‘เทือก’นัดกปปส.ถกใหญ่
ฤกษ์เสาร์5
ประกาศวันเผด็จศึกโค่นปู
ยกระดับอีกขั้นเคลื่อน1เมษาฯ
ปลุกขรก.ปลดแอกระบอบแม้ว
เต้นรับท้าสุเทพเรียกมวลชนสู้
จับสมุน‘โกตี๋’ยึดปืน-กระสุน
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)ที่สวนลุมพินีว่า มวลชนปักหลักยู่ในพื้นที่อย่างสงบเรียบร้อยไม่มีการเคลื่อนขบวนไปทำกิจกรรมนอกพื้นที่แต่อย่างใด หลังจากเคลื่อนขบวนครั้งใหญ่เมื่อวันที่29 มี.ค.ที่ผ่านมา
กปปส.ชี้29มีนาฯตบหน้ารบ.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. แถลงว่า การเดินรณรงค์และเคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีประชาชนนับล้านมาร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เป็นการพิสูจน์ให้ทั้งประเทศ และทั่วโลกรู้ว่าการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนมีพลัง มีประชาชนจำนวนสนับสนุนต้องการให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และยังเป็นพิสูจน์ให้เห็นว่าจำนวนคนที่ออกมาไม่ได้ลดลง อย่างที่รัฐบาลพยายามปรามาสว่ามีคนร่วมลดน้อยลง
เตือนพท.อย่าดันทุรังเลือกตั้ง
“จากนี้ต่อไปจะเคลื่อนไหวเข้มข้นมากขึ้นเพราะ หลังจากศาลวินิจฉัยการเลือกตั้งโมฆะ ประชาชนออกมาแสดงชัดเจนว่า ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ฝ่ายการเมืองไม่ฟังเสียงประชาชนล่าสุดพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่น ออกมาประกาศเร่งให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ถ้ายังคงดื้อดึงผลักดันให้มีการเลือกตั้งจะทำให้เสียเวลา และงบประมาณ หากเกิดอะไรขึ้นพรรคเหล่านี้ต้องรับผิดชอบทั้งหมด” นายเอกนัฏ กล่าว
ใช้กฤษ์1เมษาณปลุกสำนึกขรก.
และว่าสำหรับในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันข้าราชการพลเรือน ทางกปปส.จะถือฤกษ์เป็นวันสำคัญในการเริ่มปปฏิบัติการเรียกร้องเชิญชวนข้าราชการที่ดีออกมาเคียงข้างประชาชน ต่อสู้กับรัฐบาลทรราชย์ ซึ่งจะเป็นอีวันหนึ่งที่เราจะใช้เป็นจุดเริ่มตั้งในการเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยต้องดูอีกทีว่าจำทำอย่างไรอาจจะปราศรัย หน้ากระทรวงทุกกระทรวง โดยอาจจะแบ่งสายกันไป ต้องว่ากันอีกที “ นายอกนัฏ กล่าว
คปท.รณรงค์ค้านเลือกตั้งสว.
ในขณะที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) นำโดยนายอุทัย ยอดมณี นำผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกจากแยกนางเลิ้งเพื่อเดินรณรงค์แสดงพลังคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.ใช้เส้นทางถนนกรุงเกษมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสามเสน ถนนจักรพงษ์ และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินใน แต่ไม่มีการไปขัดขวางการเลือกตั้งแต่อย่างใด มีเพียงการใช้รถปราศรัยครื่องขยายเสียง ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยเท่านั้น
ชำระล้างอนุสารีย์ประชาธิปไตย
แต่เมื่อขบวนเดินทางมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางได้หยุดเพื่อแสดงสัญลักษณ์การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ซึ่งจะต้องให้เกิดการปฏิรูปประเทศในทุกด้านก่อนมีการเลือกตั้ง โดยได้นำป้ายข้อความว่า “ต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เลือก ส.ว.ตอนนี้ได้ขี้ข้าทักษิณ” มาแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว พร้อมกันนี้นายอุทัย ได้นำมวลชน ทำความสะอาดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยการฉีดน้ำล้างพื้นแบบทวนเข็มนาฬิกา
ปลดป้ายผ้าสีดำก่อนกลับที่ตั้ง
หลังจากนั้นนายกิตติชัย ใสสะอาด คณะทำงานด้านความปลอดภัยของ คปท. ได้กล่าวบนรถปราศรัย ให้ปลดผ้าดำที่ยังเหลืออยู่ จากกรณีนักศึกษาจำนวนหนึ่งได้นำมาผูกไว้แสดงสัญลักษณ์ของการไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะออกด้วย ทั้งนี้หลังจากนายอุทัยได้อ่านคำประกาศปฏิรูปประเทศด้วยอำนาจอธิปไตยของประชาชนเสร็จแล้วจึงได้นำมวลชนกลับที่ตั้งบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐตามเดิม
“เฉลิม”หยันม็อบแค่3.7-4.2หมื่น
ทางด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.เมื่อวันที่ 29 มีนาคมว่าจากการประเมินเชื่อว่ามีผู้มาร่วมชุมนุมไม่ถึง 1 แสนคน ซึ่งได้รับรายงานว่าจำนวนผู้ชุมนุมอยู่ระหว่าง 37,000-42,000 หมี่นคนเท่านั้น เป็นมวลชนที่ถูกเกณฑ์มาจากทางภาคใต้แทบทั้งสิ้น
ท้าแดง5เมษาฯมามากกว่าแน่
ทั้งนี้ขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จำคำปราศรัยตัวเองที่ระบุว่าถ้ามีใครมาชุมนุมมากกว่าเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาจะยอมรับและยุติการชุมนุม เพราะเชื่อว่าจากนี้ไปจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมมากกว่านายสุเทพอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศประชาธิปไตยมีแต่การเรียกร้องการเลือกตั้ง แต่นี้กลับเรียกร้องไม่ให้มีการเลือกตั้งแค่คิดก็บ้าแล้ว
ถ้าแดงเยอะกว่าเทือกต้องหยุด
“จากนี้ไปถ้ามีการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนปช. หรือไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องมากกว่าของนายสุเทพล้านเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงขอให้นายสุเทพ ยึดมั่นคำพูดของตัวเองว่า ถ้าม็อบมามากกว่าแล้วตัวเองจะหยุด และคนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมที่กรุงเทพฯในวันที่ 5 เมษายนนี้ ก็จะมากกว่า กปปส. อย่างแน่นอน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
แนะสื่อถ้าโดนคปท.บุกให้แจ้งจับ
และว่าส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลถึงการจัดชุมนุมใหญ่ของ นปช.ในวันที่ 5 เมษายนนี้ ที่หลายฝ่ายเกรงจะนำไปสู่การเผชิญหน้า เพราะเชื่อว่าทั้ง กปปส.และ นปช.จะชุมนุมอย่างสงบอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง สำหรับกรณีที่กลุ่ม คปท.เตรียมไปบุกปิดล้อมสำนักงานสื่อมวลชนนั้น ขณะนี้ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานทั้งหมด ซึ่งถ้าหน่วยงานใดถูกบุกรุกให้แจ้งจับทันที เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า
“เต้น”รับคำท้าแข่งปลุกม็อบ
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรมช.พาณิชย์และแกนนำ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าขอรับคำท้า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ที่ท้านปช.ให้เอาคนมาประชันกัน ซึ่งก็น่าเห็นใจที่ตอนนี้จำนวนคน ไม่มากอย่างที่เคย ไม่เยอะอย่างที่คิด
“เมื่อเป็นที่สรุปว่าม๊อบนกหวีดไม่ใช่หมัดน็อครัฐบาล นายสุเทพจึงอยากได้สถานการณ์เผชิญหน้าเพื่อสร้างเงื่อนไขเปิดทางให้กองทัพก่อนที่ตัวเองจะอ่อนแอลงกว่านี้”นายณัฐวุฒิกล่าว
ขอเปิดดีเบตทางจอทีวีก่อน
ดังนั้นเมื่อท้ามาหลายหนจะไม่สนองศรัทธาเสียเลยก็ใช่ที่ ตนยินดีรับคำท้าโดยขอเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเหตุผลของทั้งสองฝ่าย เชิญนายสุเทพมาขึ้นเวทีดีเบตถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ให้ชัดเลยว่าแนวทางตั้ง”นายกฯเถื่อน”ของกปปส.กับแนวทาง”เดินหน้าประชาธิปไตย”ของนปช.มีหลักการเหตุผลอย่างไร
ให้เอา”อภิสิทธิ์”มาออกด้วย
“อยากให้เอานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. มาด้วยแต่ถ้ายังเจ็บไหปลาร้าอยู่จะเอาใครมาอีกคนก็ได้ ผมกับจตุพร พรหมพันธ์พร้อมรออยู่แล้ว ลงมือกันได้ตั้งแต่ 31 มี.ค.เป็นต้นไปพอดีเบตเสร็จตกลงรูปแบบการแสดงพลังมวลชนแล้วต่างคนกลับไปเตรียมการของตัวเอง เดินกันชัดๆแบบนี้ทุกฝ่ายจะได้สิ้นสงสัย หวังว่าสุเทพคงไม่ปฏิเสธเพราะเปิดเกมท้ามาตลอดก็ต้องกล้าให้ตลอดด้วย ถ้าตกลงแบบนี้ก็ตอบมา ผมจะรอ”นายณัฐวุฒิกล่าว
“ธิดา”มั่นใจ5เม.ย.มาครึ่งล้าน
นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. เชื่อว่า การชุมนุมในวันที่ 5 เมษายน จะมีผู้ชุมนุมได้ตามเป้า 500,000 คน อย่างไม่มีปัญหาคำนวณไว้แล้วว่าภาคอีสานจะได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ภาคเหนือทั้งตอนบนและตอนล่างระดมได้ 100,000 คน ที่เหลือคือภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ภาคใต้อีก 100,000 คน ยังไม่นับประชาชนที่มาด้วยเองอีก ดังนั้นจึงเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
จับลูกน้อง’โกตี๋’ ปืนกระสุนอื้อ
วันเดียวกันพ.ต.เฉลิมเกียรติ ฤทธิ์บำรุง นายทหารฝ่ายข่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด ร่วมกับร.ต.อ.เอกพล รุณทอง รอง ผบ.ร้อย ตชด. 346 อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประจำจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด หรือบริเวณเส้นทางสาย อ.แม่สอด-อ.เมืองตาก ได้จับกุมนายมานะ ถวิลพงษ์ อายุ 30 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยของกลาง ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 4 รายการ คือ กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 78 นัด กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 4 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 24 นัด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อนีสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม สีม่วงขาว หมายทะเบียน ฏน 4192 กทม.
ขนเสาอากาศออกจากแม่สอด
จากการสอบสวนทราบว่านายมานะ เป็นลูกน้องของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่คุ้มกันรถขบวนรถยนต์บรรทุกขนเสาอากาศวิทยุคลื่นความถี่ 90.50 เมกะเฮิตรซ์ สถานีวิทยุของคนเสื้อแดงของนายวุฒิพงศ์ เพื่อเดินทางออกจากอ.แม่สอดไปที่จ.เชียงรายหลังจากโดนยิงถล่ม และตำรวจไม่ให้เปิดทำการเนื่องจากโกตี๋ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ ทำให้นายวุฒิพงศ์สั่งทีมงานรื้อถอนเสาอากาศสถานีวิทยุออกไปจนถูกจับกุมดังกล่าว
ปชป.ชี้8สัญญาณเมษาฯเดือด
ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคปชป. ได้ออกมาประเมินสถานการณ์ว่านับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไปการเมืองจะดุเดือดรุนแรงมากขึ้น จึงขอเรียกว่าเดือนนี้เป็น “เมษาเดือด”เพราะคดีความที่เกี่ยวกับคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าสู่องค์กรอิสระและศาลอย่างต่อเนื่องในหลายคดีความ อาทิ คดีโกงจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ คาดว่าจะมีการต่อต้านและขยายความรุนแรงออกไปเห็นได้จากเสื้อแดงมีการเปลี่ยนตัวประธานนปช. รวมทั้งสัญญานเตือนจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขี้ข้าปัดแม้วโผล่หลวงพระบาง
ส่วนนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาที่หลวงพระบาง ของลาวว่าเป็นข่าวเท็จเป็นการนำรูปเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ดูไบ
“เทือก”หันปลุกขรก.ออกมาสู้
เวลา 20.40น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยบนเวทีสวนลุมพินีว่า สัปดาห์หน้าจะยกระดับการชุมนุม มุ่งไปที่ข้าราชการทุกหมู่เหล่าทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ บอกแล้วว่าถ้าเมื่อไหร่ข้าราชการของประเทศนี้ตัดสินใจประกาศตัวมายืนข้างประชาชนเมื่อนั้นฟันเฟืองกลไกทั้งหลายของราชการก็จะไม่เป็นประโยชน์ให้ระบอบทักษิณอีกต่อไป และทำให้ระบอบทักษิณและรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พบจุดจบทันที
ประกาศปลอดแอกระบอบทักษิณ
“ถ้าเมื่อไหร่ข้าราชการส่งสัญญาณพร้อมว่าได้ตัดสินใจเลือกอยู่ข้างประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศเพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลาน วันนั้นก็จะประกาศความเป็น รัฏฐาธิปัตย์ ได้ทันที ในสัปดาห์หน้าจะรณรงค์ด้วยการไปชี้แจงแสดงเหตุผลให้พี่น้องข้าราชการทั้งหลาย ตระหนักและยอมรับความเป็นจริงของเหตุการณ์บ้านเมือง เราจะตระเวนไปทุกแห่งที่มีข้าราชการและจะไปตั้งเวทีอภิปรายปาฐกถาถึงเรื่องที่มวลมหาประชาชนออกมาทวงคืนอำนาจประชาธิปไตย และช่วยปลดแอกข้าราชการออกจากระบอบทักษิณ”นายสุเทพ กล่าว
ถือกฤษ์เสาร์5กำหนดวันเผด็จศึก
นอกจากนี้นายสุเทพ ยังประกาศว่า ตนขอใช้ฤกษ์ดีเสาร์ 5 คือวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.นี้ จะขอเชิญแกนนำ กปปส.ทั่วประเทศมาประชุมพร้อมกันที่สวนลุมพินีเวลา 10.00 น. เพื่อประชุมหารือวางมาตรการเผด็จศึกรัฐบาล พร้อมกำหนดวันรุกใหญ่เผด็จศึกนั้นทำอย่างไร วันที่เท่าไหร่
ตั้งฉายารัฐบาลปู”โจรห้าร้อย”
“รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หมดความชอบธรรมมานานแล้ว เพราะไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ และองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ทุกวันนี้ก็ทู่ซี้อยู่แบบไม่มีอำนาจบริหารบ้านเมือง ขนาดยิ่งลักษณ์เองยังบอกว่า จะให้บริหารประเทศอย่างไร จะขอเข้าไปเอาเอกสารแผ่นสองแผ่นยังไม่ได้เลย อยู่แบบไม่มีอนาคต เปลืองข้าวสุกประเทศ ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้แล้ว แต่ดื้อด้านเป็นรัฐบาลรักษาการ ต่อไปนี้เป็นต้นไปเวลาผมจะพูดถึงยิ่งลักษณ์และคนในรัฐบาลว่า พวกโจรห้าร้อย ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปและเราก็จะปฏิบัติต่อมันเหมือนโจรห้าร้อย”นายสุเทพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี