จากนี้ไปเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันอาสาฬหบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แล้วมีพระสงฆ์เกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก ทำให้รัตนะประกอบขึ้นเป็นองค์สามคือพระรัตนตรัย จึงถือได้ว่า วันอาสาฬหบูชานั้นเป็นวันของพระรัตนตรัยด้วย
และพึงถือว่านับตั้งแต่วันวิสาขบูชาไปจนถึงวันอาสาฬหบูชานั้นเป็นสมัยหรือเป็นเทศกาลอาสาฬหบูชา เพื่อจะได้น้อมนำรำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์ในห้วงเวลานับแต่ตรัสรู้จนถึงการแสดงปฐมเทศนา ซึ่งมีเรื่องราวมากหลาย และจะได้รับสัมผัสเอาประโยชน์แห่งการน้อมรำลึกนั้นให้เป็นประโยชน์สมกับที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ
วันนี้ในครั้งกระโน้นยังคงเป็นห้วงเวลาที่พระพุทธเจ้ายังคงเสวยวิมุตติสุขอยู่ภายใต้ร่มไม้ 7 ชนิด ชนิดละ 7 วัน รวมเป็นเวลา 49 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วพระตถาคตเจ้าจึงเสด็จพุทธดำเนินไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวันเพื่อโปรดปัญจวัคคีย์
ห้วงเวลา 60 วันนี้มีเหตุการณ์มากหลายเกิดขึ้น โดยเฉพาะเวลา 49 วันนั้นเป็นเวลาแห่งการเสวยวิมุตติสุข คือความสุขอันเกิดแต่การหลุดพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งหลาย จากการตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระบรมศาสดา เป็นความปีติขั้นสูงสุด เป็นทิพยอาหาร และทิพยวิหารที่พระบรมศาสดาทรงดำรงอยู่ตลอดเวลาดังกล่าว
ในห้วงเวลาแห่งการเสวยวิมุตติสุขนั้น ทรงรำลึกถึงลำดับแห่งการตรัสรู้และธรรมทั้งหลายที่ตรัสรู้ว่าเป็นของลึกซึ้ง ยากที่คนทั้งหลายจะเข้าใจได้โดยง่าย และจะทำให้การตรัสรู้ของพระองค์เสียเปล่า เพราะเป็นไปเพียงเพื่อประโยชน์ของพระองค์ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาวโลก
ในที่สุดพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงรำลึกว่า คนเรานั้นมิได้เท่าเทียมเสมอกัน เหมือนกับที่พวกบ้าประชาธิปไตยคลั่งไคล้ใหลหลงจนกระทั่งเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วสากลโลก เพราะคนเรามีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะวาระแห่งจิตหรือภูมิแห่งจิต
พระตถาคตเจ้าทรงจำแนกความแตกต่างของคนเราออกเป็นสี่จำพวก หรือที่เปรียบเทียบว่าเป็นบัวสี่เหล่า
เหล่าแรก เป็นบัวที่พ้นน้ำ คือเข้าถึงซึ่งพระธรรมอันประเสริฐแล้ว เป็นเนื้อนาบุญของโลกแล้ว เป็นอันดับสนิทแห่งทุกข์ ไม่หวนกลับคืนมา ดุจดังตาลยอดด้วนที่ไม่มีวันงอกอีกต่อไปแล้ว
เหล่าที่สอง เป็นบัวที่ปริ่มน้ำ รอแสงแห่งพระสุริยันทาทาบเมื่อใดก็จะบานเมื่อนั้น ซึ่งบัวเหล่านี้ก็มีอยู่ บุคคลที่เหมือนกับบัวปริ่มน้ำก็มีอยู่ รอสัมผัสรสชาติพระธรรมเมื่อใดก็จะบรรลุมรรคผลเมื่อนั้น บัวเหล่านี้เป็นบัวประเภทที่รอการโปรดของพระองค์ ที่เมื่อโปรดเมื่อใดก็จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เมื่อนั้น
เหล่าที่สาม เป็นบัวกลางน้ำหรือบัวใต้น้ำ เปรียบได้กับคนส่วนใหญ่ซึ่งยังอยู่ใต้น้ำ มีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของเต่า ปู ปลา มีความเสี่ยงที่จะเน่าเสียเสียก่อนที่จะพ้นน้ำ ก็เหมือนดังคนส่วนใหญ่ที่บางคนเกิดมาแล้วก็ตายเปล่า หาค่าอันใดมิได้ บางคนเกิดมาแล้วก็ก่อกรรมทำชั่วจนโฉดเฉาลงจมกับปลักโคลน แต่บางพวกก็งอกงามขึ้นเป็นบัวปริ่มน้ำและสามารถบานยามรับแสงพระสุริยา บัวเหล่านี้ก็มีอยู่
เหล่าที่สี่ เป็นบัวที่อยู่กับโคลนตม ที่มีแต่เป็นเหยื่อหรือเป็นอาหารของเต่า ปู ปลาได้ง่าย เพราะเป็นบัวอ่อน และอยู่ใต้น้ำติดกับโคลนตมอันเป็นแหล่งหาอาหารของเต่าปู ปลา จึงเป็นเหยื่อหรืออาหารของเต่า ปู ปลาโดยง่าย เปรียบได้กับบุคคลบางจำพวกที่ยากจะเข้าใจหรือเข้าถึงความจริงใดๆ จะสั่งจะสอนอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจ เข้าถึงอะไรได้เลย คนจำพวกนี้พระบาลีเรียกว่าเป็นปทปรมะบุคคลหรือถ้าจะว่ากันให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือโมฆะบุรุษ หรือ โมฆะสตรี นั่นเอง คือเกิดมาเสียเปล่า
เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงรำลึกเช่นนี้แล้วก็มีกำลังพระทัยว่า สิ่งที่ตรัสรู้นั้นอยู่ในวิสัยที่จะอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ได้ไม่น้อย อย่างน้อยก็จำพวกบัวปริ่มน้ำและบัวกลางน้ำ เพียงเท่านี้ก็เป็นประโยชน์แก่เวไนยสัตว์แล้ว ทำให้การตรัสรู้ไม่เสียเปล่าแล้ว จึงทรงตัดสินพระทัยประกาศพระธรรมที่ตรัสรู้ ทำให้ฐานะของพระองค์เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะถ้าหากไม่ตรัสสอนและทรงเก็บความรู้อันตรัสรู้ไว้แต่พระองค์เอง ความเป็นพระพุทธเจ้าของพระองค์ก็เป็นไปเพื่อพระองค์เดียว ฐานะของพระองค์ก็จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่โดยทั่วไป
ดังนั้นฐานะความเป็นพระพุทธเจ้าของพระตถาคตเจ้า จึงบังเกิดขึ้นในช่วงระหว่างเวลาที่ทรงเสวยวิมุตติสุขนั้น
แม้เมื่อตัดสินพระทัยเช่นนั้นแล้วก็ทรงทราบด้วยพระองค์เป็นอย่างดีว่า แม้เวไนยสัตว์จะจำแนกเปรียบได้ดังบัวสี่เหล่า แต่พระธรรมนั้นล้ำลึก ลึกซึ้งนักหนา จะต้องทรงเสียสละเวลาทั้งพระชนม์ชีพเพื่ออบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์เพื่อประโยชน์และความสุขของคนหมู่มากในโลก และด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระวิสุทธิคุณ จึงตัดสินพระทัยแน่วแน่ที่จะประกาศพระธรรมที่ตรัสรู้นั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี