ผ่านไปแล้วสำหรับ “ดีเบตประชาธิปัตย์” การแสดงวิสัยทัศน์ประกอบการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จนมาถึงตอนนี้ก็เข้าช่วงโค้งสุดท้ายที่ผู้สมัครแต่ละคนจะหาเสียงกับสมาชิกได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้
ทันทีที่การหาเสียงจบลง พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเปิดให้สมาชิกทุกท่านร่วมลงคะแนนหยั่งเสียงได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยการลงคะแนนหยั่งเสียง จะแบ่งเป็น 2 ระบบคือ
1.) ลงคะแนนหยั่งเสียงผ่านแอพพลิเคชั่น D-Elect ตั้งแต่วันที่ 1 - 3 พฤศจิกายน สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ Android และ iOS 2.) สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกลงคะแนนผ่านแอพพลิเคชั่น ก็สามารถไปลงคะแนนผ่านหน่วยเลือกตั้ง ผ่านเครื่อง Raspberry pi ที่ทางพรรคจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือ ภาคกลาง และวันที่ 5 พฤศจิกายน ในพื้นที่ภาคใต้ ภาคอีสาน โดยรายละเอียดก็ขอให้ติดตามดูในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค หรือไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์ครับ
สำหรับประชาชนที่จะมีสิทธิ์ลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่มีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกันคือ 1.) สมาชิกพรรคประมาณ 8.1 หมื่นคน ที่มายืนยันสมาชิกภาพกับทางพรรค ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ภายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา 2.) บุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคเดิมแต่มายืนยันสมาชิกภาพไม่ทันกว่า 2.5 ล้านคน ก็สามารถกลับมาโหวตได้ และ 3.) บุคคลที่มาสมัครสมาชิกพรรคใหม่ภายในวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาอีกประมาณ 3 หมื่นคน
การต่อสู้ของผู้สมัครทั้ง 3 คน “ดุเดือด” ของจริง ไม่มี “มวยล้ม”
หลายคนกังวลว่าพรรคจะแตก จะซ้ำรอยเหตุการณ์ “10 มกรา 2530” ที่มีการเสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค 2 คน โดยกลุ่มแรก เสนอชื่อ “นายพิชัย รัตตกุล” ส่วนกลุ่มหลัง ของนายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เสนอชื่อ “นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์” จนสุดท้ายที่ประชุมใหญ่เห็นชอบให้นายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค และกลุ่มของนายวีระ มุสิกพงศ์ หรือกลุ่ม 10 มกรา ลาออกจากพรรคในเวลาต่อมา
กว่า 31 ปี หลายอย่างเปลี่ยนไป สมาชิกพรรคที่ได้ดูการดีเบตของผู้สมัครทั้ง 3 คน ก็ซาบซึ้งไปตามๆกัน ไม่ว่าผลการหยั่งเสียงจะออกมาอย่างไร ทุกคนก็ยืนยันจะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
คุณอภิสิทธิ์ หมายเลข 1 บอกเลยว่า “ไม่คิดว่ามีใครกล้าถาม ว่าจะลาออกจากพรรคมั้ย ไม่เคยอยู่ในหัว” คุณหมอวรงค์ หมายเลข 2 ก็บอกว่า “ประชาธิปัตย์คือบ้านของเราอยู่แล้ว” ส่วนคุณอลงกรณ์ หมายเลข 3 นี่มาแนวขำ พูดติดตลกไปเลยว่า “กว่าจะกลับมาได้ วิบากกรรมเยอะจริงๆ” ชัดเจนแบบนี้ก็คงไม่ต้องคิดแล้วว่าใครจะออกจากพรรค
ส่วนบรรยากาศกองเชียร์ของทั้ง 3 เบอร์ ยิ่งแล้วใหญ่ครับ กองเชียร์หมายเลข 1 ก็ฟ้อนรำกันไป กองเชียร์หมายเลข 2 ก็ตีกลองยาว กองเชียร์หมายเลข 3 ก็ร้องเพลง บอกตามตรงเลยว่าเป็นการแข่งขันที่ ดุเดือด จริงจัง แต่สมัครสมาน สามัคคี รักใคร่เป็นที่สุด ดีใจที่ได้เห็นความตื่นตัวทางการเมืองที่มากขึ้นกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากอดีตคือ “วิธีการนับคะแนน” เลือกหัวหน้าพรรค เพราะที่ผ่านมาจะใช้มติของที่ประชุมใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการบริหาร, สส., อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น, ประธานสาขา ซึ่งจะมีอัตราส่วนถ่วงน้ำหนักมากกว่าสมาชิกพรรคทั่วไป
แต่การ “หยั่งเสียง” เลือกหัวหน้าพรรคคราวนี้พิเศษ เพราะ กรรมการบริหารพรรค สส. หรือสมาชิกพรรคทั่วไป ทุกคนก็มี 1 เสียงเท่ากันหมด ไม่มีใครมีสิทธิ์มากกว่ากัน
และพอถึงเวลา 5 โมงเย็นของวันที่ 5 พฤศจิกายน พรรคประชาธิปัตย์จะปิดลงคะแนนหยั่งเสียง นับคะแนนและประกาศผลการหยั่งเสียง ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด จะเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อให้ที่ประชุมใหญ่คัดเลือกเป็นหัวหน้าพรรคในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561
ท้ายสุดนี้ก็ขอให้สมาชิกพรรคไปลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนี่ไม่ใช่เลือกแค่หัวหน้าพรรคเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นแกนหลักสำคัญของการเมืองไทยด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี