ไม่เพียงแต่กูรูทางการเมืองหลายท่านจะออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากมีการเลือกตั้ง และท่านกะปิตันได้รับการชูมือจากสส.และสว.ให้สืบทอดอำนาจต่อไปว่า “น่าเป็นห่วง” ท่านกะปิตันที่สุด

แม้แต่ “ผู้เฒ่า 30 ตัน” เล่าฮูผู้มากประสบการณ์กับการผจญภัยใน “ป่าทึบแห่งการเมือง” มาแล้วอย่างโชกโชนก็ได้ออกมากล่าวสัมโมทนียกถาว่า “ถ้าท่านกะปิตันได้ตีตั๋วขึ้นรถไฟสายแห่งอำนาจอีกครั้ง” ตนเองรู้สึก “ห่วงใย” ท่านอย่างที่สุด

ผู้เฒ่า 30 ตัน ได้แจกแจงเรื่อง “น่าห่วง” ของท่านกะปิตัน “ออกมาเป็นเปลาะๆ” ดังนี้

“เปลาะแรก” การกระโดดลงมาเป็นผู้นำหลังเลือกตั้ง “ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม” โดย 3-4 ปีที่ผ่านมา ท่านกะปิตันยังไม่ได้ “เจอะของจริงในสภา” ถ้าต้องมา “เจอะ” ท่านน่าจะ “รับไม่ไหว”

“เปลาะสอง” ในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา แค่ “สื่อมวลชน ตั้งคำถามไม่ถูกใจ” ท่านกะปิตันยัง “หน้าบูดหน้าบึ้ง ทะเลาะกับสื่อ เหมือนกับไม่มีไมตรีต่อกัน” ถ้ามาเป็นผู้นำทางการเมือง ที่มีสส.มาจากการเลือกตั้งแล้วไป “เจอะกระทู้หนักๆ ในสภา เจอะญัตติเรื่องสำคัญๆ” รับรองได้จะเกิดเหตุการณ์ “ไส้เดือนถูกขี้เถ้าร้อนๆ”

ฝ่ายนักวิชาการก็เป็น “ห่วง” เช่นกัน โดยวิเคราะห์ว่า “สส.ในสภาไม่ใช่ไอ้เณรที่สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้” นักการเมืองทั้งหลายล้วนเป็น “พรานไพร” ที่ผ่าน “ป่าทึบแห่งการเมือง” ยอดอันตรายมาแล้วอย่างโชกโชน ท่านกะปิตันจะมี “กลยุทธ์” เด็ดดวงอะไรที่จะไป “ควบคุมพรานป่า” เหล่านี้ให้อยู่ในโอวาท

ความ “ห่วงใย” ของท่าน 30 ตัน และนักวิเคราะห์การเมืองนั้นได้ถูก “กองหนุน” ท่านกะปิตัน โต้กลับว่า “ท่านเป็นชายชาตรีสีทนได้” แถม
สมองไวมีกลยุทธ์รับมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่าง “ถึงลูกถึงคน” และพวกตน “มั่นใจ” ว่าท่านจะเลือกใช้ “ขุนดาบพิทักษ์นายฝีมือมหากาฬ” รับมือฝ่ายตรงข้ามในสภาแบบ “เอาอยู่”

“ห่วงใย” กับ “มั่นใจ” คงเจอะกันแน่หลังเลือกตั้ง

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม