‘ทำตัวดีๆเผื่อได้เป็นรองนายกฯ’
‘ทักษิณ’เย้ย‘หนูรี’
หลังถูก‘เสรีพิศุทธ์’หยัน
ขู่ระวังจะติดคุกคดีชั้น14
ลั่น‘ไม่ต้องกังวลแทนผม’
ปชน.จับตาศาล30เมษายน
“ทักษิณ” สวนหมัดคืน “เสรีพิศุทธ์”ขุดสรรพนามเฉพาะ “หนูรี” โต้เสียงเตือนระวังติดคุกปม “ชั้น 14” แซะทำตัวดีๆ เผื่อได้นั่งรองนายกฯ ลั่น “ไม่ต้องกังวลแทนผม” ปชน.รอ 30 เมษายน ศาลรับคำร้องคดีชั้น 14 หรือไม่ก่อนประเมินผลสะเทือนรัฐบาล ด้าน‘จตุพร’เชื่อ‘ทักษิณ’วิตกคำสั่งศาล30เม.ย.ถ้าออกมาลบ มีทางเลือกแค่‘คุกหรือหนี’ลามกระเพื่อมเก้าอี้‘นายกฯอุ๊งอิ๊งค์’ชี้ปรับครม.ได้แค่โควตา‘เพื่อไทย’เขี่ย‘ภูมิใจไทย’ออกยาก
เมื่อวันที่ 27 เมษายน2568 ที่โรงแรม The Idle Hotel & Residence นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีวันที่ 30 เมษายนนี้ ศาลฎีกา จะมีคำสั่งในคดีชั้น 14 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะส่งแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ ว่า เรื่องนี้จะเป็นใครก็ได้ที่เข้าไปยื่นคำร้อง ส่วนศาลคำตัดสินของศาล ก็เป็นสิ่งที่พวกเราต้องติดตามดู
นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า เรื่องที่พวกเราอภิปรายในสภา กรณีชั้น14 ก็เป็นสิ่งที่พวกเราตั้งข้อวิจารณ์ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนที่มีส่วนรู้เห็นข้อเท็จจริงมาโดยตลอดว่า นายทักษิณ ผู้เป็นบิดา ป่วยจริงหรือไม่ ป่วยถึงขนาดต้องไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ เมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการอย่างไร เพื่อรักษาระบบนิติธรรม ไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน หรือหลายมาตรฐาน และพรรคประชาชนก็มีการดำเนินการเรื่องนี้ต่อภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของการยื่นข้อกล่าวหาการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า หากศาลรับคำร้อง จะส่งผลถึงรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า ยังมีกระบวนการอีกหลายอย่าง ขั้นตอนนี้ เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ในกระบวนการที่จะต้องดำเนินการต่อไป ส่วนจะส่งผลกระเทือนมากน้อยเพียงใดนั้น รอฟังวันที่ 30 เมษายน ก่อนดีกว่า
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่า วันที่ 30 เม.ย.นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกานักการเมือง) นัดฟังคำสั่งคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ว่าจะรับไว้ไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลให้การเมืองพรรคร่วมรัฐบาลกระเพื่อมทั้งด้านดีและร้าย อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกานักการเมืองให้นำตัวทักษิณ ชินวัตร มาลงโทษติดคุก เพราะกรมราชทัณฑ์ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ไม่ได้ขออนุญาตศาลก่อน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.89 และ ม. 246 ส่วนกรมราชทัณฑ์ อ้างอำนาจตาม ม.55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 เป็นเพียงกฎหมายชั้นรอง และขัดต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นอกจากนี้ นายชาญชัย เคยยื่นคำร้องในกรณีเดียวกันนี้ต่อศาลฎีกานักการเมืองถึง 3ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกเมื่อ 19ธ.ค.2566และ15ก.พ.2567 แต่ศาลยกคำร้องไม่ไต่สวน ส่วนครั้งที่สามยื่นเมื่อ 10ม.ค.2568 ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งคำร้องในวันที่ 30เม.ย. นี้
นายจตุพร กล่าวว่า แม้ทักษิณ บอกไม่กังวล แต่สายตาบ่งบอกถึงความวิตก เพราะศาลฎีกานักการเมือง ซึ่งตัดสินคดีทักษิณ จะต้องวินิจฉัยจะรับไต่สวนเอาทักษิณ กลับเข้าคุกหรือไม่ เมื่อฝ่าฝืนการรับโทษติดคุก โดยอ้างป่วยวิกฤตไปพัก ชั้น 14 รพ.ตำรวจ อีกทั้งประเมินได้ว่า หากเปรียบเทียบกับคำร้องทั้งสองครั้งของนายชาญชัย ที่ศาลยกคำร้องแล้ว คำร้องครั้งที่สามนี้ คงมีเหตุควรเชื่อได้ว่า การส่งตัวไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจนั้น กรมราชทัณฑ์ฝ่าฝืน ม. 89 และ ม.246 จึงนัดฟังคำสั่ง แต่ทักษิณ บอกไม่กังวล
นายจตุพร กล่าวว่า คาดว่าคงมีทางออก 2 ทางให้เลือก หนึ่งถ้าทักษิณ พร้อมติดคุกแล้วอาจมีบางคนยื่นถวายฎีกาให้ทักษิณกลับสู่สถานะเดิม คือ ขอยกเว้นพระบรมราชโองการลดโทษเหลือ 1 ปีของทักษิณ ก็ได้ เพื่อให้มีโทษติดคุกอยู่ครบ 8 ปี ส่วนทางเลือกที่สอง คงหนีออกนอกประเทศอีกรอบ
“บ้านเมืองจะมีหลักกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องผ่านเรื่องทักษิณหนีคุกไปให้ได้ เพราะถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก็อย่าคิดถึงการสร้างชาติให้แข็งแรง ยิ่งคำพิพากษาคดีทุจริตคอร์รัปชั่นจะมีความหมายอันใดถ้าไม่มีการบังคับโทษ ทั้งที่ได้รับพระบรมราชโองการล้นพ้นให้ลดโทษเหลือ 1 ปี ยังไม่ยอมติดคุกสักวันอีก” นายจตุพร กล่าว สำหรับการปรับ ครม.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า อาจมีการปรับ รมต.เฉพาะโควตาของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นไม่ปรับ รมต.และนายกฯ คงไปยุ่งไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของพรรคนั้นๆ แต่ยกเว้นมีการเจรจาสับเปลี่ยนกระทรวงกัน ซึ่งคงทำไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องคดีของทักษิณ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะรู้ผลก่อนการปรับ ครม. ถ้าผลคำสั่งของศาลออกมาเป็นลบกับทักษิณ คือ ศาลรับไว้ไต่สวนทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ย่อมสะเทือนถึงดุลอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
นายจตุพร ยังเชื่อว่า ถ้าคำสั่งคดีของทักษิณ ออกมาเป็นลบแล้ว สถานการณ์ของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ต้องปลงอนิจจัง ขณะเดียวกัน หากทักษิณรอดคือ ศาลยกคำร้อง แต่การปรับ ครม.เอาพรรคภูมิใจไทยออกแล้ว ย่อมส่งผลต่อเสียง สว.มาสนับสนุนผ่านกฎหมายของรัฐบาลเช่นกัน ส่วนความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนจะแก้ปัญหาได้ต้องไม่มีท่วงทำนองแบบเอาหน้า แต่ต้องมีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาแบบเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง อย่างไรก็ตาม ที่ทำกันมานั้น ยังไม่เห็นคนแก้ปัญหามีคุณสมบัติเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้งเลย ซึ่งแตกต่างกับคณะทำนโยบาย 66/23 แก้ปัญหาความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์ในประเทศได้ผลสำเร็จ โดยช่วงแก้ปัญหา ไม่เห็นหน้าคณะเจรจาด้วยซ้ำ ดังนั้นรัฐบาลควรไปหารือขอแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้จึงจะเหมาะสมกว่าไปปรึกษากับนายกฯ มาเลเซีย เรื่องแบบนี้ถ้าเห็นหน้า ก็จะไม่เห็นผลในทางที่ดี แต่เป็นผลทางร้ายมากกว่า ส่วนการคุยกับนายกฯ มาเลเซีย แล้วเป็นเกิดผลดีกันอย่างไร เพราะที่ผ่านมา มาเลเซียไม่เคยแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ไทยได้สำเร็จ ส่วนไทยแก้ปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาให้มาเลเซียได้สำเร็จมาแล้ว ดังนั้น จะหวังอะไรกันกับเหตุการณ์ไม่สงบชายแดนภาคใต้จะสงบด้วยความร่วมมือกับมาเลเซีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี