สงกรานต์ทุกปี จะมาพร้อมกับข่าวการฉวยโอกาส ลวนลาม อนาจาร

เป็นพฤติกรรมต่ำทรามของคนจิตใจต่ำช้า ที่แอบแฝงมากับประเพณีอันดีงาม

1. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วย กลุ่มเหยื่อผู้หญิงที่ถูกฉวยโอกาส ลวนลาม คุกคามทางเพศช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และภาคประชาชน กว่า 30 คน เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ พล.ต.อ.อัศวิน 
ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ออกมาตรการป้องกันแก้ปัญหาสงกรานต์ไม่ปลอดภัย ไม่สร้างสรรค์ หยุดการฉวยโอกาสคุกคามทางเพศ

ขอสนับสนุนแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้

2. นายจะเด็จ เปิดเผยผลการสำรวจสตรีกลุ่มตัวอย่าง อายุระหว่าง 10-40 ปี พบว่า เกินครึ่ง หรือร้อยละ 59.3 เคยถูกฉวยโอกาส ถูกลวนลามคุกคามทางเพศ

รูปแบบพฤติกรรมการถูกลวนลาม คือ

ถูกจับแก้ม ร้อยละ 33.8

เบียดเสียด/จับมือ/จับแขนและใช้สายตาจ้องมองแทะโลม ร้อยละ 18.0

ถูกสัมผัสร่างกาย/ล้วงอวัยวะ/อื่นๆ ร้อยละ 9.6

ประการสำคัญ เมื่อถูกลวนลามคุกคามทางเพศ มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ที่จะแจ้งความดำเนินคดี

3. ปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ลองคิดว่า ถ้า “เหยื่อ” คือ ลูกสาว น้องสาว หรือคนรักของใครก็ตาม

และผลกระทบเชิงสังคม คือ ทำให้เกิดความเชื่อ ค่านิยมผิดๆ ในทำนองว่า สงกรานต์ คือ เทศกาลอนุญาตให้ลวนลามกันได้ คุกคามทางเพศกันได้

หรือเป็นช่วงเวลาปล่อยผี ที่ใครจะปลดปล่อยความเป็นสัตว์นรกในตัวแค่ไหนก็ได้

แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ จะบ่อนทำลายวัฒนธรรมประเพณีของไทยอย่างร้ายแรง

4.ที่อ้างที่ทักพบเสมอ คือ ผู้หญิงแต่งโป๊ ทำให้ผู้ชายลวนลาม

ข้ออ้างนี้ เป็นวิธีคิดที่แก้ตัวให้กับอาชญากร

เพราะต่อให้ผู้หญิงแก้ผ้าเดิน ใครก็ไม่มีสิทธิจะไปลวนลามเนื้อตัวของใคร

เช่นเดียวกัน ผู้ชายแต่งตัวกวนโอ๊ย ก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้ใครไปรุมกระทืบ

5.ข้อเสนอของเครือข่าย ที่เรียกร้องต่อ กทม. ในสงกรานต์ปีนี้ คือ

1.ขอให้รณรงค์และประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในพื้นที่เล่นน้ำในกรุงเทพฯ ให้รับรู้ว่าการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และขอให้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย และภาคประชาสังคม ต้องร่วมกันเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา โดยกำหนดจุดรับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือในพื้นที่เล่นน้ำทุกแห่ง

2.ขอให้ท่านในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม. มีบทบาทในการเฝ้าระวัง กำกับและติดตามการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อาทิ ไม่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงคนเมาครองสติไม่ได้ ควบคุมโฆษณา การดื่มและการขายตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

และ 3.มูลนิธิและภาคีเครือข่ายยินดีร่วมมือสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการลวนลามคุกคามทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำการกำหนดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดเหล้า และการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

นางสาวปาลิณี ต่างสี แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ย้ำว่า “สิ่งที่นิยมกันมาก คือ ปาร์ตี้สงกรานต์กลางคืน มีคอนเสิร์ตกินดื่ม สุดท้ายเมื่อครองสติไม่ได้ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบ อุบัติเหตุ เจ็บตาย ซึ่งปรากฏการณ์นี้ ตั้งด่านตรวจแค่ไหนก็เอาไม่อยู่หากไม่จัดการที่ต้นทางของปัญหา คือกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องควบคุมและไม่ปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม. มีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยากเห็น กทม.มีมาตรการเชิงรุกของในเรื่องนี้”

6.ขอสนับสนุนทุกข้อเสนอในข้างต้น

อันที่จริง กฎหมายบ้านเรามีอยู่แล้ว

จำหน่ายสุราให้เด็กต่ำกว่า 20 ปี หรือบุคคลที่เมาจนครองสติไม่ได้ ก็มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากเมาแล้วขับ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย มีอัตราโทษจำคุก 1 ถึง 5 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 1 แสนบาท

ส่วนการทำอนาจาร ลวนลาม เช่น จับหน้าอก รั้งตัว โอบกอด ล้วงควัก ฯลฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขอเสนอให้บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนหน้าสงกรานต์ 7 วันเลย

และยิ่งไปกว่านั้น ขอให้ใช้มาตรการลงโทษทางสังคมเข้ามาผนวกด้วย เช่น ถ้าเจอการกระทำผิดซึ่งหน้า ให้เอาตัวไปสงบสติอารมณ์ไว้ในจุดที่สาธารณชนมองเห็น ขึ้นป้ายชัดๆ ว่าเป็นผู้กระทำผิดฐานอนาจาร เป็นพวกไอ้หื่น เพื่อให้สังคมได้รู้ได้เห็นชัดๆ ว่า คนพวกนี้ สายพันธุ์นี้ หน้าตามันเป็นยังไงบ้าง

ถ้าประจานกันจะจะแบบนี้ ใครมันจะกระทำผิดอีก ก็ลองดู

สารส้ม