ปัญหาใหญ่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่ประสบปัญหามาอย่างยาวนานนับสิบๆ ปีก็คือปัญหาการบริหารและการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในองค์กรหลายๆ ระดับไม่ว่าจะเป็นในระดับองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร

สำหรับหน่วยงานภาครัฐในส่วนกลางที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารงานของอปท.ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย มี อปท.ที่อยู่ภายใต้การดูแลรวม 7,852 แห่ง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, เมืองพัทยา, องค์การบริหารส่วนตำบล 5,333 แห่ง, เทศบาลตำบล 2,233 แห่ง, เทศบาลเมือง 178 แห่ง, เทศบาลนคร 30 แห่ง และองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง

ผู้ที่ทำหน้าที่สอดส่องและกำกับงานของ อปท.ได้แก่ ผู้ตรวจราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นข้าราชการประจำของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นพนักงานหรือว่าข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย ในอดีตเมื่อ 60 ปีก่อนผู้ตรวจราชการเหล่านี้ไม่มีปัญหาในเรื่องการตรวจสอบมากนักเพราะลักษณะงานไม่ค่อยยุ่งยาก งานต่างๆ เป็นการประสานระหว่างส่วนราชการภายในของกระทรวงมหาดไทยไม่มีเรื่องการเมืองท้องถิ่นมาปะปนให้วุ่นวายมากนัก

งานบริการประชาชนก็จะมีการประสานระหว่างจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน เทศบาล สุขาภิบาล และอบจ. เป็นไปตามระบบงาน ในอดีตงบประมาณจะไม่มากนัก แต่ปัจจุบันปี 2561 จำนวนประชากรของประเทศไทยมีมากขึ้นถึง 67 ล้านคน งานบริการแก่ประชาชนจะมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางครั้งงานมากแต่คนทำงานมีน้อยลง ด้วยนโยบายลดจำนวนข้าราชการเป็นต้นเหตุ

ในบางกรณีภาครัฐได้ฝากงานบริการประชาชนไปกับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน เช่น การจ่ายเบี้ยคนชรา หรือจ่ายค่ายังชีพประชาชนที่เป็นคนพิการ ซึ่งจุดนี้ถ้าหากไปพบกับคนที่ไม่ดีและไม่รับผิดชอบทำให้ประชาชนเดือดร้อนโดยเฉพาะข่าวการอมเงินค่าครองชีพคนชราและคนพิการในส่วนภูมิภาคที่มักเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำเพราะผู้บริหารท้องถิ่นโกงเงินชราและคนพิการ

หากฝ่ายข้าราชการประจำจากกรมการปกครองและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นไม่ดูแลใกล้ชิดก็จะเกิดปัญหาการทุจริตโกงเงินคนชราและคนพิการทันที บางครั้งแม้แต่ละเดือนเป็นจำนวนไม่มากนักทำให้เกิดปัญหาเพราะทำให้ผู้บริหารในระดับจังหวัดหรือว่าส่วนกลางไม่ทราบเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทุจริตโกงเงินคนพิการได้อย่างที่เป็นข่าว

วิธีแก้ไขการอุดช่องโหว่ไม่ให้การบริหารงาน อปท.มีปัญหาก็คือกระทรวงต่างๆ ในส่วนกลางไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ ต้องทำงานประสานกันมีการตรวจร่วมกันเพื่อป้องกันการทุจริตโดยต้องประสานงานกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน อย่างใกล้ชิดปัญหาการทุจริตก็จะลดลงและเป็นการป้องปรามที่ได้ผลมากยิ่งขึ้น