เวทีโลกชื่นชม‘อิ๊งค์’ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง
รบ.ตีปี๊บ-โวแหลก
ติด.1.ใน.114.‘YGL.2025’
ผู้นำโลกอายุต่ำกว่า40ปี
‘วันนอร์’ไม่การันตีอายุรบ.
แนะต้องฟังเสียงประชาชน
“ประธานสภาฯ”ประเมินเสถียรภาพรัฐบาล บอกไม่ได้ว่ามั่นคงตลอดไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เชื่อนิรโทษกรรม ไม่สร้างความขัดแย้ง หากทุกฝ่าย คุยกันได้ “วันนอร์” เลี่ยงให้ความเห็น พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ ย้ำต้องวางตัวเป็นกลาง เผยเช็คคำร้อง “ปชน.”ขอส่งศาลฎีกา สอบจริยธรรม“ปธ.ป.ป.ช.” อยู่ระหว่างตรวจความสมบูรณ์ ต้องใช้เวลา “สงคราม”พท.แนะเร่งรบ. ชี้แจงประชาชน หวั่นเอ็นฯคอมเพล็กซ์ ถูกบิดเบือน อัดกลุ่มการเมืองหวังสร้างความวุ่นวายในประเทศ นายกฯอิ๊งค์ พร้อมต้อนรับ ‘นายกฯอันวาร์’17เม.ย. หารือ เน้นพัฒนาความเชื่อมโยงชายแดน การค้า ยกระดับความร่วมมือในเวทีอาเซียน
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเสถียรภาพของรัฐบาล จากกรณีการเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วย
‘วันนอร์’ชี้รบ.ไม่ได้มั่นคงตลอดไป
โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีเสียงกว่า 300 เสียง เพียงพอต่อการลงมติ แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่ามีเรื่องใดที่มีความขัดแย้ง ทุกพรรคการเมือง และสส.ก็ต้องฟังเสียงประชาชนรวมถึงไม่สามารถบอกได้ว่ามั่นคงตลอดไป เพราะถือเป็นเรื่องการเมือง ต้องมีทั้งบนดิน ใต้ดินและบนฟ้าซึ่งก็จะมั่นคงได้ในระดับหนึ่ง แต่จะบอกว่าตลอดไปไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีปัญหาลักษณะนี้มาโดยตลอด และเป็นเรื่องปกติแต่การตัดสินใจสุดท้าย จะอยู่ที่ประชาชนที่จะตัดสินในการเลือกตั้งต่อไป
เชื่อนิรโทษกรรมไม่สร้างขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่มีผู้ประเมินร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร อาจซ้ำรอยร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ปัจจุบันในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็มีร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่รอการพิจารณาอยู่ ซึ่งมีหลายฉบับทั้งจากคณะรัฐมนตรี สส.และพรรคการเมือง 3-4 ฉบับ หากทุกฝ่ายพูดคุยกันได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความขัดแย้ง เพราะทุกคนมุ่งหมายสร้างความปรองดองในประเทศ แต่จะนิรโทษกรรมในระดับใด และกับใครบ้าง ยังจะต้องพูดคุยกัน
วางตัวเป็นกลางปมกม.กาสิโน
ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจาก ประธานสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่สามารถชี้แนะไปในทางใดทางหนึ่งได้
เช็กคำร้อง’ปชน.’สอบปธ.ปปช.
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังเปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่สส.พรรคประชาชน เข้าชื่อกัน เพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกา เพื่อตรวจสอบจริยธรรมของประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ประธาน ป.ป.ช.กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรองผบ.ตร.)พามาเข้าพบตนเอง ที่บ้านพักส่วนตัวว่าขั้นตอนปัจจุบัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำลังตรวจสอบความสมบูรณ์ ของรายชื่อ และสาระ เมื่อสำนักงานฯ เสนอให้ตนพิจารณาแล้ว ก็อาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการทั้งฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบรายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234-236 และจะได้พิจารณาความเห็นทุกฝ่าย เชื่อว่า อาจจะต้องใช้เวลาในการพิจารณา แต่ไม่มากนัก
ส่วนกรณีการตรวจสอบประธาน ป.ป.ช.ที่หากมีความผิดจะกระทบต่อตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยหรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนฯกล่าวยืนยันว่า การพิจารณาทุกด้าน จะเกี่ยวข้องกับตนเองหรือไม่เกี่ยว ก็จะต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และผู้ที่จะชี้ขาดทั้งหมดก็คือ ศาลฎีกา
พท.จี้รบ.เร่งแจงปชช.หวั่นบิดเบือน
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าช่วงที่ผ่านมาหลายกลุ่มจงใจบิดเบือน พูดความจริงไม่หมดและใส่ร้ายรัฐบาล กล่าวหาโจมตีด้วยความเท็จว่าโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นโครงการบ่อนคาสิโน โดยไม่สนใจในข้อเท็จจริง โจมตีด้วยความคิดที่เป็นอคติและอิจฉารวมทั้งกลัวว่าพรรคเพื่อไทย จะได้รับความนิยมหากสามารถดึงเงินลงทุนหลักแสนล้านจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยได้ อย่างแน่นอน
โครงการสถานบันเทิงครบวงจร คือ เขตพัฒนาพิเศษเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวของครอบครัวระดับโลกนำเสนอประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนที่เป็นคาสิโนมีเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 จากทั้งโครงการ ทั้งนี้รัฐบาลมีแผนเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกซ์ 4 พื้นทีแต่ละพื้นที่มีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท ดึงเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลสูงถึง 800,000 ล้านบาท จ้างงานไม่ต่ำกว่า 2-30,000 คนในแต่ละแห่ง ในขณะเดียวกันในระยะยาวยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อัดกลุ่มการเมืองหวังปมวุ่นวาย
นายสงครามกล่าวว่าหากเอาความจริงมาพูดกัน โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวรวมไปถึงในนโยบายพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลหากพรรคประชาชนในอดีต มีโอกาสเป็นรัฐบาลก็เตรียมบรรจุโครงการคาสิโนถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแลไว้ เป็นนโยบายรัฐบาลเช่นกันเพราะโครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคด้วย แต่หนักกว่าคือ โครงการก่อสร้างบ่อนคาสิโนเลย แต่มาวันนี้สส.พรรคประชาชนรุมโจมตีรัฐบาลด้วยนโยบายนี้
“ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกกลุ่ม ผ่านการชี้แจงโครงการจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันการบิดเบือนใส่ร้ายจากกลุ่มที่หาผลประโยชน์จากสถานการณ์การเมืองการบิดเบือนที่ผ่านมาสร้างความเสียหายกับประเทศมากมาย หากรัฐบาลไม่เร่งชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับประชาชนโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะกลายเป็นเหยื่อของการบิดเบือนใส่ร้ายจากคนที่เสียผลประโยชน์และอคติ ไม่ต่างจากอดีตที่เคยโจมตีโครงการของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนโยบายรถไฟความเร็วสูงและการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2ล้านล้านบาท หรือโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งชัดเจนว่าประชาชนได้ประโยชน์แต่ต้องล้มเหลว เพราะการบิดเบือนใส่ร้ายของคนบางกลุ่มจนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบและสร้างความเสียหายมากมายให้ประเทศ”นายสงคราม ย้ำ
‘ธนกร’เชื่อเสถียรภาพรบ.ยังไปได้
นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสำรวจความเห็นประชาชนของซูเปอร์โพลที่ผลกว่า74%ไม่มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาลและเชื่อว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังสงกรานต์ ว่า รัฐบาลต้องรับฟังทุกความเห็นของประชาชนและควรที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความมั่นใจควบคู่ไปด้วย แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีหลายพรรค แม้ว่ามีความเห็นต่างในบางเรื่อง เช่นร่างกฎหมายบางฉบับที่ยังต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น รวมถึงสร้างความเข้าใจให้ข้อมูลกับประชาชนให้รอบด้าน
เมื่อถามว่า แต่ที่ผ่านมาก็มีบุคคลในพรรคร่วมออกมาแสดงท่าทีเหมือนขัดแย้งกันอยู่หลายครั้งหลายเรื่องนั้น นายธนกร กล่าวว่า การที่พรรคร่วม หรือบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ถือเป็นเรื่องที่ดีเพื่อจะช่วยทำให้รัฐบาลพิจารณากฎหมายและดำเนินนโยบาย หรือโครงการต่าง ๆให้เกิดความรอบคอบ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ารัฐบาลใดก็ตามที่เห็นพ้องต้องกันไปเสียหมดทุกเรื่อง ไม่มีการคัดค้าน หรือไม่เห็นต่างเลย มักจะอยู่ไม่ยาวเพราะถูกมองว่าเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ
แนะยึดประโยชน์ปท.-ปชช.เป็นหลัก
นายธนกรยังมองว่า ขณะนี้การทำงานของรัฐบาลที่มีหลายพรรคและเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน มองว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา เพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ยังคงเป็นไปด้วยดี ไม่ได้แตกหัก ร้าวลึก หรือประสานกันไม่ได้ตามที่ถูกมอง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังคุยกันได้ พร้อมเดินหน้าทำงานตามนโยบายและมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งสำคัญความเห็นต่างต้องนำมาซึ่งความรอบคอบ และต้องมาจากการที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เชื่อว่าจะเป็นส่วนดีของรัฐบาลชุดนี้ที่จะทำให้มีเสถียรภาพ เดินไปจนครบวาระได้ ขณะเดียวกันก็ต้องขอฝากรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สิน ลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่น ทั้งภายในและนักลงทุนต่างประเทศด้วย เชื่อว่าหากรัฐบาลยึดประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นหลัก จะเดินหน้า ทำงานต่ออย่างเข้มแข็งได้”นายธนกร กล่าว
รัฐบาลตีปี๊บ! เวทีโลกชื่นชม‘อิ๊งค์’
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 114 คน เป็นผู้นำที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่สร้างการเปลี่ยนแปลง โดย The Forum of Young Global Leaders (YGL) ประจำปี 2025 เครือข่ายที่ผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนชั้นนำ และประชาสังคมทั่วโลกร่วมกันให้คะแนน สะท้อนให้เห็นเวทีชั้นนำระดับโลกที่มีคอนเซ็ปต์ในการค้นหาผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ให้คุณค่าในการทำงานร่วมกัน มีแนวคิดลึกซึ้งและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ โดยต้องมีอายุ ต่ำกว่า 40 ปี และบุคคลอื่นเป็นผู้เสนอชื่อ ที่สำคัญต้องมีผลงานโดดเด่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและผลกระทบเชิงบวกในสาขาของตน โดยในปีนี้ YGL มีความหลากหลายทั้งจากสาขาต่างวัฒนธรรม ต่างประเทศ
ผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลง
“ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับการยกย่อง ในการมีภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ ที่เชื่อว่าจะนำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในการบริหารประเทศได้ โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ก็ติดโผ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของนิตยสารไทม์ มาแล้ว ทั้งนี้ แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีสุภาพสตรี ที่มีอายุน้อยที่สุดของไทยและของเอเชีย รวมทั้งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งบริหารประเทศไม่กี่เดือน จากภาวะผู้นำในการบริหารประเทศ ในการแก้ไขปัญหาทางสังคมทั้งกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและภัยพิบัติต่างๆ และว่ายังผลักดันนโยบายสำคัญไปสู่การปฏิบัติ เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ การร่วมประชุมในเวทีระดับผู้นำโลกเพื่อชักชวนให้นักธุรกิจระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ดิจิทัลวอลเล็ต, โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ล่าสุดในฐานะประธานคณะกรรมการซอฟพาวเวอร์ไทย ที่ส่งเสริมสงกรานต์ไทย เทศกาลของไทย กลายเป็นเฟซทีฟระดับโลก ซึ่งภาวะผู้นำของท่านนายกรัฐมนตรี และยังทำให้ศักยภาพของประเทศโดดเด่นด้วย ท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนเศรษฐกิจในปัจจุบัน ”นายจิรายุ กล่าว
สำหรับ The Forum of Young Global Leaders (YGL) เป็นโครงการริเริ่มของ World Economic Forum (WEF) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2547 โดยศาสตราจารย์ Klaus Schwab มีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นในการปรับปรุงสภาพของโลก โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อส่งเสริมผู้นำที่มีความรับผิดชอบ สนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ ความกล้าหาญ และอิทธิพลในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในโลก ปัจจุบันมีสมาชิกและอดีตสมาชิกมากกว่า 1,400 คน จากกว่า 120 ประเทศ ครอบคลุมหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น นักธุรกิจ นักการเมือง นักวิชาการ ศิลปิน และนักกิจกรรมทางสังคม
‘อิ๊งค์’พร้อมถก’อันวาร์’17เม.ย.นี้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันที่ 17 เมษายน นี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนไทยเพื่อประชุมหารือติดตามความคืบหน้าต่างๆ (Working Visit) ที่เคยมีการประชุมของทั้งสองประเทศ การเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อหารือและติดตาม รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซียให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายหลังจากที่นางสาวแพทองธาร ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567และมีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568
เน้นพัฒนาเชื่อมโยงการค้าท่องเที่ยว
โดยประเด็นสำคัญที่จะหารือ และติดตามความคืบหน้า ได้แก่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งการค้า การท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านความมั่นคง การพัฒนาพื้นที่ชายแดนและเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย - มาเลเซีย ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เพื่อขับเคลื่อน ความสัมพันธ์ระหว่าง 10 ประเทศ ตามกรอบข้อตกลงต่างๆในที่ประชุมหลายระดับในภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมานักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในอาเซียน ปี 2568 นี้จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่โดดเด่นด้วยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งทั้ง 10 ประเทศมีประชากรรวมกันกว่า 670 ล้านคน และมีการค้าขายระหว่างกันทั้งการนำเข้าและ การส่งออกสินค้าที่หลากหลาย เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภค/บริโภค และสินค้าไฮเทค เป็นต้น
ทั้งนี้ การหารือร่วมกันระหว่างไทยกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะทำให้ ภูมิภาคอาเซียนให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเจรจาในทุกมิติกับประเทศนอกอาเซียน
‘เทพไท’ฉะกาสิโน:ศึก2คู่พ่อ-ลูก’
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “กาสิโน:ศึก2คู่ 2พ่อ-ลูก”ระบุว่า ถ้าจะดูความขัดแย้งทางการเมือง กรณีกฎหมายเปิดบ่อนกาสิโนในตอนนี้ ระหว่างคู่พ่อ-ลูก น.ส.แพทองธาร นายทักษิณ ชินวัตรกับ คู่พ่อ-ลูก นายไชยชนก นายเนวิน ชิดชอบซึ่งเป็นสงครามตัวแทนที่ลูกอยู่เบื้องหน้า มีพ่อสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และเชื่อว่าความขัดแย้งในครั้งนี้ มีเดิมพันทางการเมืองอย่างแน่นอน
เพราะ 1.ลูกของทั้ง 2 คน มีตำแหน่งในพรรคการเมืองใหญ่คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่วนนายไชยชนก ชิดชอบ มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย 2.เป็นลูกของพ่อที่อยู่เบื้องหลังการเมือง คนหนึ่งเป็นลูกสาวนายใหญ่ เป็นผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย อีกคนเป็นลูกชายคนโตของครูใหญ่ เป็นผู้นำจิตวิญญาณภาคภูมิใจไทย
3.คนรุ่นใหม่ หรือคน gen Y พร้อมจะเป็นผู้นำทางการเมืองในยุคสมัยนี้ เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคเพื่อไทย ยังมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยก็สามารถผลักดันให้นายไชยชนก ชิดชอบ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรคภูมิใจไทยได้เช่นกัน
เชื่อไม่ช้าก็เร็วมีการเอาคืนแน่นอน
4.พ่อของแต่ละคนตั้งความหวังให้ลูกเป็นผู้นำทางการเมืองในอนาคตได้ เมื่อนายทักษิณผลักดันลูกสาวคือน.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีได้ มีหรือที่นายเนวินจะไม่ตั้งความหวังผลักดันลูกชายให้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือเจริญก้าวหน้าทางการเมืองต่อไป 5.ทางพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะต้องช่วงชิงให้มีจำนวน สส.มากที่สุดในฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคที่เป็นลูก จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
“เชื่อว่าทั้งนายทักษิณและนายเนวิน ต่างมีลูกเป็นความหวังทางการเมือง จึงไม่ยอมให้ลูกของตัวเองถูกกระทำทางการเมืองอย่างแน่นอน นายเนวิน ชิดชอบ ได้ลงทุน ยืนเคียงข้างลูกอย่างแน่นอน และนายทักษิณก็เช่นเดียวกัน คงจะไม่ยอมให้ลูกสาวถูกฉีกหน้ากลางสภา เชื่อว่าแค้นนี้ต้องชำระ เพียงแต่ในวันนี้นายทักษิณมีที่ยืนทางการเมืองไม่แข็งแรง เหมือนกับนายทักษิณในสมัยพรรคไทยรักไทยที่มี สส.จำนวน 377 คน อยู่ในมือ จึงจำเป็นต้องอดทน เก็บอาการแบบหวานอมขมกลืน และประนีประนอมอำนาจให้มากที่สุด แต่เชื่อว่าจะมีการเอาคืนอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วแน่นอน”นายเทพไท ระบุทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี