สื่อต่างประเทศเสนอข่าว วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ถกเถียงกันเรื่องนางจีน่า แฮสเปล ว่าที่ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หรือซีไอเอ ว่ามีส่วนพัวพันกับการทรมานผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำอัลกออิดะห์ คุกลับในประเทศไทยสมัยรัฐบาลทักษิณหรือไม่ และผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน วิจารณ์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ว่าให้รางวัลเชิดชูเกียรติแก่นักกฎหมายไทยที่อเมริกันขุนไว้ใช้งาน
โธนี่ คัตตาลุชี่ อดีตผู้สื่อข่าวสงครามชาวอเมริกัน ที่ผันตัวมาเป็นสื่ออิสระเขียนบทความวิจารณ์สหรัฐว่า “น่าละอายที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มอบรางวัลเชิดชูเกียรตินักกฎหมายไทย โดยให้เหตุผลว่าเธอต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและเสรีประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ผู้รับรางวัลเธอคือนักปลุกระดมที่ NED ขุนไว้ใช้งานต่อต้านรัฐบาลที่อเมริกัน ต้องการล้มล้าง..”
คัตตาลุชี่เปิดโปงว่า NED คือกองทุนสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่อเมริกันไม่พอใจแต่ใช้คำ “กองทุนเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยบังหน้า” ความจริง NED ให้การสนับสนุนนักปลุกระดมคนนี้มาตั้งแต่ คสช. ยึดอำนาจแล้ว เพราะสหรัฐฯต้องการปลุกระดมให้คนออกมาต่อต้าน คสช. ในเร็ววัน คัตตาลุชชี่ ชี้ให้เห็นด้วยว่านักกม.กลุ่มนี้ให้ความช่วยเหลือเฉพาะคนเสื้อแดงสมุนบริวารของทักษิณ กับผู้ต้องหาละเมิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เท่านั้น “จึงพูดได้ว่านักกฎหมายที่ได้รับรางวัล ช่วยเหลือเฉพาะเครือข่ายทักษิณและลูกสมุนของอเมริกา หาใช่เพื่อสิทธิมนุษยชนนักเสรีประชาธิปไตยแท้จริงไม่”
อ่านบทวิจารณ์ชิ้นนี้แล้วเข้าใจได้ว่าทำไม NED และ CIA จึงสนับสนุนคนโรงเรียนเสื้อแดง หมู่บ้านเสื้อแดง สนับสนุนวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง และเข้าใจด้วยว่าทำไมจึงมีข่าวซีไอเอ ในคราบของนักการทูตสนับสนุนยุทธวิธีแก่กองกำลังเถื่อน และ กลุ่มเผาบ้านเผาเมือง นี้อาจเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างCIA และ NED กับสัมภเวสี ยังมีเส้นสายโยงใยกันผ่านทาง Money politic
วันที่ 4 พ.ค 2561 สำนักข่าวบีบีซีเสนอบทความเรื่อง “ว่าที่ ผอ.ซีไอเอ พัวพันทรมานผู้ก่อการร้ายในคุกลับไทย” โดยมีรายละเอียดว่า “เมื่อจีน่า แฮสเปล ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้อำนวยการซีไอเอ ในเดือนมีนาคม วุฒิสภาโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเรื่องการทรมานนักโทษในคุกต่างแดน และการโต้เถียงประเด็นความโหดเหี้ยมของ ซีไอเอ ครั้งนี้สปอร์ตไลท์ส่องไปที่ประเทศไทย
บีบีซี อ้างรายงาน 6,000 หน้า ของคณะกรรมาธิการสอบสวนด้วยวิธีทรมานว่า... “ต้นเดือน เม.ย.ปี 2545 เครื่องบินทหารทะยานขึ้นจากฐานบินแห่งหนึ่งในปากีสถาน มุ่งหน้ามาสู่ประเทศไทย บนเครื่องบินลำนั้นมีผู้โดยสารพิเศษชื่อนายอาบู ซูเบดาห์ วัย 31 ปี เป็นชาวปากีสถานเกิดในซาอุฯ ที่ซีไอเอเชื่อว่าเขาเป็นมือขวาของนายบิน ลาดิน นายซูเบดาห์ถูกจับได้จากปฏิบัติการร่วมสหรัฐ-ปากีสถาน ในการจู่โจมเซฟเฮ้าส์ของ อัลกออิดะห์ ในเมืองไฟซาลาบัต
นายซูเบดาห์ ถูกทรมานจะการสอบสวนในปากีสถาน จนบอบช้ำสาหัสก่อนที่ ซีไอเอ ตัดสินใจหาสถานที่คุมขังแห่งใหม่ที่ ซีไอเอเขียนรหัสว่า “กรีนไซด์” ซึ่งรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่มีคุกลับซีไอเอในเมืองไทย แต่อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานความมั่นคงไทยยืนยันกับบีบีซีว่า กรีนไซด์ อยู่ในฐานทัพอากาศ จังหวัดอุดรธานี “เมื่อไหร่ก็ตามที่อเมริกันจับผู้ก่อการร้าย ไม่ว่าจากต่างประเทศหรือในประเทศไทย พวกเขาจะนำผู้ต้องหามาที่กรีนไซด์ และนำตัวเข้า-ออกโดยเครื่องบินของกองทัพอเมริกา” อดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเล่าให้บีบีซีฟัง
กรรมาธิการตรวจสอบรายงานซีไอเอ พบว่าที่เลือกประเทศไทยเพราะในทศวรรษปี 2500 กองทัพสหรัฐใช้ฐานทัพในประเทศไทย บินไปทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา และอุดรธานี เป็นหนึ่งในฐานบินที่ใช้ในกิจกรรมนั้น ที่สำคัญปี 2545 ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อทักษิณ ชินวัตร นายทักษิณเป็นผู้ฝักใฝ่อเมริกาและไว้วางใจได้มากกว่านายกรัฐมนตรีไทยก่อนหน้านี้ เห็นได้ว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อนุมัติให้ย้ายนายอาบู ซูเบดาห์ จากปากีสถานไปยัง “กรีนไซด์” ในวันที่ 29 มี.ค. 2545 รัฐบาลไทยได้รับแจ้งในวันเดียวกันและอนุญาตให้ใช้สถานที่ได้ทันที รายงานบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยอย่างน้อย 8 คนรู้เรื่องคุกลับนี้ และคาดเดาว่ามีคนจำนวนมากรู้เรื่องนี้ด้วย เพราะหนังสือพิมพ์บางฉบับระแคะระคายและเปิดประเด็นคุกลับซีไอเอในไทย
นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปี 2545 สองเดือนหลังจากจีน่า แฮสเปล รับหน้าที่หัวหน้าซีไอเอ ในประเทศไทย นายอาบู ซูเบดาห์ ซึ่งบอบช้ำอย่างสาหัสมาจากการทรมานในปากีสถาน ถูกส่งไปเข้าโรงพยาบาลทันทีเมื่อมาถึงประเทศไทย และวันที่ 15 เม.ย. เขาถูกย้ายไป “กรีนไซด์” คุกลับที่คับแคบอุดอู้ ไม่มีหน้าต่าง มีหลอดไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์สี่ดวงส่องหน้าตลอดเวลา ผู้สอบสวนด้วยวิธีทรมานทุกคนใส่ชุดสีดำ รวมทั้งรองเท้าบู๊ตถุงมือและหมวกเหล็กคลุมหน้า ป้องกันไม่ให้อาบู ซูเบดาห์ รู้ว่าเป็นใคร
อาบู ซูเบดาห์ ถูกขังเดี่ยวอยู่ 47 วัน ซึ่งระหว่างนั้น FBI วนมาสอบสวนเขาด้วย จากวันที่ 4 ส.ค. อย่างน้อย 20 วัน ที่เขาถูกทรมาน ถูกจับให้นอนคุดคู้อยู่ในกล่องไม้ที่เหมือนโลงศพกว้างเพียง 50 เซนติเมตร ครั้งละ 30 ชั่วโมง รวมเวลาทรมานนานกว่า 200 ชั่วโมง นอกจากนั้นเขายังถูกกระแทกกับผนัง และถูกมัดให้นอนบนกระดานกระดกให้สำลักน้ำที่เรียกว่า “วอเตอร์บอร์ด” 83 ครั้ง ในขณะที่ใบหน้าถูกคลุมด้วยถุงดำ ทำให้เขาสำลักน้ำและอาเจียนออกมา
รายงานไม่ได้บอกว่าจีน่า แฮสเปล มีหน้าที่อะไรในการสอบสวนทรมานอาบู ซูเบดาห์ และเหยื่ออีกสองคนคือ รัมซี บิน อัลซิบห์ และ อับดุล อัล ราฮิม อัล นาชิริ ซึ่งถูกทรมานด้วย วอเตอร์บอร์ดเช่นกัน สำนักข่าวบีบีซีติดต่อซีไอเอ ขอคำชี้แจงหน้าที่ของจีน่า แฮสเปล ในประเทศไทย ซีไอเอแจ้งกลับว่าไม่สามารถออกความเห็นได้ แต่แนะนำให้เราอ่านรายงานชิ้นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขแล้ว ซึ่งรายงานที่ปรับปรุงแก้ไขใหม่บันทึกว่า จีน่า แฮสเปล รับหน้าที่ในประเทศไทยหลังจากวิธีทรมาน “วอเตอร์บอร์ด ต่อ อาบู ซูเบดาห์” ได้สิ้นสุดไปแล้ว
คุกลับปิดลงในธ.ค. 2545 อาบู ซูเบดาห์ ถูกส่งไปคุกลับซีไอเอในโปแลนด์ และย้ายไปหลายสถานที่ก่อนไปถึงคุกในอ่าวกวนตานาโมในคิวบา เรื่องราวของเขาถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเดือนส.ค. 2547 หลังจากถูกจับ 14 ปีวันนี้ “...สหรัฐฯยอมรับแล้วว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญในองค์กรก่อการร้ายอัลกอฮิดะห์” ตามที่ซีไอเอได้ข้อมูล อาคารที่กักขังทรมานเขาในฐานทัพอากาศอุดรธานี ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นหลังไหนตั้งแต่ปิดกรีนไซด์ วันศุกร์ที่ผ่านมาทำเนียบขาวออกแถลงการณ์วันที่ 3 พ.ค. ขอให้วุฒิสภารับรองนางแฮสเปล ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วยคำพูดที่ว่า “สำนึกรักชาติคือคุณสมบัติของผู้อำนวยการซีไอเอ”
เล่าเรื่องนี้มาเพื่อชี้ให้เห็นความชุ่ยของซีไอเอ และความสัมพันธ์ที่เป็นอันตรายระหว่างนายทักษิณ กับหน่วยงานลับของสหรัฐอเมริกา อาทิ ปี 2546 นายทักษิณได้ส่งทหารไทยไปร่วมรบในสงครามรุกรานอิรัก หลังจากที่ซีไอเอหลอกว่าอิรักมีอาวุธชีวภาพ มีอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากมายมหาศาล ประเทศอิรักถูกทำลายย่อยยับชาวอิรักตายกว่า 500,000 คน บัดนี้ยังหาอาวุธเคมีไม่เจอ ปี 2545 ขณะที่ซีไอเอ ทรมานผู้ต้องสงสัยในคุกลับที่เรียกว่า “กรีนไซด์” ทางภาคใต้ตอนล่างของไทยก็มีเรื่องทรมานพี่น้องมุสลิมอย่างเลวร้าย จนทนายสมชาย นีละไพจิตร ออกมาแฉเรื่องการอุ้มหายและทรมานโหดเหี้ยมผิดมนุษย์เป็นเหตุให้นายสมชาย ถูกอุ้มหายสาญสูญอีกคน
ปี 2546 รัฐบาลทักษิณ ปล่อยให้อเมริกาเข้ามาอุ้มนายอัมบาลี ไปจากอยุธยา สิ่งเหล่านี้บอกได้ว่าความสัมพันธ์ทักษิณ-อเมริกา เป็นอย่างไร จึงไม่แปลกใจทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของดาวยั่วตัวป่วน เอ็นจีโอ นักวิชาการร่านวิชา ตลอดถึงพรรคคนรุ่นใหม่ทุนสามานย์ จะเห็นสัมภเวสีหนีคุกโผล่หน้าในประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนกับมาให้กำลังใจหรือมาสั่งการ เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานของ CIA+NED กับสัมภเวสีตนนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี