สงกรานต์5วันดับ171
เจ็บ1,208คน/อุบัติเหตุ1,216ครั้ง
‘กทม.-พัทลุง-ลำปาง’แชมป์
ยอดสูญเสียสะสมมากที่สุด
21จังหวัดยอดตายเป็นศูนย์
ปชช.แห่กลับกทม.แน่นขนัด
5 วันผ่านสงกรานต์ยังดุ! ดับแล้ว 171 ศพ เกิดอุบัติเหตุ 1,216 ครั้ง บาดเจ็บระนาว 1,208 คน “กทม.-พัทลุง-ลำปาง” ยึดแชมป์สูญเสียสะสม ขณะที่ “21 จังหวัด” ตายเป็นศูนย์ ด้าน “ศปถ.” กำชับปรับแผนรับเดินทางกลับเข้าสู่โหมดทำงาน ประชาชนเดินทางกลับหลังฉลองสงกรานต์ ขนส่งหมอชิต 2 แออัด ประมาณการผู้ใช้บริการ 9 หมื่นคน บขส.ประสานขสมก.จัดรถเมล์ รถรับ-ส่ง เพิ่มสะดวก ปลอดภัย ลดแออัด รัฐบาลสั่งเข้มดูแลประชาชนเดินทางกลับ ตรวจความปลอดภัยทุกเที่ยว เสริมจุดต่อเชื่อมขนส่งสาธารณะ อำนวยความสะดวกครบวงจร
วันที่ 16 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร หลังใช้เวลาวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปฉลองปีใหม่ไทยกับครอบครัวและท่องเที่ยวต่างจังหวัด ทำให้บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)หรือหมอชิต 2 ช่วงเช้าวันนี้คึกคัก มีประชาชนเดินทางกลับมาค่อนข้างหนาแน่น ต่างหอบสัมภาระจำนวนมากรอต่อคิวเพื่อขึ้นรถแท็กซี่ ด้านหน้าอาคารสถานี มีแถวยาวกว่า 200 เมตร เจ้าหน้าที่ได้กั้นแนวสำหรับจัดแถว เพื่อให้ประชาชนได้ขึ้นรถโดยแบ่งเป็น 3 ช่องทาง
หมอชิตแน่นคนใช้บริการ9หมื่น
นายชัชวาล พรอมรธรรม กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ลงพื้นที่ชานชาลาที่ 1 จุดจอดรถขาเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2, จุดบริการแท็กซี่ และจุดพักคอยรถเมล์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตรวจความเรียบร้อยการอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางกลับ โดยเผยว่า การเดินทางวันนี้ (16 เมษายน) คาดการณ์จะมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 90,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) ประมาณ 4,500 เที่ยว เนื่องจากเป็นวันหยุดวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะเริ่มเปิดทำงานวันแรกวันที่ 17 เมษายน ซึ่ง บขส.จัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ได้เพียงพอและไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
ขสมก.จัดรถเมล์-แท็กซี่รองรับลดแออัด
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ยังพบว่า ช่วงเช้าเวลา 05.00 – 08.00 น. มีผู้โดยสารรอรถแท็กซี่จำนวนมาก บขส. จึงแนะนำให้ผู้โดยสารไปเลือกใช้บริการรถโดยสาร (รถเมล์) ของ ขสมก. ซึ่งจัดรถเมล์เข้าจอดรับ – ส่ง บริการประชาชนในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง และขสมก.ยังจัดรถ Shuttle Bus บริการเชื่อมต่อระหว่างสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร ทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางมากกว่า ทั้งนี้ ยังประสานให้รถแท็กซี่เข้ามารับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มการจัดคิวให้บริการแท็กซี่ เพื่อความสะดวก เป็นระเบียบ ไม่แออัด ทำให้ระบายผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ได้หมดในเวลาประมาณ 08.00 น.
เดินทางกลับเฉลี่ยวันละแสนคน
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเน้นย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดช่วงการเดินทางวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยกำชับให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนที่ทยอยเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จากข้อมูลการเดินรถพบว่า มีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯเที่ยวไป 33,170 คน เที่ยวกลับ 56,362 คน รวม 89,532 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) เที่ยวไป 2,789 เที่ยว เที่ยวกลับ 3,107 เที่ยว รวม 5,896 เที่ยว ทั้งนี้ ช่วงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 15 –17 เมษายน คาดการณ์มีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 100,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) ประมาณวันละ 4,800 เที่ยว โดย บขส.กำชับนายสถานีเดินรถทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางเที่ยวกลับเข้ากรุงเทพฯ
รบ.สั่งเข้มความปลอดภัยคนเดินทางกลับ
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า ส่วนการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ รถโดยสารของ บขส. ทุกคันจะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประตู 3 เพื่อความสะดวกเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีแดง รถเมล์ และแท็กซี่ ขณะเดียวกันร่วมกับ ขสมก. จัดรถเมล์ให้บริการภายในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 รวม 15 เส้นทาง และจัดรถ Shuttle Bus เชื่อมต่อระหว่างหมอชิต 2 กับ BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร ให้บริการตั้งแต่ 04.00 – 22.00 น. ขอความร่วมมือผู้ประกอบการแท็กซี่เข้าจอดรับผู้โดยสารในจุดที่กำหนด เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และเป็นระเบียบเรียบร้อย
ทั้งนี้ รัฐบาลกำชับทุกหน่วยงานด้านคมนาคมและขนส่งสาธารณะ พร้อมบริการประชาชน โดยยึดความปลอดภัยและความสะดวกเป็นสำคัญ ซึ่งบขส.บูรณาการความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตรวจความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถทุกเที่ยว ทั้งผ่านการ Checklist และจุดตรวจ (Checking Point) โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง ประตูฉุกเฉิน พร้อมตรวจสารเสพติดและวัดระดับแอลกอฮอล์ ต้องมีค่าเป็นศูนย์ และกำหนดให้รถโดยสารใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และต้องจัดพนักงานขับรถ 2 คน สำหรับเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง
ปภ.สรุปเจ็บ-ตายอุบัติเหตุลดลง
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ในฐานะประธานการประชุมอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และสถิติการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ภาพรวมลดลงกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุดยังคงเป็นการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะขับขี่ยานพาหนะ ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและการดื่มแล้วขับอย่างเข้มข้นทั้งในช่วงเทศกาลและตลอดทั้งปี เพื่อป้องกันและลดพฤติกรรมเสี่ยงหลักในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนลงให้ได้มากที่สุด ในวันนี้เป็นวันหยุดชดเชยช่วงเทศกาลสงกรานต์วันสุดท้าย ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ตามภูมิภาคจำนวนมาก ทำให้ถนนหลายสายมีปริมาณรถเป็นค่อนข้างมาก จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้
ปรับแผนรับมือคนแห่กลับ-เข้มทุกด่านตรวจ
ศปถ. จึงได้ประสานจังหวัดปรับแผนการดำเนินงานสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยบูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ให้เร่งระบายรถ เปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชน อีกทั้ง ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเข้มงวดการเรียกตรวจยานพาหนะในเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางตรงระยะทางไกล ซึ่งผู้ขับขี่มักจะใช้ความเร็วสูงในการขับขี่
ใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่ม7%
ด้านนายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 16 เมษายน 2568 เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้ ประชาชนปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยประชาชนเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7 ขณะที่มีการเดินทางโดยระบบรางและทางอากาศเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 และเพิ่มจำนวนเที่ยวการเดินทางทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนตลอดการเดินทาง โดยการตั้งจุดเช็ค Point ทั่วประเทศ โดยดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะ ทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือ และตรวจสอบผู้ขับขี่และพนักงานให้บริการ ต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่กินยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุจากการหลับใน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
เซ่นสงกรานต์วันที่5ตาย27-อุบัติเหตุ214ครั้ง
นายชาครีย์กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 15 เม.ย. 68 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน ดังนี้ เกิดอุบัติเหตุ 214 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 209 คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย
สาเหตุหลักขับเร็ว-ดื่มขับมากที่สุด
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 36.92 ดื่มแล้วขับ 31.31 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 20.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.32 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.38 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.45 ถนนในอบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.18 ถนนกรมทางหลวงชนบท ร้อยละ 14.95 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01 -21.00 น. ร้อยละ 22.90 เวลา 15.01 – 18.00 น. ร้อยละ 20.56 และเวลา 00.01 – 03.00 น. ร้อยละ 13.55 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 20.34 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,764 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,039 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (10 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (13 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก (3 ราย)
5วันตายสะสมพุ่ง171-กทม.แชมป์15คน
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (11 – 15เม.ย.68) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,216 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,208 คน ผู้เสียชีวิต รวม 171 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง (47 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (15 ราย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี