'พีช’โร่ขอขมา
ถือพวงมาลัยเคลียร์ลุงป้าคู่กรณี
ย่องขึ้นโรงพักกลางดึก
มอบตัวโดนคดี4ข้อหา
ไร้ประเด็นพยายามฆ่า
ส่งBMWให้ตร.ตรวจ
ลูกชายนักการเมืองชื่อดัง ขับเก๋งหรูปาดหน้ากระบะลุงป้า ย่องพบตำรวจกลางดึก รับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนที่ช่วงบ่ายอีกวันจะถือพวงมาลัย 2 พวง มาขอโทษผู้เสียหาย โดยมี “นายกเบี้ยว” ผู้เป็นพ่อตามประกบ ด้าน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ตรวจพิสูจน์รถหรูป้ายแดงคันก่อเหตุ เผยยังไม่แจ้งข้อหา “พยายามฆ่า” ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจพิสูจน์ทั้งหมด ส่วนรถหรู จอด สภ.ลำลูกกา
ความคืบหน้าเหตุการณ์ที่ นายสมิทธิพัฒน์ หรือพีช หลีนวรัตน์ อายุ 28 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ต.ธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ท-6523 กรุงเทพมหานคร ปาดหน้ารถกระบะลุงกับป้า จนเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ และยังไม่ลดละจอดรถลงจากรถพร้อมถอดเสื้อแล้วตะโกนด่าคู่กรณีอย่างดุเดือด อ้างตัวเป็นหลาน ผบ.ตร.และมีพ่อเป็นผู้มากบารมีแสดงความก้าวร้าวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เหตุเกิดที่ถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะอิน กม.22 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 18 เมษายน 2568 นายสมิทธิพัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อรับทราบ 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส (กรณีลุง) 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (กรณีป้า) 3.ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ 4.ทำให้เสียทรัพย์ ก่อนเดินทางกลับไป
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 เมษายน 2568 ที่ สภ.ลำลูกกา พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 เมษายน 2568 นายสมิทธิพัฒน์ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไปทั้งหมด 4 ข้อหา โดยวันนี้ให้เขาได้นำรถมาเพื่อทำการตรวจ โดยพึ่งเดินทางไปดูในจุดต่างๆ ตามคลิปที่ชน ซึ่งเราเองก็รับคดีต่อมาจากทางหลวง โดยของเราเป็นคดีอาญาที่เป็นจุดที่ 2 ที่เกิดการชนกันรถของคุณลุงคุณป้า ซึ่งเราได้ดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 17-18 แล้วเพื่อเข้าไปสอบปากคำ ทั้งลุงป้า และทางคุณหมอ
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ 1. ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส (กรณีคุณลุง) 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (กรณีคุณป้า) 3.ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และ 4.ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นก็จะเป็นประมาณนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นถ้าเข้าข่ายเราก็จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ในส่วนเรื่องของทะเบียนป้ายแดงที่ว่าปลอมหรือไม่ปลอมนั้น เราได้ประสานไปทางขนส่งให้ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง รวมถึงในส่วนเรื่องของใบขับขี่ด้วย ถ้าเราตรวจสอบพบเราก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมไป ทางตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ขอยืนยันว่าทั้ง ผบ.ตร. ทั้ง ผบช.ภ.1 ก็ได้สั่งการมาอย่างชัดเจนว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการฝากใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ส่วนกรณีมีกระแสข่าวออกมาว่า ตัวผู้ต้องหายึกยักไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ เดินออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ ที่ด้านหน้าโรงพักนั้น ผกก.สภ.ลำลูกกา ยืนยันว่าทางตำรวจก็พิมพ์ลายนิ้วมือตามปกติ เหมือนผู้ต้องหาคนอื่นทั่วไป และนายสมิทธิพัฒน์ ก็ไม่ได้มีอาการมึนเมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วน 4 ข้อกล่าวหาที่แจ้งไปแล้วนั้น ในส่วนพฤติการณ์แห่งคดี ในเรื่องการให้สัมภาษณ์สื่อรายการสด เจตนาในใจ หรือเจตนาพิเศษ จะโยงไปถึงการเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมการขับขี่อันตราย หยุดรถแล้วสะบัด และมีเจตนาคำพูดที่บ่งบอก ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า ทางเราก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นประจักษ์พยานที่เห็น พยานแวดล้อมทั้งหมด รวมถึงรถคันที่เกิดเหตุ เราก็ต้องเอามาตรวจพิสูจน์ทั้งหมด และในส่วนต่างๆ ทางตำรวจก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งไม่อยากพูดไปมาก เดี๋ยวจะเป็นการชี้นำ และในส่วนที่นายสมิทธิพัฒน์จะไปให้การหรืออย่างไรก็เป็นในส่วนของเขาที่สามารถให้การได้ แต่ในส่วนของตำรวจก็คงต้องยึดตามพยานหลักฐาน
ส่วนเรื่องของรถ BMW ที่จากการตรวจสอบ พบว่ามีรอยขนาดใหญ่ที่บริเวณท้าย ในส่วนหน้ารถที่เป็นจุดชนจุดแรก เราก็ต้องไปดู แต่อันนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนของเราจะเป็นจุดที่สองที่มีรอยเฉี่ยวชน เราดำเนินการในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ภายหลังจากที่มีตัวแทนของนายสมิทธิพัฒน์ นำรถหรูมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อนำไปตรวจสอบก่อนจะยึดเป็นของกลางในคดี จากนั้นในเวลา 12.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้นำรถกระบะของลุงผู้เสียหาย มาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อให้ตรวจสอบต่อไป โดยบริเวณด้านหน้าซ้ายของรถมีรอยครูดสีขาวของรถหรูติดอยู่ พร้อมกันนี้พบว่าบริเวณยางรถด้านหน้าขวาที่เสียหลักไปกระแทกกับแบริเออร์ ได้ฉีกขาดและบิดออก โดยจุดที่หนักที่สุดคือบริเวณกันชนหน้าและบังโคลนหน้าขวาที่มีสภาพเละ
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดกระแสโซเชียลมีการนำภาพของรถทั้ง 2 คัน ไปเปรียบเทียบกันว่า รถหรูยี่ห้อ BMW ถูกจอดไว้ในที่เก็บของกลางที่มีหลังคาอยู่ในรั้วมิดชิด ขณะเดียวกันรถของลุงผู้เสียหาย ถูกจอดเอาไว้ข้างนอกกลางแดด ทำให้เกิดประเด็นข้อถกเถียงกันในโลกโซเชียล ว่า มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ร.ต.อ.สมชาย รอดเล็ก รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ลำลูกกา ได้ชี้แจงว่า ที่ตนได้นำรถหรูมาจอดในบริเวณนี้เนื่องจากเป็นที่เก็บสำหรับรถของกลางในคดีอาญา ซึ่งรถหรูคันดังกล่าวก็เป็นของกลางในคดีอาญา จึงจำเป็นต้องนำมาเก็บไว้ โดยเมื่อเช้า รถหรูมาก่อน ประกอบกับวันนี้เป็นวันหยุด จึงนำรถมาเก็บ และตนเองก็ไม่รู้ว่ารถคันนี้มีกุญแจกี่ชุด ถ้าหากตนจอดรถไว้ข้างนอก ถ้ากลับบ้านนอน ตกดึกรถหายขึ้นมา ตำรวจก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ ส่วนรถของคุณลุงคุณป้า ยืมมาจากตำรวจทางหลวง เพื่อนำมาเทียบรอยชนและนำมาประกอบสำนวนในคดี เมื่อเทียบเสร็จแล้วก็ต้องส่งมอบให้กับเจ้าของรถเพื่อนำรถไปซ่อม จึงไม่สามารถนำมาเก็บในห้องเก็บของกลางได้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน
จากนั้น เวลา 15.10 น. นายสมิทธิพัฒน์ และนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือเฮียเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาที่ สภ.ลำลูกกา โดยนายสมิทธิพัฒน์ ได้ถือพวงมาลัยมา 2 พวง พร้อมยกมือไหว้ตลอดทาง และกล่าวสั้นๆ ว่า ได้ประสานญาติมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ตั้งใจที่จะมาขอโทษครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งมีสื่อมวลชนถามว่าแผลที่หัวนั้นหายแล้วหรือยัง นายพีช ตอบว่า “ยังเป็นแผลเย็บอยู่นะครับ ยังเจ็บอยู่ครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทางเดิน นายกฤษฎาพยายามกันสื่อมวลชน และยกมือไหว้บอกว่า “อย่าเข้ามาเบียด” “วันนี้พอแล้วครับ” “ขอร้อง” จนถึงในระดับหนึ่ง นายกฤษฎาได้มีการขึ้นเสียงใส่สื่อมวลชนเสียงดังว่า “อย่าเบียด” ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางเข้าไปพบกับพนักงานสอบสวน
ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พี่น้องประชาชนมีความเป็นห่วงถึงการสอบสวนดำเนินคดีเนื่องจากคู่กรณีได้กล่าวอ้างว่า รู้จักผู้ใหญ่จำนวนมาก พนักงานสอบสวน ระดับรองสารวัตร หรือสารวัตรอาจจะเกรงกลัว หรือเกรงใจ ในส่วนตัวมีความเป็นห่วงในเคสนี้ เพราะเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อน เนื่องจากเป็นการกระทำผิด ต่างกรรมต่างวาระ ต่อเนื่องกัน และอยู่ในเขตพื้นที่การสอบสวนหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบ สภ. ที่รับผิดชอบคดีอาญาในเขตพื้นที่เกิดเหตุ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งดูแลรับผิดชอบคดีจราจรที่เกิดขึ้น ตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ต้องพิจารณาว่า จะรวมหรือแยกคดีและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือใครเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
“ผมขอชื่นชมและให้กำลังใจตำรวจทางหลวง 8 กองกำกับการ 2 ทล. ที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ แม้ว่าคู่กรณีจะกล่าวอ้างอย่างไรก็ตาม ควรดำเนินการตามระเบียบและกฎหมาย สมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และขอบคุณท่าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างตรงไปตรงมา เท่าที่ติดตามข่าว ยังไม่เห็นว่าได้มีการพิจารณา ในความผิดฐาน ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) และมีการตรวจสอบป้ายทะเบียน(ป้ายแดง) ว่าเป็นป้ายที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ เป็นป้ายทะเบียนปลอมแล้วหรือไม่อย่างไร” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี