สว.สงขลาออกโรง
สอนมวย‘ภูมิธรรม’
ปมขีดเส้นดับไฟใต้
หวั่นเหตุรุนแรงขึ้น
สว.หนวดหิน สวดยับ “ภูมิธรรม” กดดันเจ้าหน้าที่แก้ไฟใต้ใน 7 วัน เปรยถ้าดับไฟใต้ง่ายอย่างนั้น คงไม่ต้องถึงมือรัฐบาลนี้ ย้ำต้องมียุทธศาสตร์ ใช้เครื่องมือ คือกฎหมายก่อการร้ายให้เจ้าหน้าที่จัดการปัญหา
เมื่อวันที่ 24เมษายน นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) สงขลา กล่าวถึงการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกมาขีดเส้นตายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า แก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใน7วัน หลังจากกองกำลังติดอาวุธขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ซุ่มโจมตีรถกระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นเหตุให้สามเณรพงษกร ชูมาปาน ลูกชายร.ต.ท.วัฒนา มรณภาพและสามเณรอีกรายได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งพระสงฆ์ ที่อยู่ภายในรถคันดังกล่าว ว่าเหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2547 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายใน 7 วัน
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า ถ้าสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก้ง่ายอย่างนั้น เรื่องความรุนแรงคงยุติไปก่อนที่นายภูมิธรรม จะมาเป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แล้ว การขีดเส้นเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดยุติปัญหาความรุนแรงใน 7 วัน เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ในเคสยิงสามเณรก็ทำได้ไม่ง่าย เพราะเจ้าหน้าที่ต้องรวมรวมพยานหลักฐานต้องนำวัตถุพยานไปตรวจดีเอ็นเอเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 10พิสูจน์ทราบล้วว่าปืนเอ็ม16 ที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนของตำรวจ สภ.นาประดู่ จ.ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตและยึดปืนไปเมื่อปี 2566นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปซักถามแล้ว การไปขีดเส้นให้เจ้าหน้าที่อาจจะเป็นการกดดันให้เกิดความรีบร้อนในการสอบสวนจับกุม และอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้จนอาจจะทำให้เกิดสถานการณ์รุนแรงตามมาอีก
“หน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ยังไม่มีการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการบูรณาการแบบหลวมๆ หลอกๆ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างเอาตัวรอดในการรักษาหน่วยของตน ที่สำคัญทุกหน่วยงานมีชุดความจริงของสถานการณ์ และความเข้าใจในสถานการณ์คนละชุด สิ่งที่นายภูมิธรรมต้องเร่งดำเนินการคือต้องเอาชุดความจริงของทุกหน่วยงานมากางบนโต๊ะ และทำให้มีชุดความจริงเพียงชุดเดียว เพื่อใช้เป็นคัมภีร์ในการดับไฟใต้” นายไชยยงค์ กล่าว
นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า การมีชุดความจริงชุดเดียว จะทำให้การแก้ปัญหาตรงประเด็นที่สุดและสิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้อง คือเครื่องมือในการแก้ปัญหา คือการออกกฎหมายการก่อการร้าย เพื่อให้ตำรวจ ทหาร มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินการกลุ่มผู้ก่อการร้าย เพราะ ณ วันนี้ ไม่ใช่สร้างสถานการณ์ความไม่สงบ แต่เป็นสถานการณ์ก่อการร้าย ที่ต้องมีเครื่องมือ แต่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลัง เข้าทางขบวนการบีอาร์เอ็น ในการร้องเรียนองค์กรสิทธิมนุษย์ชน และเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้ เจ้าหน้าที่ไม่กล้าปฏิบัติงานเพราะกลัวถูกร้องเรียน รวมทั้งเกรงว่าจะไม่มีใครช่วยเมื่อถูกร้องเรียน
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย ว่ามีการใช้เวทีนี้ในการเจรจาแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการพูดคุยกับนายอันวาร์อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน โดยผลการพูดคุยของนายกฯ ทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดี และถือว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนมีความตั้งใจร่วมกันคือต้องการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และมีอีกหลายเรื่องที่ทำอยู่
ขณะที่ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กPanitanWattanayagornเกี่ยวกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟใต้ว่าถ้าจะให้3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บ้านเกิดของพวกผมที่บรรพบุรุษได้มาตั้งรกรากนับร้อยปี สงบสุขได้จริง มีเรื่องที่เราควรจะต้องทำอย่างจริงจัง คือ1.ปิดทางออก/ปิดแหล่งกบดานในมาเลเซียและป้องกันการแทรกแซงจากต่างประเทศให้ได้2.เปิดการพูดคุยเรื่องอนาคตการเมืองการปกครองในพื้นที่อย่างจริงใจกับฝ่ายการเมืองผู้กำหนดนโยบายตัวจริงของรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม3.เพิ่มอาสาชุมชนคนรุ่นใหม่เพื่อร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลพื้นที่เป้าหมายและกลุ่มเปราะบางให้ปลอดภัย สอดส่องรายงานการทุจริตของทุกฝ่าย แก้ปัญหายาเสพติดและสิ่งที่ขัดกับหลักศาสนา ป้องกันการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของทุกภาคส่วน และยุติการบ่มเพาะซ่องสุมกำลังความรุนแรงและความเกลียดชังในหมู่เยาวชนคนที่ผิดหวังกับรัฐที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี