25 ปีผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชาชนร้องเรียนเดือดร้อน-ไม่เป็นธรรม 63,664 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,602 (4.09%) เดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเชิงรุก ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยกระดับองค์กรเป็นที่พึ่งของประชาชน
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิ การสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี สถาปนาสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานเชิงรุก ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อยกระดับการเป็นองค์กรที่พึ่งของประชาชน โดยภายในงานจัดการบรรยายพิเศษและเวทีเสวนาในหลากหลายประเด็น พร้อมบริการปรึกษาข้อกฎหมายและรับเรื่องร้องเรียน
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยถึงทิศทางขององค์กรว่าผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรหลักในการทำงานเชิงรุกที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมของประชาชนที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นองค์กรโปร่งใส เปิดเผยตรวจสอบได้ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยจากประสบการณ์ 25 ปี ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้จากการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมของประชาชนนำมาสู่การกำหนดทิศทางต่อไปในการยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ใน 5 ด้านหลัก คือ 1.การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม - เน้นความรวดเร็วในการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม มุ่งการแก้ไขปัญหาเชิงรุก หรือความไม่เป็นธรรมที่เป็นปัญหาสาธารณะ หรือความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมของประชาชนส่วนรวม การแก้ปัญหาเชิงระบบ
2.การพัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และการพัฒนาบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ บริหารจัดการข้อมูลการนำเทคโนโลยีดิจิตอลสมัยใหม่มาใช้ในการปฏิบัติงาน พัฒนาประสิทธิภาพในการรับเรื่องร้องเรียน การแสวงหาข้อเท็จจริง การจัดทำครั้งวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ การติดตามผลปฏิบัติการตามคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ และการพัฒนาการปฏิบัติการบริหารงานและการปฏิบัติงานไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล
3.การสร้างเครือข่ายองค์กรธรรมาภิบาลและสังคมธรรมาภิบาล เพื่อลดการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน 4.การเรียนรู้และการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งในกระแสโลกาภิวัตน์ และกระแสสิทธิมนุษยชน และ 5.ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติงาน ในการร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมของประชาชน
ทั้งนี้ ตลอด 25 ปี ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ พ.ศ.2543 - 2567 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม จำนวน 63,664 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 61,062 เรื่อง คิดเป็น 95.91% อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 2,602 เรื่อง คิดเป็น 4.09%
“วันนี้ถึงช่วงที่ต้องให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งทุกวันนี้มีแต่เพิ่มมากขึ้น ถ้าเราสามารถสร้างสังคมธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้น ก็จะช่วยลดความขัดแย้ง กระตุ้นสำนึกรับผิดชอบของผู้มีหน้าที่ ให้บริการสาธารณะให้บริการประชาชนก็เท่ากับว่าจะช่วยลดเรื่องร้องเรียน ที่จะทำให้เราเสียเวลาไปโดยใช่เหตุในการขับเคลื่อนสังคมธรรมาภิบาล ซึ่งปัจจุบันเรามีตำบลนำร่องที่พัฒนาไปสู่ตำบลคุณธรรม ที่ ต.พญาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนคร ศรีอยุธยา ซึ่งได้ผลมากพิสมคสรเห็นความเปลี่ยนแปลง คนมีจิตสาธารณะ” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวทิ้งท้ายว่า ก้าวต่อไปของผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม จะยึดหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล รวมถึงหลักสิทธิมนุษยชน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน ยึดหลักกัลยาณมิตร หลักสิทธิเสรี ภาพของบุคคลอีกทั้งการทำหน้าที่ต้องมีความเป็นกลาง ซื่อสัตย์สุจริตและปราศจากคติ ในการใช้ดุลพินิจในการนำพาองค์กรและสำนักงาน เพื่อเป็นองค์กรหลัก เป็นที่พึ่งของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่เป็นธรรม
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี