นายกฯบี้ตร.-DSIสางคดีตึกถล่ม
7วันลุ้นหมายจับ
กระทุ้ง‘สตง.’ส่งเอกสารสำคัญ
ลั่นสุดท้ายต้องมีคนรับผิดชอบ
เรียกผู้ว่าฯ-ปลัดกทม.เข้าแจง
ปมห้ามเข้าพื้นที่เก็บหลักฐาน
นายกฯอิ๊งค์ เรียกถกตำรวจ-ดีเอสไอติดตามความคืบหน้าคดีตึก สตง.ถล่ม กระทุ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสตง.เร่งส่งหลักฐานให้ ตร.สอบสวนคดี หลังพบการส่งหลักฐานเอกสาร-ความร่วมมือช้า ยันขอให้มั่นใจรบ.ไม่ปล่อยมือ ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ แย้มเร็วๆนี้ออกหมายจับได้ ด้านผช.ผบ.ตร.เผยกรอบ 7วันเคาะหมายจับ ฮึ่มสอบถึงใครเอี่ยวดำเนินคดีหมด ด้าน‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’เผยนายกฯเรียกพบถามถึงกระแสไม่ปล่อยให้หน่วยงานเก็บหลักฐานเข้าพื้นที่ ส่งผลทำงานยาก-คดีช้า ซึ่งชี้แจงไปว่าช่วงแรกมีปัญหาการสื่อสารบ้าง แต่ขณะนี้ทุกอย่างลงตัว เปิดให้เข้าไปนั่งดูหน้าไซต์งานได้เลย ส่วนDSIจ่อเรียกสอบปากคำ’51วิศวกร’กรณีมีชื่อคุมงานก่อสร้างตึก สตง.
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าผลการสอบสวนกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ถล่ม หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหววันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จี้ทุกหน่วยเร่งส่งหลักฐานให้ตำรวจ
น.ส.แพทองธารแถลงหลังประชุมว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีตึก สตง. ถล่มเมื่อคุยรายละเอียดแล้ว ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับตำรวจเพิ่มเติมมากกว่านี้ เพราะยังมีเรื่องเอกสารหลักฐานสำคัญ ที่ขอความร่วมมือไป แต่ยังได้รับความร่วมมือ ค่อนข้างช้า เรื่องนี้รอไม่ได้ เราต้องหาหลักฐานและเหตุผลให้ครบ เพื่อจะได้มีข้อมูลที่รับผิดชอบต่อชีวิตที่เสียไปด้วย ต้องขอความร่วมมือ ทั้งเอกสารทั้งหมดจากสตง. การรายงานผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง. ที่ตรวจพบมีการผิดสัญญาแต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาในเวลาที่กำหนดตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ซึ่งมีการร้องขอยกเลิกสัญญา ฉะนั้น ต้องขอดูเรื่องของเอกสารเพิ่มเติมตรงนี้
ย้ำแยกคนเกี่ยวข้องออกจากการสอบสวน
นายกฯกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหวว่า กทม.ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ ที่ก่อให้เกิดเหตุตึกถล่ม เหล่านี้เป็นเอกสารที่อยากขอความร่วมมือ จากนี้จะขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีหน่วยงานในกำกับดูแลมาตรฐานจัดซื้อจัดจ้าง ดูคุณภาพวัสดุก่อสร้าง เพื่อชี้วัดและมีอำนาจบอกเลิกสัญญา ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานที่ร่วมตรวจรับการออกแบบก่อสร้างและตรวจรับงาน ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องในความเสียหายนี้ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่กับตำรวจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องของกรมโยธาฯที่เกี่ยวข้องกับตึกสตง. ที่ผ่านมาควรแยกออกจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวด้วย และแต่ละหน่วยงานควรคัดกรองบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุดังกล่าวออกจากคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เพื่อไม่ให้มีส่วนกับการสืบสวนสอบสวนตรงนี้
DSIสอบเหล็ก-ปูน/แก้แบบเกิดความเสี่ยง
นายกฯกล่าวอีกว่า ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกับเรื่องมาตรฐานเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงคุณภาพของปูนที่ไม่ได้มาตรฐานและการแก้แบบ ที่มีการแก้ไขแบบ Core Wall หรือผนังรับแรงเฉือนจากแรงลมในอาคารสูง และการแก้ไขแบบปล่องลิฟต์ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของตึกโดยไม่เสริมเหล็ก ทำให้เกิดความเสี่ยงของอาคาร รวมถึงการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและการฮั้วประมูล
“ขอให้ประชาชนมั่นใจรัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือ และไม่มีแพลนว่าจะปล่อยด้วย ส่วนตัวดิฉันรับไม่ได้กับการที่มีคนเสียชีวิตด้วยเหตุผลที่มีตึกถล่ม 1 ตึก แต่เข้าใจได้อยู่แล้วถ้ามีแผ่นดินไหวเหมือนที่เมียนมา ที่แผ่นดินไหวกันทั้งหมดและรุนแรง ห้ามไม่ได้ แต่อันนี้มีแค่ 1 ตึก ดิฉันพูดมาตั้งแต่วันแรกมีแค่1 ตึก และดิฉันติดตามเรื่องนี้อยู่อย่างจริงจัง”นายกฯ กล่าว
ย้ำตร.หลักฐานพอออกหมายจับได้เลย
และว่า สำหรับเรื่องการทำโมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มที่ 4 สถาบันการศึกษาบวกกรมโยธาฯใน 90 วัน เพื่อหาเหตุผลโดยละเอียดเชิงลึกว่าลมแรงสั่นสะเทือน ปูนหรือเหล็กหรืออะไรทำให้ตึกถล่มลงมา แต่ระหว่างนี้ก็ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆถูกหมดหรือยัง ตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง หากจะสรุปอะไรในวันนี้ต้องรอตำรวจหรือดีเอสไอช่วยหาหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ตนพูดไปก่อนจะโดนฟ้องร้องได้ ยืนยันอีกไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกหมายจับ ซึ่งตนได้คุยกับตำรวจแล้วว่าเมื่อมีหลักฐานเพียงพอจะออกหมายจับให้ออกได้เลย ย้ำว่าไม่นานจะเริ่มออกหมายจับ
รอเอกสารจากสตง.-กรมอุตุฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักคือ สตง.ที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้เรารอเอกสารจาก สตง. รวมถึงรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยา แต่ก็ทราบว่าทุกหน่วยงานคงมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเหตุใดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ให้ความร่วมมือให้ข้อมูล ซึ่งถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้ข้อมูลเต็มที่ ต้องถูกตั้งข้อสังเกตอยู่แล้ว ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพื่อจะได้ไม่เป็นข้อครหาของประชาชน ยืนยันเราทำทุกอย่างตามหลักฐานที่มี และย้ำตำรวจว่าให้ทำเต็มที่จริงจัง
ใกล้ออกหมายจับมากแล้ว
ถามย้ำว่า คนในสตง.ต้องรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน นายกฯกล่าวว่า ดูตามหลักฐาน เราจะไม่เหมารวม สมมุติหัวข้อแรกเรื่องการออกแบบผิด ต้องดูรายชื่อใครรับผิดชอบ หน่วยงานไหนดูแลเราจะดูเป็นหัวข้อๆไป โดยให้ตำรวจเป็นผู้ชี้หากหลักฐานเพียงพอก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถามต่อว่า จากข้อมูลที่ได้รับใกล้จะออกหมายจับได้หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า การออกหมายจับใกล้มากแล้ว
ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า สังคมตั้งคำถามจากเหตุการณ์นี้อาจไม่มีใครรับผิดเลย นายกฯรับปากได้หรือไม่ว่าสุดท้ายจะมีผู้รับผิด นายกฯ กล่าวว่า “จริงๆแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนผิดเลยในเรื่องนี้ มันทราบอยู่แล้วว่าต้องมีบางจุดที่ผิดไปจากทุกตึก มันชัดเจน การที่จะมีศูนย์คนที่ไม่ต้องรับผิดชอบเลยเป็นไปได้ยากมาก”
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายเซ็นของผู้ออกแบบ นายกฯกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าบางท่านแจ้งมาว่าลายเซ็นถูกปลอมแปลง ต้องตรวจสอบว่ามีการปลอมแปลงจริงหรือไม่ ลายเซ็นที่แท้จริงเป็นอย่างไร ส่วนที่มีการปรับแก้ core wall ความหมายคือ ผนังรับแรงเฉือน (จากแรงลมในอาคารสูง)ทำให้กำแพงบางลง นายกฯกล่าวว่า มีหลักฐานบางอย่างตามที่สื่อทราบ แต่ตนขอข้อมูลให้ครบกว่านี้ ซึ่งตามที่สื่อรายงานก็เป็นอย่างนั้น แต่ในส่วนผู้เซ็นรับนั้น ไม่แน่ใจว่าใครเซ็นบ้าง ต้องให้ตำรวจตรวจสอบว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง
7วันลุ้นหมายจับ-ลั่นใครเกี่ยวโดนหมด
ด้านพล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกรณีตึก สตง. ถล่ม จะมีจำนวนกี่คนว่า ยังไม่ทราบ พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน กำลังสอบผู้เกี่ยวข้องอยู่ ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง รายละเอียดมาก ต้องใช้เวลาเยอะ อย่างไรก็ตาม กรอบเวลาที่วางไว้ขณะนี้ไม่เกิน 7 วัน แต่ถ้าไม่ทันขยายได้เรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนงหมายจับ จะออกเฉพาะคนออกแบบหรือเจ้าหน้าที่ สตง. ด้วยหรือไม่อย่างไรนั้น การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ถ้าเกี่ยวข้องพบทำผิดกฏหมาย ทุกคนที่ทำผิดต้องดำเนินคดีหมด พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเหตุการณ์นี้เกิดการทำผิดกฎหมายมาตราใด ใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจึงจะตอบได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนได้ ต้องให้ชัดเจนมากกว่านี้ การออกหมายจับต้องไปเสนอศาล
เรียกผู้ว่าฯ-ปลัดกทม.แจงปมปิดกั้นพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชุมกรรมการตรวจสอบกรณีตึกสตง.ถล่มแล้ว นายกฯได้เรียกนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และพ.ญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานครเข้าหารือ เนื่องจากมีรายงานข่าวว่า กทม.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ไม่ยอมให้หน่วยงานใดเข้าไปเก็บหลักฐาน โดยเฉพาะกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่สามารถเข้าไปเก็บหลักฐานได้อย่างอิสระ ต้องขออนุญาตกทม.ก่อนทุกครั้ง ทำให้การเก็บหลักฐานล่าช้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานยาก
รับช่วงแรกมีปัญหาสื่อสารเรื่องเข้าพื้นที่
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยหลังเข้าพบนายกฯว่า นายกฯเรียกมาถามถึงหน้างานต้องการความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ตนชี้แจงไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี หน่วยงานราชการทุกหน่วย ทั้งภาครัฐเอกชน ให้ความร่วมมืออย่างดี ตั้งแต่ทางทหาร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน มูลนิธิฯ ผู้ประกอบการรถแบ็กโฮ รถเครน และยืนยันเราพร้อมให้ความร่วมมือเก็บหลักฐาน ส่วนที่มีกระแสข่าวตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจากกทม.ในการลงพื้นที่เก็บหลักฐานนั้น จริงๆไม่มีอะไร เราให้ความร่วมมือตลอด แต่อาจเป็นสัปดาห์แรกที่มีเรื่องต้องแข่งกับเวลา เพราะเราคิดว่ายังมีคนรอดชีวิตอยู่ข้างใน อาจมีเรื่องการสื่อสาร แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหา เรียบร้อย
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เป็นคณะกรรมการที่นายกฯตั้งให้สอบสวน ตอนนี้มีการประสานงานที่ดี ในเรื่องนี้ นายกฯถามว่า มีปัญหาอะไรหรือไม่ ตนอธิบายให้ฟังว่าช่วงแรกมีปัญหาเรื่องการสื่อสารบ้าง ทุกคนอยากทำให้เต็มที่ เพราะมีเรื่องเวลาเข้ามา แต่ตอนนี้เข้าใจกันดี
เปิดให้มานั่งดูหน้าไซต์งานได้เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้หากหน่วยงานตรวจสอบจะเข้าพื้นที่เก็บหลักฐาน ต้องใช้เวลาประสานกับ กทม.นานหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่นาน ตอนนี้ก็แจ้งเข้ามาได้ มีเจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการที่อยู่หน้างานอยู่แล้ว พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ตอนนี้หน้างานไม่รู้อะไรเป็นอะไร ตนแนะนำ ให้มานั่งดูหน้าไซต์งาน อาจดูจากโดรนว่าต้องการชิ้นไหนก็แจ้งแล้วไปเอาเลย เพราะกระบวนการรื้อซากหาผู้ติดค้างต้องทำต่อเนื่อง บางทีอาจมีชิ้นส่วนที่ต้องการโผล่ออกมา จะได้แจ้งให้หยุดและหยิบออกมาได้เลย ไม่มีปัญหา
เจอปล่องลิฟท์-ศพเป็นกลุ่มใหญ่
ถามถึงกรณีหลายคนโฟกัสจุดผนังปล่องลิฟท์ ตอนนี้พบปล่องลิฟท์แล้วหรือไม่ว่าอยู่จุดไหน นายชัชชาติ กล่าวว่า เจอเมื่อวันที่ 17 เมษายน เป็นจุดที่เราหามานานคือ จุด FT1 และ FT2 เป็นจุดปล่องซ้ายและปล่องขวา ที่เราเห็นและมั่นใจเพราะเราเห็นป้าย ที่บอกชั้น 18 เพราะป้ายยังติดอยู่ที่ปล่องบันได และพบร่างผู้เสียชีวิตหลายร่างเห็นกลุ่มใหญ่อยู่ตรง 2 จุดนี้ ที่เข้าใจว่าเป็นทางหนีลง ซึ่งชั้นบนส่วนใหญ่จะหนีไม่ทันเพราะตึกโยกมาก ชั้นล่างอาจเริ่มหนีเข้าบันไดหนีไฟได้ ก็เจอเป็นกลุ่ม ทำให้เราต้องโฟกัสจุดนี้มากขึ้น ทั้งนี้ โดยสภาพปล่องลิฟท์ที่พบไม่คงสภาพ เป็นคอนกรีตที่พังแล้ว
รับหลักฐานเสื่อมสภาพมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีเอสไอได้ประสานเก็บข้อมูลเพิ่มเติม หรือเก็บหลักฐานตัวปล่องลิฟท์หรือไม่ ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า เข้าใจว่าดีเอสไอไม่ได้ดู แต่คุยกับรมว.ยุติธรรมเรื่องสัญญามากกว่า แต่ตัวหลักฐานเข้าใจว่าเป็นของกรมโยธาธิการฯที่เข้ามาต่อเนื่อง ส่วนหลักฐานที่พบในพื้นที่เสื่อมสภาพแล้วหรือไม่ ดูยาก เพราะสภาพวิกฤติหรือพังไปแล้ว ประเด็นสำคัญคือ ไม่รู้ว่ามาจากชิ้นส่วนไหน ตรงไหน ลำบากในการวัดแต่จะเก็บข้อมูลก็เก็บไปก่อนได้ ดีแล้ว อาจใช้หรือไม่ใช้ก็ได้
ย้ำเดตไลน์สิ้นเมย.จบการรื้อถอน
ผู้ว่าฯกทม.ยังชี้แจงถึงกรณีผู้ที่จะเข้าพื้นที่ว่า แล้วแต่รายชื่อ ทุกคนที่เข้ามาในไซต์มีรายชื่อหมด ไม่สามารถเข้ามาโดยอิสระ มีหน่วยคัดกรองอยู่ด้านหน้า ถ้าไม่ให้ใครเข้าแจ้งมาและกันออกได้ แต่คนที่เข้ามาคือคนที่เกี่ยวข้องทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการสอบสวน
ส่วนความคืบหน้าการรื้อซากอาคาร ผู้ว่าฯกทม.เผยว่า ก้าวหน้าไปได้ดี พยายามเอาทุกคนกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่มีหลายมิติเกี่ยวข้อง อย่างช่วงเช้าวันที่ 18 เมษายนเจอร่างเยอะ ทำให้เราต้องหยุดการทำงานของเครื่องจักรหนักไปประมาณ 5 ชั่วโมง จริงๆถ้ารื้ออย่างเดียวไม่กี่วันก็เสร็จ แต่ถ้ารื้อด้วยและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในอาคารด้วยอาจมีปัญหาเรื่องเวลา แต่เชื่อว่าเป้าหมายปลายเดือนเมษายน.ต้องเห็นความก้าวหน้าไปมาก
มท.1มอบ1แสนเยียวยาเหยื่อตึกถล่ม
วันเดียวกัน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและสาธารณภัยแห่งชาติ(บกปภ.ช.) เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวและญาติผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากเหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้อาคาร สตง. ย่านจตุจักร กทม. ถล่มลงมาทั้งหลัง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยนายภาสกร บุญญลักษณ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหววันที่ 28 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 18 จังหวัด 139 อำเภอ 436 ตำบล 836 หมู่บ้าน รวมถึงกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด โดยเฉพาะกรณีอาคาร สตง.ถล่ม มีผู้เสียชีวิต 48 ราย เป็นผู้เสียชีวิตกลางอาคาร สตง. 41 ราย เป็นบุคคลสัญชาติไทย 6 ราย ต่างด้าว 3 ราย ไม่สามารถระบุตัวตนได้ 22 ราย และอาคารในเขตอื่น 7 ราย ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางอนุมัติหลักเกณฑ์จ่ายเงินทดรองราชการช่วยผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2563 ช่วยเหลือเบื้องต้นรายละ 100,000 บาท 2.ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตรายละ100,000 บาท และ3.ค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงเฉพาะส่วนที่เบิกไม่ได้ ตามอัตราที่ทางราชการกำหนด
จากนั้นนายอนุทินมอบเงินช่วยเหลือให้น.ส.ชลิดา ทองพุฒ บุตรสาวนายชัชวาล ทองพุฒ ผู้เสียชีวิต ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พิษณุโลก 100,000 บาท นอกจากนี้ ในส่วนผู้เสียชีวิตรายอื่น มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคายน่าน อุทัยธานี อุดรธานี นครพนม ชัยนาท ขอนแก่น สุพรรณบุรี ชัยภูมิ และหนองบัวลำภู ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 11 จังหวัด ลงพื้นที่เพื่อมอบเงินค่าจัดการศพรายละ 100,000 บาทให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ภายในวันนี้(18เม.ย.) ต่อไป
จ่อเรียก51วิศวกรมีชื่อคุมงานสอบ
ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ และในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีนอมินีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯว่า จากการที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุด เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เราได้ตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อหาข้อเท็จจริงในเครื่องคอมพิวเตอร์มีพยานหลักฐานใดบ้าง และยังยึดพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้าง
ส่วนวันนี้มีเจ้าหน้าที่โยธาฯร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบเอกสาร ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ยังทำให้พนักงานสอบสวนพบข้อมูล 51 วิศวกร ดีเอสไอต้องทยอยเชิญเข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน โดยเฉพาะประเด็นควบคุมงาน
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า สำหรับวิศวกรทั้ง 51 รายที่ดีเอสไอพบอาจเกี่ยวข้องกับตึก สตง.นั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่า มีวิศวกร 2 คนเข้าให้ข้อมูลก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่ 1.นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และ 2.นายชัยฤทธิ์ (สงวนนาม สกุล) ส่วนนายชัยฤทธิ์ เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งยอมรับว่ามีรูปปรากฏในภาพจริง ทั้งนี้ ดีเอสไอต้องเชิญวิศวกรทั้ง 51 รายเข้าให้ปากคำพยานแน่นอน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการคุมงานจริงหรือไม่ เพื่อทราบว่ามีใครเป็นวิศวกรในโครงการนี้จริงบ้าง แล้วจึงขยายผลไปได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ รวมทั้งกระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่
สัปดาห์หน้าเรียกอิตาเลียนไทยให้ปากคำ
พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันว่า ผู้เกี่ยว ข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่แจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน หรือกรณีของนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทพี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำ โดยพนักงานสอบสวนได้ทำตารางนัดหมายพยานไว้เรียบร้อยแล้ว หรือหากตำรวจสน.บางซื่อเรียกสอบปากคำนายปฏิวัติวันที่ 21 เมษายน ดีเอสไอก็อาจไปร่วมสอบปากคำด้วยได้
คดีนอมินีคืบ50%-ลุยคดีฮั้ว/เหล็กคู่ขนาน
สำหรับภาพรวมคดีนอมินีขณะนี้ พ.ต.ต.วรณันเผยว่า คืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว หลังจากนี้เป็นกระบวนการพิจารณาว่าหลักฐานเพียงพอจะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใดหรือไม่ ส่วนคดีที่ทำคู่ขนานจะมีทั้งคดีการฮั้วประมูล (มาตรา 7 และมาตรา 8) ซึ่งขยายผลออกมา โดยองค์ประกอบความผิดคดีฮั้วประมูลมีหลายเรื่อง เช่น การที่ทำให้การแข่งขันราคาไม่เป็นธรรม ใช้กลอุบายไปฟันราคา เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาแล้วไปลดค่างานหรือการดำเนินการอย่างอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็เข้าข้อกฎหมายนี้ได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ ยังมีคดีเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เหล็กเส้นที่ตกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. หากพบความผิด เจ้าหน้าที่ สมอ. ก็จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นอีก 1 คดี และคดีสุดท้ายที่ดีเอสไอตรวจสอบ คือ กรณีบริษัทที่ขายเหล็กให้โครงการก่อสร้างดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารภาษีไม่ถูกต้อง
พ.ต.ต.วรณัน ยังยืนยันด้วยว่าไม่กังวล แม้จะมีกระแสข่าวว่าคนที่แก้ไขแบบอาคาร สตง. มีความเกี่ยวข้องกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. โดยบอกว่าเรื่องนี้สปอร์ตไลท์ของสังคมค่อนข้างเยอะ ไม่น่าจะมีปัญหา และดีเอสไอรับคดีขนาดใหญ่ ทำงานเป็นรูปแบบคณะกรรมการ เรื่องนี้จึงไม่เป็นประเด็น
ขณะที่ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล เผยว่า วันนี้ตนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ตรวจสอบเอกสาร เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงภาพรวมทั้งหมด และดูว่าเอกสารที่ดีเอสไอได้ตรวจยึดมาจากพื้นที่เป้าหมายทั้ง 4 จุดนั้น เอกสารใดคือเอกสารสำคัญบ้าง เพื่อใช้ดำเนินการในส่วนต่อไปได้ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบพยานเอกสาร ทั้งนี้ ตนเรียนว่ามันต้องดูรายละเอียดทุกอย่าง จึงจะรู้ว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 21 เมษายน นี้ นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อาจเดินทางมาร่วมประชุมหารือกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะประเด็นพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมก่อสร้างอาคารตึก สตง.
2วิศวกรเข้าให้ข้อมูลทางลับปัดเจอสื่อ
ขณะที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยสาเหตุที่รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายค้น 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท คาร์ฮัพ จำกัด , กิจการร่วมค้า PKW , บริษัท ว.และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างรวม 4 จุดว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบนายบินลิง วู ถือเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯตัวจริง แม้ไม่ปรากฏชื่อในโครงสร้างกรรมการในระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่กลับปรากฏความเชื่อมโยงในบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายของเขา โดยไปนั่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท ดังนี้ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ในบริษัทวีล มาร์ท (ประเทศ ไทย) จำกัด ,บริษัทเอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัทสันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และยังเป็นทั้งกรรมการ ผู้ถือหุ้นในบริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต(ประเทศไทย) จำกัด นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังใช้กลุ่มคนเดียวกัน อาทิ นายประจวบ ศิริเขตร , นายมานัส ศรีอนันท์ เป็นต้น ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าที่ตั้งของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.เป็นที่อยู่เดียวกับของนายโรเจอร์ส ลูกชายนายบินลิง วู
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยต่อว่า จากการเข้าตรวจค้นพบใบเอกสารควบคุมงานรายวัน 12-13 ลัง มีรายชื่อวิศวกรควบคุมงานในนามกิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด , บริษัท ว และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด , บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด) 51 ราย ล่าสุดวันนี้ (18 เมษายน)มีวิศวกร 2 คน ประ สานขอเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความผิดเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) โดยประสงค์ให้ข้อมูลเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องการพบสื่อ ดีเอสไอจึงจัดประชุมลับ ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าสังเกตการณ์ ส่วนกรณีนายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ที่ปรากฏชื่อเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง.ได้แจ้งขอเลื่อนเข้าให้ปากคำ เนื่องจากป่วย คาดว่าจะเข้าให้ปากคำได้สัปดาห์หน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี