พาณิชย์’โคม่า-ปชช.อยากเปลี่ยนมากที่สุด
‘โพลล์’เขย่ารัฐบาล!
‘นิด้า’สำรวจเสียงประชาชน
‘เกษตร-คลัง’ตามมาไล่หลัง
ปธ.วิปฯชี้มีสิทธิ์ปรับ‘ครม.’
พท.ล็อกเป้าขย่มก.ค้าขาย
วิสุทธิ์-ปธ.วิปรัฐบาล อ้างสส.เพื่อไทย ชี้เป้าปรับรัฐมนตรีกระทรวงค้าขาย หลังทำงานไม่เข้าเป้าเกษตรกรเดือดร้อน แต่ไม่ไปยุ่งแลกกระทรวงมหาดไทย ของภูมิใจไทย อ้างยังทำงานกันได้ นิด้าโพล กระทุ้ง“อิ๊งค์”บอก ประชาชนอยากให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี“พาณิชย์-เกษตร-คลัง”
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ภายหลังผ่านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ว่า ได้ยินแต่ข่าวจากสื่อ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในพรรคเพื่อไทยยังไม่มีการเคลื่อนไหว หรือหารือเรื่องปรับครม. ให้เป็นอำนาจของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลตัดสินใจ
ส่วนกระแสข่าวปรับครม.ที่พรรคเพื่อไทยจะเปิดดีลแลกกระทรวงกับพรรคภูมิใจไทยนั้น นายวิสุทธิ์ กล่วว่า ไม่ทราบเป็นจริงหรือไม่ แต่นายกฯและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ทุกอย่างให้เป็นอำนาจนายกฯ พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนการตัดสินใจ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะขอกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย กลับมาดูเอง เพื่อชิงความได้เปรียบในการคุมเลือกตั้ง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยิน ส่วนตัวไม่รู้ว่า มีความจำเป็นหรือไม่ ต้องนำกระทรวงมหาดไทยกลับมาดูแลเอง เพราะทุกวันนี้ก็ยังทำงานได้อยู่
นายวิสุทธิ์ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม.ในทีมเศรษฐกิจ ว่า เป็นไปได้ เท่าที่คุยกับสส.มีเสียงสะท้อนแสดงความเป็นห่วงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ อยากให้มีการแก้ไข โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวกับการค้าขาย ที่เป็นห่วงในส่วนสินค้าเกษตร แต่คนตัดสินใจคือนายกฯ
บอกรัฐมนตรีทำงานหนัก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. หลังผ่านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า ขอยืนยันว่าอำนาจการปรับ ครม.เป็นของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ท่านยังทำงานไม่ถึงปี หากนับก็แค่ประมาณ 7-8 เดือน ซึ่งท่านทำงานหน้างานและทำงานเต็มที่ ขับเคลื่อนงานด้วยตนเอง แม้จะมีโพลว่าอยากให้ปรับครม.นั้น ตนเชื่อว่านายกฯ และรัฐบาลยินดีรับฟัง ย้ำว่าอำนาจการปรับ ครม.นั้นเป็นของนายกฯ ส่วนมีกระแสข่าวนี้ถึงในพรรคหรือไม่นั้น ก็เป็นข่าวจากนอกพรรค ซึ่งบรรยากาศในพรรคก็ไม่ได้มีความวุ่นวายหรือเตรียมการรับมือ ไม่มีการพูดคุยกันว่าใครจะเข้าหรือใครจะออก และนายกฯเองก็ส่งสัญญาณตลอดว่าอำนาจการปรับครม.นั้นเป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งขณะนี้ครม.ชุดนี้ยังทำงานได้
กระทรวงค้าขายอาการหนัก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวอาจจะมีการปรับครม.ในกระทรวงที่เกี่ยวกับการค้าขายนั้น นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย รัฐมนตรีหรือสส.ทุกคนสามารถสะท้อนการทำงานของกันและกันได้ การที่มีข้อเสนอแนะหรือข้อแนะนำนั้นเป็นปกติ เนื่องจากการประชุมสส.ของพรรคประจำสัปดาห์ จะมีรัฐมนตรีของพรรคเข้ามาฟังเสียงสส.ที่สะท้อนปัญหาของประชาชน
“การเสนอแนะหรือแนะนำต่างๆ ไม่ได้เป็นกระแสกดดันหรือขับไล่รัฐมนตรีในกระทรวงนั้น ทุกคนยังเชื่อมั่นนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล รวมถึงยังเชื่อมั่นรัฐมนตรีทุกคน ส่วนจะปรับครม.เมื่อไหร่ อย่างไรนั้น เชื่อว่าจะเป็นอำนาจของนายกฯ ที่มีอำนาจเต็มว่าจะปรับช่วงไหน หรือยังไม่ปรับ” นายอนุสรณ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย จะขอกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กลับมาดูแลเอง เพื่อชิงความได้เปรียบคุมการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายอนุสรณ์ กล่าวว่า กระแสข่าวนี้ก็ได้ฟังมาจากนอกพรรคเช่นกัน แต่ในพรรคไม่ได้คุยกัน
การจะขอแลกกระทรวงมหาดไทยมาดูแลเองเพื่อความได้เปรียบในการเลือกตั้งนั้น ไม่น่าจะใช่ กระทรวงมหาดไทยไม่ได้คุมการเลือกตั้ง คนที่บริหารจัดการการเลือกตั้งคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีเสียงสะท้อนว่าในบางจังหวัดหรือในบางพื้นที่นั้น หากผู้ว่าฯ หรือการปกครองในแต่ละจังหวัด ไปอิงฝ่ายการเมืองมากเกินไป ท้ายที่สุดประชาชนก็จะไม่ได้ประโยชน์
“พรรคเพื่อไทยคงไม่ติดว่าผู้ว่าฯอยู่ในกำกับการดูแลของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น เพราะผู้ว่าฯ ก็ทำงานร่วมกับรัฐบาลอยู่แล้ว ยืนยันว่าแม้จะไม่สลับกระทรวงแต่ก็ยังทำงานได้ หรือหากจะสลับแล้วผลประโยชน์ตกที่ประชาชน พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีปัญหา แต่ย้ำว่าทั้งหมดเป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งหากนายกฯปรับอย่างไร เราพร้อมซัพพอร์ตการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มที่” นายอนุสรณ์ กล่าว
ท็อปปัดถูกโยกไปบัวแก้ว
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ที่มีชื่อถูกโยกไปเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ว่า สงสัยเวลาไปต่างประเทศตนจะถูกแชร์ในโซเชียลเรื่องของการพูดภาษาอังกฤษ แต่การจะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไม่ได้แปลว่าต้องพูดภาษาอังกฤษเก่งอย่างเดียว ต้องมีองค์ความรู้หลายอย่าง และการจะปรับครม.เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณที่จะปรับหรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ฉะนั้นทำงานไปตามปกติไม่มีอะไรน่ากังวล เมื่อถามว่า มีความพร้อมหรือไม่หากมีการปรับครม. นายวราวุธ กล่าวว่า ตั้งแต่ตอนดำรงตำแหน่ง ได้แสดงให้เห็นว่าเนื้องานของทุกกระทรวงมีความสำคัญ มีความจำเป็นต่อประเทศไทย ส่วนเรื่องในอนาคตตนยังไม่อยากไปพูดถึง เพราะเป็นเรื่องของถ้าอย่างนั้นถ้าอย่างนี้ แต่เราพูดกันในความเป็นจริงว่า วันนี้บริบทของกระทรวง พม. ยังเหลือภารกิจอยู่อีกมาก ความท้าทาย ระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สิบปี ปัญหาเรื่องผู้สูงอายุ การขาดแคลนแรงงานต่างๆ เหล่านี้ เป็นบริบทที่กระทรวง พม.ต้องเร่งดำเนินการ ตอนนี้ทำงานเต็มที่ในตำแหน่ง
โพลกระทุ้งเปลี่ยนตัวรัฐมนตรรี
ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “ปรับ ครม.วันไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นต่อการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จี้เปลี่ยนตัว“พาณิชย์-เกษตร-คลัง”
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการปรับเปลี่ยนกระทรวงในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า 1. กระทรวงพาณิชย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 57.02 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 41.60 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 2. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.55 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 49.47 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 3. กระทรวงการคลัง ตัวอย่าง ร้อยละ 46.49 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 51.98 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ4. สำนักนายกรัฐมนตรี ตัวอย่าง ร้อยละ 44.43 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 52.82 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.67 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“แรงงาน”คาบลูกคาบดอก
5. กระทรวงแรงงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 43.89 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 54.05 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
6. กระทรวงมหาดไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.82 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
7.กระทรวงกลาโหม ตัวอย่าง ร้อยละ 42.52 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 55.57 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
8. กระทรวงคมนาคม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.53 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 56.56 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
9.กระทรวงศึกษาธิการ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.22 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 57.10 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
10. กระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.07 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 56.79 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
11. กระทรวงสาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 40.61 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 57.71 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
พลังงานยังทำงานได้
12. กระทรวงพลังงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 60.53 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 13. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่าง ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 58.17 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
14. กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.26 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 60.69 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.59 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 15. กระทรวงอุตสาหกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 61.83 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
16. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 34.20 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 62.90 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.44 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 17. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 34.04 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 61.53 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 18. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 63.97 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
พม.ผลโพลให้ทำงานต่อ
19. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 33.59 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 62.98 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 20.กระทรวงวัฒนธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 64.66 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ3.12 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ต้องปรับครม.โดยเร็ว
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 48.24 ระบุว่าจำเป็นต้องปรับ ครม.โดยเร็วที่สุด รองลงมา ร้อยละ16.18 ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.ร้อยละ 15.50 ระบุว่า การปรับ ครม.ควรรออีก3 เดือน ร้อยละ10.07 ระบุว่า การปรับ ครม.ควรรออีก6เดือน ร้อยละ 6.95 ระบุว่า การปรับ ครม.ควรรออีก1ปี และร้อยละ1.53 การปรับ ครม.ควรรออีก 9เดือน และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ชาวบ้านเริ่มเข้าใจกาสิโน
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีหลายฝ่ายมองนโยบายเรือธงแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามเป้า ทั้งโครงการดิจิทัลวอลเลตที่ไม่ตรงปก หรือนโยบายเอนเตอร์เทนเซนต์คอมเพล็กซ์ก็ถูกต่อต้านหนัก ถือเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาปรับครม.หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่เกี่ยวกับการปรับครม.
ขณะนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจมากขึ้น หลังจากสส.ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร กระแสเริ่มดีขึ้น ถ้าประชาชนเข้าใจมากขึ้น ก็มีแนวโน้มไปต่อได้
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับชาวบ้านในพื้นที่ เขาก็ไม่ขัดขวาง แค่อยากรู้รายละเอียดนโยบาย ชาวบ้านเข้าใจว่าต้องหาเงินเข้าประเทศ อยากให้ประเทศมีรายได้เพิ่ม ส่วนหลังเปิดประชุมสภาสมัยหน้าจะผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ทันทีหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน ขณะนี้พยายามเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน เท่าที่ลงพื้นที่ได้ยินมากับหูของตัวเอง ประชาชนไม่ได้คัดค้าน ไม่ต้องกังวล
กมธ.กาสิโนนัดถก23เมย.
เมื่อวันที่ 20เม.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ได้นัดประชุมครั้งแรก ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา10.30น. เพื่อเลือกกรรมาธิการในตำแหน่งต่างๆ รวมถึงวางกรอบการทำงาน ทั้งนี้ นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตำแหน่งต่างๆ ในกมธ. ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่สว.ซึ่งเป็นกมธ.จะพิจารณาเลือก ส่วนตัวมองว่าคนที่จะทำหน้าที่ประธานกมธ. ต้องไม่มองประเด็นนี้เป็นเรื่องการเมือง แต่ต้องเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นเมื่อการทำงานของ กมธ.ไม่ใช่เรื่องการเมือง คนที่เหมาะทำหน้านี้ ไม่ควรเป็นผู้นำที่นำประเด็นเป็นเรื่องทางการเมือง เบื้องต้นชื่อที่ตนได้ยินมา คือผู้ที่มีตำแหน่ง สว. มีความเป็นกลาง น่าเคารพ และไม่มีสีเสื้อ
วางกรอบการศึกษาเปิดบ่อน
นายวีระพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการวางกรอบศึกษาของกมมธ. นั้น กลุ่มของตนมองว่าโจทย์หลักคือหากการเปิดบ่อนถูกกฎหมายจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้หรือไม่ หากมีบ่อนหรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร รวมไปถึงต้องมองในแง่ของการแข่งขัน ภูมิรัฐศาสตร์ ผลกระทบต่อสังคม ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งแง่การค้า อาชญากรรม สุขภาพ ครอบครัว เยาวชน
เมื่อถามถึงข้อเสนอต่อการให้หัวหน้าพรรคการเมืองแสดงจุดยืนต่อนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใน กมธ.ของวุฒิสภา นายวีระพันธ์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่จำเป็น เพราะต้องศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความเห็นทางการเมือง
ด้าน นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. กล่าวว่า ในการเลือกตำแหน่งต่างๆ ของกมธ. จะใช้เวทีการประชุมนัดแรกเพื่อหารือร่วมกันก่อน เพราะกมธ.ชุดดังกล่าวมีสัดส่วนคนนอก รวมถึงกมธ.ที่มาจากทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่มสีน้ำเงินเท่านั้น ตนมองว่าตำแหน่ง ประธานกมธ.ที่จะถูกคัดเลือกต้องมีความเป็นกลาง มีความรู้ มีความอาวุโส ขณะที่การจัดสรรตำแหน่งเชื่อว่าจะทำให้สังคมรับได้
เมื่อถามถึงกรอบการทำงานของกมธ. นายไชยยงค์ กล่าวว่า ต้องศึกษาข้อดีข้อเสีย และต้องสามารถใช้เป็นบรรทัดฐานให้สังคมรับรู้ได้ ต้องมองทั้งข้อดีและข้อเสีย มองให้ครบทุกมิติ รวมไปถึงความกังวลของสังคมด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่ต้องศึกษาคือ ประเทศเพื่อนบ้านที่มีบ่อนเสรี หรือกาสิโน ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างไร รายได้ที่ได้รับกับที่คำนวณได้นั้น เป็นจริงตามนั้นหรือไม่
พรรคการเมืองต้องแสดงจุดยืน
“สิ่งหนึ่งรู้สึกผมมองจากประสบการณ์คือการมีบ่อนเสรีอาจจะสร้างรายได้ให้ประเทศได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน พนันออนไลน์ผิดดกฎหมายได้ เพราะคนที่เข้าไปเล่นในบ่อนเถื่อนเป็นคนกละกลุ่มกับคนที่ไปเล่นพนันถูกกฎหมาย หากเทียบกับการแก้หวยเถื่อนที่รัฐบาลพยายามหามาตรการแก้ไข แต่แก้ไม่ได้ แต่ยังทำให้หวยเถื่อนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” นายไชยยงค์ กล่าว
เมื่อถามว่า กมธ.ชุดนี้ จำเป็นต้องให้พรรคการเมืองมาแสดงจุดยืนว่าสนับสนุนหรือคัดค้านกาสิโน หรือไม่ นายไชยยงค์ กล่าวว่า พรรคการเมืองต้องตอบให้ได้ว่ามีจุดยืนอย่างไร ซึ่งกมธ.ชุดนี้ สามารถให้พรรคการเมืองเข้าชี้แจงได้ ว่าเห็นด้วย หรือเห็นต่างอย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวสังคมไทยยังไม่ตกผลึกต่อการมีกาสิโนเสรี ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้เวลาสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วนให้มากกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี