เป็นข่าวฮือฮา เมื่อต่างชาติแอบดอดไปจดทะเบียนชื่อสินค้าที่มีคำว่า “หมอนทอง”
ทั้งๆ ที่ ทุเรียนพันธุ์ “หมอนทอง” มันเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมของประเทศไทยเราแท้ๆ
1. ปรากฏข่าวว่า ผู้ประกอบการจีนบางราย ได้นำคำว่า “หมอนทอง” หรือ 金枕 头จินเจิ่นโท ไปจดเครื่องหมายการค้า ในประเทศจีน จนอาจได้ถือครองสิทธิคำว่า “หมอนทอง” ในภาษาจีน
2. ยังดี ทางการของไทยไม่นิ่งเฉย
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มีหนังสือถึงสำนักงานเครื่องหมายการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Trademark Office หรือ CTMO) ลงวันที่ 26 มี.ค.2561 เพื่อแสดงข้อกังวลในการรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “หมอนทอง” เป็นเครื่องหมายการค้าในจีน
เพราะถือเป็นคำที่เล็งเห็นถึงคุณลักษณะของสินค้าที่ยื่นขอโดยตรงและทราบโดยทั่วไปอย่างแพร่หลายทั้งในไทยและต่างประเทศว่า “หมอนทอง” เป็นชื่อพันธุ์ผลไม้ทุเรียนของไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงไม่อาจจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าในจีนได้ และยังได้ขอความร่วมมือ CTMO ให้ข้อมูลด้านกฎหมายเครื่องหมายการค้าของจีน และร่วมกันแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและหลีกเลี่ยงไม่ให้บุคคลใดถือครองสิทธิในคำว่า “หมอนทอง” เป็นเครื่องหมายการค้าด้วย
“การดำเนินการดังกล่าว เป็นการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ในกรณีที่มีการละเมิดเครื่องหมายการค้าของจีน เช่น ผู้ประกอบการไทยส่งออกสินค้าไทยในรายการสินค้าจำพวกอาหาร ขนมขบเคี้ยว ผลไม้อบแห้ง ทุเรียนอบแห้ง หรือผลิตผลทางการเกษตร ที่ใช้คำว่า 金枕 头 (จินเจิ่นโท) ที่แปลว่า หมอนทอง เป็นชื่อแบรนด์หรือแสดงบนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า” นายทศพลกล่าว
3. อย่าลืมว่า ประเทศจีน คือ ตลาดสินค้าทุเรียน “หมอนทอง” ที่สำคัญที่สุด
กรณีที่ต้องเฝ้าระวังในอนาคต คือ หากวันดีคืนดี ผู้ประกอบการไทย ต้นตำรับ“หมอนทอง” ขนานแท้
เกิดส่งออกสินค้าไปขายเมืองจีน โดยใช้ชื่อสินค้าที่มีคำว่า “หมอนทอง” หรือในภาษาจีน คือ 金枕 头 จินเจิ่นโท เป็นส่วนหนึ่งของชื่อแบรนด์ หรือโชว์หราบนบรรจุภัณฑ์สินค้าของเรา เพื่อประกาศว่านี่คือผลิตภัณฑ์จากหมอนทองขนานแท้ ต้นตำรับส่งออกไปขายในจีน จะมีพ่อค้าจีนหัวหมอ บังอาจฟ้องร้องดำเนินคดีเอากับพ่อค้าไทยของเรา หรือไม่? โดยอ้างเอาความเป็นเจ้าของสิทธิคำว่า “หมอนทอง” ในภาษาจีน คือ
金枕 头 จินเจิ่นโท
การที่กระทรวงพาณิชย์ของไทย เร่งแจ้งไปเช่นนี้ นับว่าเป็นข้อดีเบื้องต้น เพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้ก่อน
4.กรณีข้างต้น เกี่ยวข้องกับการใช้ชื่อเฉพาะตัวของสินค้าพรีเมี่ยมของไทยเรา ไปจดทะเบียนในภาษาอื่น
ทำให้นึกถึงอีกกรณี ที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่คล้ายๆ กัน
คือ สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Thai Geographical Indication) เป็นการกำหนดชื่อสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตเฉพาะเจาะจง โดยที่คุณภาพหรือเอกลักษณ์ของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่เฉพาะดังกล่าว
กรณี “หมอนทอง” เป็นเรื่องของสายพันธุ์
แต่กรณีสินค้าจีไอ เป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งแหล่งผลิต คล้ายๆ เป็นการสร้างแบรนด์ของท้องถิ่น ที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า ไม่ได้มอบเด็ดขาดให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง
แต่ชุมชนหรือผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ สามารถมาขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย ทำนองว่าเป็นสินค้าที่ผลิตในพื้นที่ต้นตำรับแท้ๆ
การดำเนินการเช่นนี้ เป็นการส่งเสริมการตลาด การขาย เอกลักษณ์เฉพาะตัวเฉพาะถิ่นของสินค้า สร้างความโดดเด่น รวมทั้งคุ้มครองทรัพย์สินทางภูมิปัญญาของชุมชนในแต่ละแหล่งผลิต แถมยังสามารถเชื่อมโยงไประดับนานาชาติได้แล้วด้วย ทำให้ได้รับการคุ้มครองทางการค้าในระดับนานาประเทศต่อไปอีก
ทราบว่า ปัจจุบัน มีพ่อค้าฉวยโอกาสนำสินค้าจากแหล่งอื่น มาแอบอ้างใช้ชื่อสินค้าจีไอของชุมชน เพื่อหลอกขายให้กับประชาชนในประเทศไทยเราเองก็มี กรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องตามตรวจสอบเป็นข่าวอยู่เนืองๆ เช่น อ้างว่าเป็นข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ แต่จริงๆ ผลิตจากที่อื่น เป็นต้น
สินค้าจีไอ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วในประเทศไทย มีเกือบร้อยชนิด กระจายไปทุกภูมิภาค ยกตัวอย่าง
ไข่เค็มไชยา (Chaiya Salted Eggs) - ของดีขึ้นชื่อของ จ.สุราษฎร์ธานี เพราะขนาดใหญ่ ไข่แดงร่วนเป็นทราย หอมมัน เนื้อไข่ขาวนุ่ม ไม่เค็มจัด ไม่คาว มีแหล่งผลิตอยู่ที่ อ.ไชยา พื้นที่เลี้ยงเป็ดขนาดใหญ่และเป็นที่ราบลุ่ม ฝนตกตลอดปี ติดกับชายฝั่ง มีกุ้งหอยปูปลา ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของเป็ด
มะขามหวานเพชรบูรณ์ (Phetchabun Sweet Tamarind) - จ.เพชรบูรณ์ มะขามหวานเพชรบูรณ์มีเปลือกสีน้ำตาลเนียน เนื้อหนา สวยสม่ำเสมอ นุ่มเหนียว ไม่แข็งกระด้าง สาแหรกน้อย รสชาติหวานหอม
กาแฟเขาทะลุ (Khaotalu Coffee) - ต.เขาทะลุ มีสภาพอากาศเป็นแบบพิเศษ คือฝนแปดแดดสี่เนื่องจากได้รับมรสุมจากฝั่งอ่าวไทย - อันดามัน และมีสภาพดินสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุเชิงเขา กาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ปลูกในพื้นที่ ต.เขาทะลุ ใช้เวลาปลูก 11 เดือน และเก็บเกี่ยวเฉพาะผลสุกสมบูรณ์ด้วยมือก่อนนำไปทำเป็นกาแฟสารและกาแฟคั่วบด ทำให้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากกาแฟในพื้นที่อื่นด้วยความเข้ม หนักแน่น และกลิ่นหอมเฉพาะตัว
กาแฟดอยตุง (Doi Tung Coffee) - กาแฟพันธุ์อาราบิกา ปลูกในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง เก็บเกี่ยวเฉพาะผลกาแฟสุกได้ที่ด้วยมือทีละผล ก่อนนำไปคั่วเป็นกาแฟสูตรต่างๆ จนได้กาแฟกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม
กาแฟดอยช้าง (Doi Chaang Coffee) - กาแฟพันธุ์อาราบิกา ที่ปลูกในหุบเขาดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย
สับปะรดนางแล (Nanglae Pineapple) - สับปะรดพันธุ์น้ำผึ้ง ต.นางแล แหล่งปลูกที่ให้ผลผลิตคุณภาพดี มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบเชิงเขา ลาดเอียง ดินจึงระบายน้ำได้ดีไม่ทำให้เกิดโรครากเน่าโดดเด่นด้วยผลทรงกลมป้อม เปลือกบาง เนื้อละเอียด เส้นใยน้อย เนื้อเหลืองเหมือนน้ำผึ้ง
หวานฉ่ำเป็นพิเศษ
ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (Pakpanang Tabtim Siam Pomelo) - เนื้อสีแดงคล้ายทับทิมและรสชาติหวานนุ่ม ไม่มีรสขมติดลิ้น ปลูกใน อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นป่าชายเลนน้ำกร่อย ดินเหนียว อากาศไม่ร้อนหรือหนาวจัด ทำให้ได้ผลผลิตส้มโอทับทิมสยามที่มีรสชาติอร่อย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ อ.ปากพนัง
ข้าวแต๋นลำปาง (Khao Tan Lampang) - จ.ลำปาง พื้นที่เป็นแอ่งกระทะ และมีปริมาณฝนตกต่ำกว่าจังหวัดอื่นในภาคเหนือ ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี จึงตากข้าวแต๋นได้แห้งสนิท ข้าวแต๋นลำปางทำจากข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 (ข้าวเหนียวขาว) หรือข้าวก่ำ (ข้าวเหนียวดำ) ภูมิปัญญาของชาวล้านนาที่นำข้าวเหนียวมาขึ้นรูป ก่อนจะนำไปตากแห้ง และทอดจนพองตัวสวย ราดด้วยน้ำอ้อย หวานหอม กรอบมัน
ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (Thung Kula Rong-Hai Rice) - ทุ่งกุลาร้องไห้ มีสภาพเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ปลูกพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข. 15 ในพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ การปลูกข้าวในพื้นที่แห้งแล้ง และดินเค็มเช่นนี้ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอม ทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมจัด เมล็ดเรียวยาวเป็นมัน เมื่อหุงสุกจะนุ่ม มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ
ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ (Jek Chuey Sao Hai Rice) - ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ ปลูกช่วงฤดูนาปี ในพื้นที่ลักษณะดินเป็นตะกอนน้ำ น้ำไหลผ่านหน้าดินช้า ระบายน้ำไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของเม็ดปูนสีขาว ลักษณะดินเช่นนี้ ทำให้ปลูกข้าวได้คุณภาพดี ข้าวเจ๊กเชย เป็นข้าวพื้นแข็ง หุงขึ้นหม้อ เมื่อหุงสุกแล้วร่วนเป็นตัว นุ่ม ไม่แฉะ ไม่แข็งกระด้าง ไม่เหนียวเละ และไม่บูดง่ายเมื่อทิ้งข้ามวัน
ข้าวไร่ลืมผัวเพชรบูรณ์ (Rai Leum Pua Phetchabun Rice) - ข้าวเหนียวพันธุ์ลืมผัวมีลักษณะเด่นคือเมล็ดสีม่วงดำป้อม เมื่อหุงจะมีกลิ่นหอมเคี้ยวมัน หนึบๆ กรอบนอกนุ่มใน จ.เพชรบูรณ์ มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีเนินเขาสลับแอ่งน้ำ พื้นที่ดอนไม่มีน้ำขัง ดินเป็นดินตะกอนน้ำพัดอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวเหนียวพันธุ์ลืมผัวที่ปลูกบริเวณนี้อุดมด้วยคุณค่าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ (Kaowong Kalasin Sticky Rice) - ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ เป็นข้าวเหนียวพันธุ์กอเดียว และ กข 6 ปลูกได้เฉพาะนาปี เมื่อนึ่งสุกจะหอมนุ่ม ไม่แฉะติดมือ เก็บไว้ในภาชนะปิดก็ยังอ่อนนุ่ม
พื้นที่ปลูกเป็นที่ราบระหว่างภูเขา จึงเป็นที่มาของชื่อ เขาวง ดินอุดมด้วยแคลเซียมและซิลิกอนและภูมิอากาศเย็น แห้งแล้ง น้ำน้อย ทำให้ข้าวเหนียวเขาวงเก็บเกี่ยวเร็วกว่าข้าวอื่น
ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง (Sangyod Muang Phatthalung Rice) - เปลือกเมล็ดข้าวมีสีฟาง ถ้าเป็นข้าวกล้องมีสีแดงถึงแดงเข้มในเมล็ดเดียว แต่หากเป็นข้าวสารจะมีสีขาวปนแดงแกมชมพูเมล็ดเรียวเล็ก ปลูกในพื้นที่ราบกว้าง มีแหล่งน้ำจากทะเลสาบสงขลาหนุน และมีการทับถมของตะกอน ทำให้ได้ผลผลิตข้าวสังข์หยดที่มีคุณภาพดี
น้ำหมากเม่าสกลนคร (Mak Mao Berry Juice) - ผลิตจากผลหมากเม่าหลวงสด น้ำหมากเม่าเข้มข้น รสชาติหวานอมเปรี้ยว บรรพชนบนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มักเตรียมน้ำหมากเม่า
เพื่อดื่มระหว่างเดินทางเข้าป่า มีสรรพคุณช่วยแก้ร้อนในและถอนไข้พิษ ฯลฯ
มายุคนี้ ชุมชนชาวบ้านเราต้องระมัดระวัง และรู้จักใช้ประโยชน์จากอัตลักษณ์อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น อย่าให้ใครมาขโมยไปได้เด็ดขาดนะพี่น้องเอ๊ยยย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี