สะพัด!‘ภูมิธรรม’กลับคุมพณ.
กระเพื่อมหนัก
‘พิชัย-สรวงศ์-ธีรรัตน์’ส่อปิ๋ว
‘เสริมศักดิ์-สุทิน’ลุ้นคัมแบ๊ก
ภท.ยังนิ่ง/ไม่แจ้งขอเปลี่ยน
คปท.รวมพลังบุกแพทยสภา
จี้สรุปปมรักษา'แม้ว'ชั้น14
ขยับปรับครม.ต้นพฤษภาคมก่อนถก พ.ร.บ.งบฯ สะพัด“เสริมศักดิ์-สุทิน”คัมแบ๊ก รมต.ส่วน“บิ๊กอ้วน”เซ่นเก้าอี้“เผ่าภูมิ”แลกกลับคุม“พณ.”ด้าน“พิชัย-สรวงศ์-ธีรรัตน์”จ่อหลุด ขณะที่“วิสุทธิ์-อนุสรณ์”มีลุ้น ด้าน“ภูมิธรรม”ย้ำจับมือคุย“เสี่ยหนู”บ่อย เหตุมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เผย รมต.ยังไม่มีใครได้รับสัญญาณจะถูกปรับพ้น ครม.บอก“นายกฯ”คุยหลายฝ่ายปมปัญหาราคาสินค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุให้รัฐมนตรีทำใจนิ่งๆกับกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ยังปรากฎข่าวจะมีการปรับ ครม.หลังสภาฯผ่านร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2569 ไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23เมษายน2568 มีรายงานว่า อาจจะมีการปรับ ครม.ในต้นเดือนพ.ค.นี้เลย โดยจะเป็นการปรับทั่วไปก่อน โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ หากต้องการจะปรับในคราวเดียวกัน สามารถแจ้งชื่อมาได้ ซึ่งในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า อาจจะมีการขยับในส่วนของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ที่จะนำบุคคลในพรรค รทสช.เข้ามาแทนที่ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แจ้งมาแล้วว่า ไม่มีการปรับเปลี่ยน
หึ่งปรับครม.ต้นพ.ค.ก่อนถกพรบ.งบ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องขยับการปรับ ครม.ขึ้นมาก่อนพิจารณา พรบ.งบประมาณฯ เนื่องจากมีแรงกดดัน โดยเฉพาะจากผลโพลที่ออกมา โดยมีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯอยากจะปรับ แต่ น.ส.แพทองธาร ยังไม่อยากปรับ เป็นเหตุให้ นายทักษิณ ขอปรับในส่วนที่สามารถปรับได้ก่อน โดยมีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.วัฒนธรรมและนายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม จะได้กลับเข้ามา รวมถึงโยกเอา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กลับไปเป็นรองนายกฯและรมว.พาณิชย์
ทั้งนี้ นายเสริมศักดิ์ ได้รับแรงสนับสนุนจากคนแดนไกล ส่วนนายสุทิน ได้รับคำชื่นชมจากนายทักษิณและทหารชื่นชอบ ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย มีชื่อหลุดตำแหน่ง รวมถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่นายทักษิณ อยากปรับ แต่ น.ส.แพทองธาร ไม่อยากปรับ โดยจะขอโยกให้ไปเป็น รมช.คลัง แทน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เพราะ นายเผ่าภูมิ เป็นคนของ นายภูมิธรรม อยู่แล้ว รวมถึงที่ผ่านมาผลงานยังไม่เข้าตา จึงต้องแลกตำแหน่ง นายเผ่าภูมิ เพื่อให้ นายภูมิธรรม ได้กลับไปกระทรวงพาณิชย์ ส่วนคนที่มาแทน น.ส.ธีรรัตน์ ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย มีชื่อ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ที่มีความอาวุโส ซึ่งอาจทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย เกรงใจบ้าง โดยเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการทาบทามให้มากรอกคุณสมบัติแล้ว
’วิสุทธิ์-อนุสรณ์’มีลุ้นนั่งรมต.
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีแรงหนุนจาก สส.ในพรรค และเป็นโควตาเสื้อแดง เข้ามาเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านสื่อสารการประชาสัมพันธ์ และทำงานควบคู่กับโฆษกรัฐบาลและเตรียมเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี2570 แทน น.ส.จิราพร สินธุไพร ที่อาจถูกโยกไปเป็น รมช.คลัง ขณะที่ตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลที่ว่างลง หาก นายวิสุทธิ์ ไปเป็นรัฐมนตรี ขณะนี้มีแคนดิเดต 2คน คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน กับ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์
‘ภูมิธรรม’ย้ำสัมพันธ์’หนู’ยังปกติดี
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดินจับมือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ตนกับ นายอนุทิน ทำงานร่วมกันมาอย่างดี เมื่อวันที่ 22เม.ย.เราประชุมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2568 ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย เนื่องจากนายกฯห่วงใยในเรื่องเงินค้างจ่าย โดยการประชุมครั้งนี้นายกฯพึงพอใจ เพราะทุกคนสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดและเชื่อว่าเงินทั้งหมดจะถูกใช้ภายในเดือนก.ย.68
ทั้งนี้ ปกติเราจะเดินคุยกัน จับไม้จับมือกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดา เป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนเรื่องอื่นเป็นแต่ละเรื่องแต่ละราวไป ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับพรรคร่วมออกอาจจะไม่มี แต่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในกระทรวงต่างๆ อาจจะมีอยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯบอกไปแล้วว่ายังไม่คิด ณ ตอนนี้ แต่เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายกฯให้สัมภาษณ์บอกว่าจะกลับไปคิด ถือเป็นข้อมูลหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าท่านจะปรับ แต่เท่าที่ตนทราบในหมู่รัฐมนตรียังไม่มีการพูดคุยกันว่าจะต้องถูกปรับ
เมื่อถามว่า ประชาชนไม่พอใจในเรื่องปัญหาราคาสินค้า หากไม่ปรับ ครม. จะช่วยดึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่ามีเหตุผลอย่างไร อยู่ที่ดุลยพินิจของนายกฯ ซึ่งนายกฯพูดคุยกับหลายฝ่ายอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกันทั้งหมด
‘ชูศักดิ์’ชี้เขี่ย‘ภท.’ไม่มีรบ.ไหนเสี่ยง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะลดแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ถ้านายกฯพูดไปอย่างนั้นก็เป็นไปตามนั้น ส่วนที่ผ่านมาพูดกันตรงไปตรงมา สส.เป็นห่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อผู้นำพูดในทำนองนี้ ตนเข้าใจว่าจะทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลง และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายต่างยืนยันว่า ยินดีสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านมาแค่ผิดคิว ซึ่งก็ว่ากันไป ขณะนี้สถานการณ์มีความเข้าใจกันดีขึ้น เมื่อนายกฯในฐานะผู้นำและมีอำนาจปรับครม.พูดอย่างนี้ พรรคไหนก็ไม่น่าจะมีปัญหา
เมื่อถามว่า ได้มีการวิเคราะห์กันภายในหรือไม่ว่า หากมีการปรับพรรคภูมิใจไทยออก จะทำให้รัฐบาลเกิดเสียงปริ่มน้ำ และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นขี่คอพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พูดกันตรงไปตรงมา มันมีคณิตศาสตร์การเมือง เราเห็นตัวเลขกันอยู่ ว่าถ้าเอาพรรคนั้นออกจะเหลือตัวเลขเท่าไหร่ มันเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคงทางการเมือง คนที่เขาทำงานการเมืองต้องเอาเรื่องนี้มาดู มาวิเคราะห์ว่าควรจะเป็นอย่างไร“แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า ทางการเมืองถือว่าเสี่ยงเกินไป ฉะนั้น ถ้าทำอะไรให้เรียบร้อย พอจะไปกันได้ ก็ต้องว่ากันไป” นายชูศักดิ์ กล่าว เมื่อถามย้ำว่า ต้องทนๆ กันไปอย่างนี้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า อันนี้เราพูดไม่ได้หรอก แต่พูดได้ว่าขณะนี้เป็นอย่างนี้ แต่ในทางการเมืองก็ต้องดูกันต่อไป เมื่อถามว่า จำนวน 320เสียงของรัฐบาลเป็นจำนวนที่สามารถลดแรงต่อรองของพรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ได้พยักหน้า ก่อนย้อนสื่อว่า “คุณชี้นำเอง”
ยอบรับการเมือง’ล้วนอนิจจัง’
นายชูศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำประจำปีงบประมาณ 2569 ช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการโหวตล้มพรบ.งบประมาณฯหรือไม่ โดยเอาเรื่องความขัดแย้งมาต่อรอง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การโหวตล้มงบประมาณเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนว่า มันไม่น่าจะเกิดขึ้น มันเดินไปได้ บริหารบ้านเมืองกันไป ทำนโยบายให้สำเร็จ ซึ่งท่านนายกฯว่าอย่างนี้ เมื่อถามว่า เบาใจไปเยอะใช่หรือไม่ที่จะไม่มีการปรับ ครม.นายชูศักดิ์ หัวเราะ เมื่อถามย้ำว่า นายกฯระบุว่าใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การเมืองก็แบบนี้ ต้องดูกันไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร การเมืองต้องดูเป็นช็อตเป็นช็อตไป เมื่อถามว่า มีโอกาสปรับครม.หลังผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณฯใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า อันนี้ต้องดูสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ท่านบอกว่ายังไม่ปรับ ยังไม่คิดอะไร ก็เป็นไปตามนั้น อนิจจังไปก่อน
‘เท้ง’ยัน‘ปชน.’ไม่ร่วม‘รัฐบาล’
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แสดงความเห็นถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะผลักพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออก แล้วเอาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าไปแทน ว่า เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เอง ต้องตัดสินใจ หากจะมองต่อไป ในเรื่องสมการ และตัวเลขทางการเมือง หรือจำนวน สส.ของฝ่ายค้านก็ยังมีส่วนของคดี 44 สส.ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ 25สส.ของพรรคประชาชนที่อยู่ในสภาฯ ด้วย และตัวแปรนี้ อาจส่งผลกระทบทางการเมือง เราตอบแทนรัฐบาลไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้อย่างเต็มที่ คือการเตรียมตัวในการต่อสู้คดี และผลักดันนโยบาย ส่วนรัฐบาลจะเอาอย่างไร ก็อยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรีเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ประชาชนอยากเห็น คือเสถียรภาพของรัฐบาล ในการเดินหน้าแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรให้ความชัดเจนได้มากกว่านี้ เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเอาพระภูมิใจไทยออก แล้วเอาพรรคประชาชนเข้าไปแทน นายณัฐพงษ์ มองว่า ไม่น่าเป็นไปได้อยู่แล้ว เรื่องนี้น่าจะตอบได้ค่อนข้างชัด เพราะที่ผ่านมาตนยืนกรานไปหลายครั้งว่า ในสภาชุดนี้ พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล
“ตอนนี้ยืนยันว่า อย่างไรก็ตามพรรคประชาชน ไม่มีทาง ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปคุย และไม่คิดจะเข้าไปคุย” นายณัฐพงษ์ กล่าว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ การอภิปรายของพรรคประชาชนไม่ดุเดือดเท่าการอภิปรายในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเพราะเอาไว้ต่อรองในการเลือกตั้งรอบหน้า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าจะจับหรือไม่จับกับพรรคไหน แต่พรรคประชาชนเราชัดเจนว่าต้องการเสนอนโยบายที่เป็นผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นหลัก ยังคงยืนยันในจุดเดิม การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในขณะนี้ คือการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก ผลักดันกฎหมายและเดินหน้าทำงานต่อไป’
‘คปท.-กองทัพธรรม’บุกแพทยสภา
วันเดียวกัน ที่อาคารมหิตลาธิเบศร เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เครือข่ายกองทัพธรรม นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.เข้ายื่นหนังสือถึงแพทยสภา เรื่องอย่าให้มีการทุจริตต่อจริยธรรมทางการแพทย์ กรณีการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปตามหลักการแพทย์ หรือเอื้อประโยชน์หรือไม่
นายพิชิต กล่าวว่า ที่เดินทางมาแพทยสภาวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้แพทยสภารีบทำการสรุปข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับการเจ็บป่วย และการรักษานายทักษิณ การสรุปเรื่องนี้ คิดว่าไม่ควรเนิ่นนานกว่านี้ เพราะการป่วย หรือไม่ป่วย หรืออาการวิกฤติหรือไม่วิกฤตินั้นสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่แล้ว จึงขอให้แพทยสภารีบสรุปและยืนอยู่บนหลักการจริยธรรม จรรยาบรรณแพทย์ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้อนุกรรมการสืบสวน สอบสวนข้อเท็จจริงทีมี ศ.เกียรติคุณนพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ได้ทำหนังสือเชิญนายทักษิณ มาให้ข้อมูลด้วย เพราะถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนจะมาให้ข้อมูลหรือไม่ ก็ถือว่าได้ทำหนังสือเชิญไปแล้ว หากไม่ได้เชิญมาให้ข้อมูล อาจจะเป็นช่องว่างที่ทำให้หยิบยกมาฟ้องศาลปกครองได้ว่า การสืบสวนสอบสวนไม่รอบด้าน ไม่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้อง
นายพิชิต กล่าวต่อว่า ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งศาลตีความว่าการสืบสวน สอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่แพทยสภาเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปจากวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา อ้างว่ามีเอกสารจากรพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์มาเพิ่มนั้น ตนมองว่า เป็นการช่วยกันถ่วงเวลาให้เนิ่นนานหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงทางการแพทย์เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป่วย 4โรคที่กล่าวอ้างนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์ทั้งในอดีต และปัจจุบันที่พิสูจน์ทราบได้อยู่แล้ว การถ่วงเวลา180วันกว่าจะส่งนั้น เป็นการตีความกฎหมายคนละมุม ตนคิดว่า แพทยสภามมีอำนาจในการเร่งเรื่องนี้ได้
จี้เร่งสรุปปมรักษา’ทักษิณ’ชั้น14
เมื่อถามว่า หากผลการสืบสวน สอบสวนของแพทยสภาออกมาแล้ว ทางคปท.และเครือข่าย ยอมรับทั้งหมดหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ส่วนหนึ่งอยู่ที่ชุดคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งปรากฏค่อนข้างชัดเจนทางสังคมอยู่แล้ว บนข้อห่วงใยของเรา คือป่วยวิกฤตจริงหรือไม่ มีการตรวจสอบแล้วที่ รพ.ราชทัณฑ์จริงหรือไม่ ตรงนี้ต้องมีคำอธิบายทางการแพทย์ที่ชัดเจน แล้วตลอด 180 วัน มีพฤติกรรมที่ขัดกับหลักของผู้ป่วยวิกฤต เช่น ไปเอ็มอาร์ไอ มีการเจาะไหล่ ซึ่งแพทย์จากที่อื่นๆ ก็ยังมองออกว่า ไม่ใช่การเจ็บป่วยระดับวิกฤติ ดังนั้นแพทยสภาต้องมีคำอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดว่า แพทย์ที่ทำการรักษานั้นมีการรักษา อย่างไรบ้าง และกรณีมีการพักโทษเป็นกรณีพิเศษหลังการรักษาแล้ว บอกว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าเองไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีคำอธิบายทางการแพทย์ให้ชัดเจนเหมือนกัน เพราะการป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นั้นไม่ได้วัดกันแค่วันเดียว แต่ต้องดูพฤติกรรมก่อนหน้าสะสมมาตั้งแต่ต้นว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาเนิ่นนาน แต่ลักษณะของนายทักษณิณที่ปรากฎอยู่ในสังคมปัจจุบันไม่ใช่บุคคลที่ป่วยวิกฤตจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“ถ้ามีคำอธิบายที่ชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ผมคิดว่า สังคมรับได้ เพียงแต่ว่าอย่าตัดตอนคำอธิบาย ว่าเป็นแค่การทำตามขั้นตอน การอธิบายเช่นนี้ แต่ขั้นตอนทางการแพทย์ที่มีการเลือกปฏิบัติก็จะทำให้เกิดข้อสงสัยในวิชาชีพแพทย์ได้”นายพิชิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี