พลังประชารัฐเตือน รัฐบาลใช้เงินเกินตัว ก่อภาระหนี้ให้ประชาชนต้องมาแบกรับภาระแทน
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวกรณีที่รัฐบาลโยนหินถามทาง จะหาทางกู้เงิน 500,000ล้านบาท โดยอ้างนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า “กรณีดังกล่าวนี้ พรรคพลังประชารัฐ โดยทีมนโยบายเศรษฐกิจ พปชร.ประกอบด้วย ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และทีมงาน ได้เคยเตือนและแนะนำรัฐบาลด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะการเตือนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ผ่านมา จนกระทั่ง IMF ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2568 จาก 2.9% เหลือ 1.8% โดยมีประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ IMF ปรับลดคาดการณ์จีดีพีลงต่ำกว่าระดับ 2% ส่วนในปี 2569 จีดีพีอาจลดเหลือเพียง 1.6%
“การพยายามกู้เงินเป็นการขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 75-80% สถานะหนี้สาธารณะล่าสุดของไทยอยู่ที่ 173.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 45.34% ของจีดีพี ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐ เป็นห่วงในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วย หากรัฐบาลใช้นโยบายเช่นนี้ จะมีปัญหาเรื่องความสามารถในการใช้เงินคืนและความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน อีกทั้ง รัฐบาลไม่ควรก่อหนี้สาธารณะ เพราะหนี้สาธารณะนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียเสถียรภาพทางการคลังและการเงินของประเทศ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ประเทศเกิดวิกฤติการทางการเงินและทำให้หนี้สาธารณะ ที่ทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบ ในภาพรวมสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น เป็นการก่อภาระหนี้ให้ประชาชนต้องมาแบกรับภาระแทน“
ดร.อุตตมฯ กล่าวว่า “ในปัจจุบันรายได้รัฐต่ำเพียง 14.87% ของ GDP ต่ำกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในการจัดงบประมาณให้เพียงพอ หากเกิดภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงิน ล่าสุดสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 4.5% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสมสำหรับการรักษาเสถียรภาพทางการคลังที่ไม่ควรเกิน 3% และหากขาดดุลต่อเนื่องจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นเร็ว เสี่ยงผิดวินัยการคลัง และเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุน กรณีรัฐบาลจะกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล ปี 2568 ซึ่งได้ขอกู้ไปแล้ว 865,700 ล้านบาท เกือบแตะเพดานวงเงินกู้สูงสุดที่ 970,768 ล้านบาท หากเกิดภาวะฉุกเฉิน ช่องว่างในการกู้เพิ่มจะเหลือน้อยมาก ขณะเดียวกัน สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ล่าสุดอยู่ที่ 64.21% และอาจแตะเพดาน 70% ”
พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า “ทีมงานเศรษฐกิจ พปชร. เห็นว่า การนำเงินงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนทั่วไปไปใช้ในโครงการแจกเงิน 10,000บาท จากเฟส 1 กลุ่มเปราะบาง 14.5ล้านคน ใช้เงิน 145,000 ล้านบาท เฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ 3,000,000 คนใช้เงิน 30,000 ล้านบาท และเฟส 3 กลุ่มเด็ก เยาวชน อายุ 16 ถึง 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน จะต้องใช้เงินอีก 27,000ล้านบาท รวม 3 เฟส ใช้เงินกว่าสองแสนล้านบาท ทำให้สูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์เป็นจำนวนมาก ตลอดจนโครงการซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาล ก็ ใช้เงินจำนวนมาก แต่ไม่ก่อให้เกิดผลให้ชาวบ้านมีผลผลิตหรืออยู่ดีกินดีขึ้น แถมยังไปขอรับการสนับสนุนจากบริษัทMelco entertainment and resort จำกัด ซึ่งเป็นของนายลอเรนซ์ โฮ ลูกชายนายสแตนด์ลี่ โฮ เจ้าพ่อการพนันของมาเก๊า ซึ่งถูกจับตามองจากรัฐบาลออสเตรเลีย และรัฐบาลจีน ทำให้โครงการซอฟพาวเวอร์ ไม่เป็นที่นิยมจากชาวบ้านรากหญ้า เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เอากาสิโน“
”การเอาเงินแจกชาวบ้านเปล่าๆ โดยไม่มีผลผลิต ไม่มีโครงการ ไม่มีการติดตามผลหรือเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันแต่อย่างใด เป็นการเอาเงินงบประมาณของประเทศซึ่งเป็นภาษีอากร ของพวกเราทุกคน ไปแจกเพื่อหาเสียงส่วนตัว และสร้างปัญหาหนี้สาธารณะ ให้ประชาชนแบกรับแทนพรรคเพื่อไทย ตลอดจน ความสามารถของรัฐบาลในการการแก้หนี้ครัวเรือน ก็ไม่เป็นรูปธรรมชัดเจน หรือเกิดผลในภาพรวม เชื่อว่า รัฐบาลคงพยายาม โยนทิ้งถามทาง แต่สุดท้าย คงจบลงที่ปรับเกลี่ยงบประมาณ โดยเฉพาะ งบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ที่ยังเหลือ 150,000 ล้านบาท และใช้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศแทน การใช้เงินกู้ต่างประเทศ หรือกองทุน IMF เพราะ กลัวว่า หากต้องขอความเห็นชอบจากสภา จะไม่ผ่านการให้ความเห็นชอบ“
ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมรัฐบาล หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า” เรื่องนี้คงต้องเป็นอำนาจการตัดสินใจของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและคณะกรรมการบริหารพรรค แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า ท่าน หน.พรรค ยืนยันชัดเจนหลายครั้งว่าไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน พรรคเพื่อไทยคงจะต้อง ทนอยู่กับพรรคภูมิใจไทย แบบหวานอมขมกลืน อยากจะเอาออก แต่ก็กลัว สว. และรวมไทยสร้างชาติ บางส่วนจะออกตามด้วย คงต้องทนเป็นเบี้ยล่างต่อไป ทั้งๆที่พยายามทำตัวว่า เป็นต่อ แต่แท้ที่จริงแล้ว ใครถือไพ่เหนือกว่าใครกัน “
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี