่หรือ 74.2% มีแนวโน้มคาดหวังหรืออย่างน้อย “เชื่อว่า”จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วงหลังสงกรานต์ สะท้อนภาวะความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่มีเพียง 25.8% ที่เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แสดงให้เห็นถึงความรู้สึก “ไม่แน่นอน” ที่ปกคลุมบรรยากาศทางการเมือง
ผศ.ดร.นพดลกล่าวต่อว่า ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อผู้ตอบเลือกได้มากกว่าหนึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสะท้อนว่า ความขัดแย้งภายในรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคร่วม 36.9% เป็นสาเหตุสำคัญที่ประชาชนมองว่าอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง รองลงมาคือ แรงปลุกปั่นใกล้ตัวผู้นำ 30.6% และ กระแสโซเชียล 27.8% ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชน นอกจากนี้ ประเด็น เศรษฐกิจ 20.5% และนโยบายที่ประชาชนไม่พอใจ 14.9% ก็ถือเป็นแรงกดดันระดับรากฐานที่บั่นทอนความชอบธรรมของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
คาดเกิดปรับครม.-พรรคร่วมรบ.แตกร้าว
เมื่อสอบถามถึง ตัวการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังสงกรานต์ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเกิด การปรับคณะรัฐมนตรี (38.4%) และความแตกร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล (37.6%) ซึ่งเป็นรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่การยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ แต่สะท้อน“ความไม่พอใจต่อการบริหารงาน”ที่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 32.1% เชื่อว่าจะมีการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง และ 27.5% คาดว่าจะมีการยุบสภา ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะพัฒนาไปสู่ “การเปลี่ยนโครงสร้างระดับชาติ” หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ 25.6% ระบุว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ นับว่าเป็นส่วนน้อยของผู้ตอบแบบสอบถาม สะท้อนให้เห็นความรู้สึกร่วมของประชาชนส่วนใหญ่ต่อความเปราะบางทางการเมืองในปัจจุบัน
ความไม่ไว้วางใจทางการเมืองพุ่ง
“ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนบรรยากาศความไม่ไว้วางใจทางการเมืองที่แฝงอยู่ในสังคมไทย ประชาชนส่วนใหญ่ มีทัศนะว่ารัฐบาลอาจเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากภายในพรรคร่วมและจากแรงขับเคลื่อนของประชาชนในระดับฐานราก ความขัดแย้ง การสื่อสารในโลกออนไลน์ และผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้ผสานกันเป็นพลังทางสังคม ที่อาจเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ได้”ผอ.ซุปเปอร์โพลกล่าว
และว่า ทางออกคือ เร่งเสริมเอกภาพและความร่วมมือในพรรคร่วมรัฐบาล ขอยกกรณีประเทศเยอรมนีและประเทศญี่ปุ่นเป็นแนวทาง โดยเยอรมนีจะมีข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก่อนการตั้งรัฐบาลเป็นทางการ เอกสารนี้มีสถานะเสมือน “คู่มือ” ที่ชัดเจนทุกด้าน ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน การคลัง และต่างประเทศ โดยแต่ละพรรคต้องยึดถือร่วมกัน และเป็นเกณฑ์ประเมินความรับผิดชอบระหว่างพรรค ขณะที่ญี่ปุ่นจะประชุมร่วมสม่ำเสมอ ป้องกันความเห็นต่างไม่ให้ลุกลามกลายเป็นวิกฤต นอกจากนี้ ยังตกลงแบ่งงานในคณะรัฐมนตรีอย่างชัดเจนตามจุดแข็งของแต่ละพรรค หากพรรคร่วมรัฐบาลขาดกลไกประสานนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมทำให้เกิดการส่งสัญญาณขัดแย้งในที่สาธารณะ ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และสร้างแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไม่ช้าแน่นอน
“แม้ว”นายกฯตัวจริง-“อิ๊งค์”แค่หุ่นเชิด
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า ทักษิณ:นายกฯตัวจริง ยิ่งนานวัน ยิ่งชัดเจน ถ้าใครติดตามสถานการณ์การเมืองตั้งแต่วันที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นว่าเป็นได้แค่นายกฯหุ่นเชิด หรือนายกฯนอมินีเท่านั้น นายทักษิณ ชินวัตร ต่างหากที่เป็นนายกฯตัวจริง เพราะภาพที่เห็นปรากฏชัดขึ้นทุกวัน เห็นจากพฤติการณ์และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น
1.ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ตกอยู่ในสายตาและความสนใจของสื่อมวลชน มากกว่านางสาวแพทองธาร ทุกครั้งที่ปรากฏตัวพร้อมกัน 2.นายทักษิณให้สัมภาษณ์อะไร หรือการแสดงวิสัยทัศน์ใดๆ นั่นคือทิศทางของรัฐบาลชุดนี้ 3.พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อฟัง และยอมรับการสั่งการของนายทักษิณเพียงคนเดียว ให้ความสำคัญกับข้อสั่งการของนางสาวแพทองธารน้อยกว่านายทักษิณ 4.นายทักษิณ ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนรัฐไทย ติดต่อกับต่างประเทศในฐานะรัฐบาล เช่น การต้อนรับนายนเรนทร์ โมดี หรือการพบกับนายพลอาวุโส มิน อ่องหลาย
5.นายทักษิณอยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศ และทำหน้าที่ประสานงานกับต่างประเทศด้วยตัวเอง เช่น ยกหูโทรศัพท์เจรจากับคนรอบข้างของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ เรื่องกำแพงภาษี 6.นายทักษิณประกาศจะเดินทางไปเจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับโดนัล ทรัมป์ด้วยตัวเอง คงเห็นว่าทีมไทยแลนด์ของรัฐบาลไม่มีฝีมือเพียงพอ 7.ถ้าผู้นำประเทศอาเซียน จะยกหูโทรศัพท์คุยกับผู้นำประเทศไทย ต้องคุยกับนายทักษิณเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคุยกับนางสาวแพทองธารเลย ล่าสุดนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางมาพบกับนายทักษิณอีก
“ขอให้ยอมรับความจริงกันว่า ตอนนี้การขับเคลื่อนประเทศ และบริหารประเทศ อยู่ภายใต้นายทักษิณเพียงคนเดียว”นายเทพไทกล่าว
ฟันเปรี้ยง!กาสิโนไม่ได้เกิด-รบ.อิ๊งค์ถึงจุดจบ
ด้านรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊คแสดงความเห็นต่อสถานการณ์การเมืองว่า ไม่ต้องถกเถียงกันแล้วว่า การประกาศกลางสภาของนายไชยชนก ชิดชอบระบุ จะไม่มีวันสนับสนุนกาสิโนในประเทศไทย เป็นความเห็นของคนคนเดียวโดยไม่มีใครในพรรคภูมิใจไทยรู้ล่วงหน้าหรือไม่ นายไชยชนก ประกาศก้องว่า ตัวเองเป็นลูกชายคนโตของนายเนวิน และคุณกรุณา ชิดชอบ คงเป็นไปไม่ได้ที่นายเนวินจะไม่ได้รับรู้อะไรล่วงหน้าเลย และหากนายเนวินรู้ล่วงหน้า ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันว่านายอนุทินจะไม่รู้ล่วงหน้า แต่การปฏิเสธว่าไม่รู้ล่วงหน้าของนายอนุทิน และว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของนายไชยชนก และยังบอกผู้สื่อข่าวด้วยว่า ได้ไลน์ไปขอโทษนายกรัฐมนตรีแล้ว น่าจะเป็นการรักษามารยาททางการเมือง เพื่อบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นเท่านั้น
รศ.หริรักษ์กล่าวต่อว่า การที่นายอนุทินบอกผู้สื่อข่าวว่า ความเห็นส่วนตัวของนายไชยชนกไม่ใช่มติพรรค และพรรคภูมิใจไทยยังให้การสนับสนุนร่างพ.รบ. สถานบันเทิงครบวงจรอยู่เช่นเดิม นั่นก็เป็นความจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามติพรรคจะไม่เปลี่ยนไปหลังโหวตผ่านให้ในวาระแรก ถ้ารัฐบาลยังคงจะผลักดันร่างนี้ต่อไป นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยจำใจต้องเลื่อนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปก่อน โดยอ้างว่าไม่ได้ถอนร่าง เพียงเลื่อนออกไปก่อน เพื่อรักษาหน้าไว้เท่านั้น
“จากท่าทีของ สว.สายสีน้ำเงิน จากการที่พรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนโลโก้พรรค โดยเหลือเพียงน้ำเงินสีเดียว จากท่าทีของนายไชยชนก เลขาธิการพรรค ซึ่งย่อมเป็นท่าทีของนายเนวินด้วย บอกได้เลยว่า สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน ไม่มีวันได้เกิด ที่ว่าเลื่อนก็คือเลื่อนไปตลอดกาลนั่นเอง ไม่เท่านั้นแต่ยังเป็นการส่งสัญญาณชัดว่า รัฐบาลชุดนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่มีนายทักษิณ กำกับอยู่ด้านหลัง และบางครั้งก็ออกหน้าเสียเอง กำลังจะถึงจุดจบในอีกไม่นานนี้ และเป็นไปได้สูงว่า ทั้ง 2 คน อาจไม่ได้อยู่ในประเทศไทยต่อไป อีกนานเท่าใด ไม่อาจทราบได้”รศ.หริรักษ์กล่าว และว่า ถึงวันนั้น ประเทศเราคงจะได้ผู้นำที่ดี ที่ไม่ใช่นักการเมืองที่เห็นกันอยู่ปัจจุบัน และจะนำพาประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเจริญก้าวหน้าต่อไป
ราชธานีอโศกประกาศชัด’No Casino’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศได้ผนึกกำลังมวลชนเคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ร.บ.กาสิโนอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงนี้อยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเคลื่อนไหวล่ารายชื่อคัดค้านบ่อนถูกกฎหมายคู่ขนาดไปพร้อมกันในหลายจังหวัด ล่าสุดชาวชุมชนราชธานีอโศก ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้ออกมาแสดงพลังเคลื่อนไหวคัดค้านเช่นกัน โดยได้ประกาศชัด ‘No Casino’
น้าหงาร่ายกลอนฉะรบ.-รมต.ขี้กาก
เช่นเดียวกับ สุรชัย จันทิมาธร หรือน้าหงา นักร้องเพลงเพื่อชีวิต วงคาราวาน ศิลปินแห่งชาติ โพสต์กลอนวิจารณ์รัฐบาล ระบุ เรื่องเสียหน้ารัฐบาลท่านกลัวนัก เหมือนเสียศักดิ์หักศรีได้ที่ไหน เพราะเครื่องแบบแยบยลจนเป็นใจ ทำอะไรต้องระวังและยั้งคิด จึงแอบกรรมทำบางอย่างเงียบๆ จะได้เปรียบเสียเปรียบก็ปกปิด ยศตำแหน่งมาเกยเลยโชว์ฤทธิ์ อภิสิทธิ์พิเศษเหตุวิจารณ์ รัฐมนตรีขี้จุ๊ยคุยอวดโอ้ มีผลงานใหญ่โตช่วยชาวบ้าน ทั้งที่เป็นภาระของรัฐบาล สร้างสะพานสร้างถนนชุมชนเจริญ
ขอข้าเพียงหน่อยเดียวในเสี้ยวงบ เรื่องก็จบโดยดีมีสรรเสริญ รัฐมนตรีขี้กากก็มากเกิน เงินสดเทินล้นห้องเป็นของใคร ระบบกินโกยโกงโล่งสว่าง คนก็ต่างมุ่งมั่นแย่งกันใหญ่ เป็นวนลูปธูปเทียนประเทศไทย ที่ไม่ได้เหี่ยวหดแทบหมดแรง ถึงเวลาเอาคืนสักหมื่นล้าน ถ้าพ้นผ่านด้วยดีมีตำแหน่ง สวมเครื่องแบบโอ่อ่าหน้าก็แพง นั่งเรืองแสงโซล่าบารมี
ใครวิจารณ์ต้านตีก็มีโกรธ อยู่ในโหมดปฏิปักษ์ของยักษี ยักษ์ร่ำรวยช่วยชาติอาจว่าดี ยักษ์ตนนี้ที่เหลือเพื่อบ้านเมือง การเมืองไทยไหลวนหล่นที่เก่า น้ำจึงเลยต้องเน่าอย่างต่อเนื่อง รัฐสภาแหวกว่ายน้ำลายเปลือง ขอจบเรื่อง
ปชช.เข้าใจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯไม่ใช่แค่บ่อน
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาลกล่าวว่า หลังจากที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุให้สส. ให้ช่วยกันทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ในส่วนของสส.คงต้องรอฟังรายละเอียดจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนี้ว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่กาสิโนเพียงอย่างเดียว อย่าปล่อยให้เกิดการบิดเบือน ทั้งนี้ ตนกลับมาพื้นที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้สอบถามและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คืออะไร
“ในส่วนกาสิโนมีเพียง 10% เท่านั้น และไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าได้ ถามว่าสถานะทางการเงิน หลักทรัพย์คุณมีถึงหรือไม่ มีรายได้ปีละเท่าไหร่ ถ้าคุณไม่เสียภาษีก็เข้าไม่ได้ งานนี้เน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวเป็นหลัก อยากให้คนที่คัดค้านคิดให้ดี ที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีกาสิโน ถามว่าแล้วใครจะถือเงิน 2 แสนล้านเข้ามาลงทุนในประเทศ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ สถานที่สร้างรายได้ใหม่ให้เกิดกับประเทศ เกิดการจ้างงานมากถึง 2 หมื่นตำแหน่ง ผมยังอยากให้มาสร้างที่จังหวัดผมเลย”นายวิสุทธิ์กล่าว
ถามกลับทำประชามติ3พันล.คุ้มหรือไม่
และว่า ส่วนที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ อยากให้คุณลองย้อนไปดูคำสัมภาษณ์สมัยตอนเป็นพรรคก้าวไกล พวกคุณพูดอะไรไว้บ้าง พวกคุณยังสนับสนุน อยากให้ทำเรื่องใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินเลย แต่ตอนนี้กลับออกมาคัดค้าน
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอให้มีการทำประชามติสอบถามความคิดเห็นประชาชน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า การทำประชามติแต่ละครั้งใช้งบประมาณถึง 3 พันล้านบาท ถ้าหากคุณจะออกกฎหมายในเรื่องนี้หรือกฎหมายอื่นๆ แล้วมีการเรียกร้องให้ทำประชามติกันทุกครั้ง ถามว่าคุ้มหรือไม่
ยันยังไม่เร่งบรรจุกม.กาสิโน
เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะวิปรัฐบาลต้องไปพูดคุยช่วงก่อนเปิดสมัยประชุม เพื่อให้มั่นใจในเสียงโหวตหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเปิดสมัยประชุมแล้วจะเป็นเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทันที นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนแล้วว่าต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน หากทุกฝ่ายเห็นด้วยถึงจะทำ ตนมีหน้าที่บรรจุระเบียบวาระขึ้นมา หากมีเรื่องด่วนก็เข้ามาแซงได้เรื่อยๆ ส่วนจะบรรจุเมื่อไหร่นั้น ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสม ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี