ปัญหาราคายางตกต่ำ มักจะโทษกันไปว่า ผลผลิตล้นตลาด ความต้องการขาย (Supply) มีมากกว่าความต้องการซื้อ (Demand) พยายามโทษปัจจัยต่างๆ นานา ตั้งแต่นโยบายในอดีตที่สนับสนุนให้ปลูกยางจนมากเกินไป จนไปถึงเหตุผลว่า “ประเทศจีน” ที่เป็นผู้รับซื้อหลัก เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงลดการซื้อยางจากไทย
ข้อมูลจากสมาคมยางพาราไทย พบว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบความต้องการซื้อกับความต้องการขาย พบว่ายางยัง “ขาดแคลน”ในตลาดโลกถึง 786,000 ตัน นั่นหมายความว่า ราคายางควรจะสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ดูข้อมูลแล้วมันสวนทางกันไปหมด ยางในประเทศล้นตลาดขายไม่ได้ แต่ความต้องการซื้อในตลาดโลกกลับมีมากขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ก็น่าจะเดินเกมรุกมากขึ้น
“ยางพารา” ไม่ใช่พืชที่จะปลูกที่ไหนก็ได้ แต่ปลูกได้ดีเฉพาะโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก และในฐานะประธานสภาธุรกิจยางอาเซียน ก็ควรหารือกับประเทศสมาชิก เพราะทั้งไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม รวมกันแล้วมีส่วนแบ่งเกินกว่าร้อยละ 75 ของตลาดยางพาราโลก ก็ควรใช้อำนาจต่อรองราคากับประเทศผู้ซื้อ อย่างที่เคยทำในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนราคาสูงสุดถึง 180 บาทต่อกิโลกรัม มาถึงรัฐบาลนี้ไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีการจับกลุ่มประเทศดังกล่าวพูดคุยกันเลย
แผนระยะยาวก็ไม่ชัดเจน รัฐบาลควรจะชวนบริษัทยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ มาตั้งฐานการผลิตในไทยเลย ผ่านกลไก EEC ก็ได้ Bridgestone, Michelin, Goodyear ปีนี้กำแพงภาษียางรถยนต์ ระหว่างไทยจีน ได้ถูกทำลายลงเหลือแค่ร้อยละ 5 ตามข้อตกลงการค้าเสรี FTA ไทย-จีน ดังนั้น อย่าคิดแค่ส่งออกยางก้อน ควรส่งออกเป็นยางล้อรถไปเลย ถ้าทำกันจริงจังราคายางพาราพุ่งไปแล้ว
มาตรการช่วยเหลือ ที่รัฐบาลนี้มักจะใช้ คือ ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วง “ปิดกรีด” เพื่อพักต้นยาง รัฐบาลนี้ที่ผ่านมาก็มักจะเข้ามาอุ้มราคายางในช่วงนี้ทำให้ราคาขึ้นชั่วคราวแต่ก็ไม่รู้ประโยชน์ไปอยู่ที่ใครเพราะเกษตรกรเค้าพักกรีดยาง
มาตรการระยะสั้นเดิมๆ คือการจ่ายเงินชดเชยต่อไร่ ปีนี้ก็ไม่ต่างกันครับ ราคายางอยู่ที่ 36 บาทต่อกิโลกรัม รัฐบาลเตรียมงบประมาณกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จ่ายชดเชยให้ไร่ละ 1,800 บาท จะเริ่มจ่ายวันที่ 18 ธันวาคม 2561 นี้ แจกเงินให้ชาวสวนยางก็ดีครับ แต่มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุและทำเพื่อลดแรงเสียดทานเท่านั้น
“ถนนยางพารา” เป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มความต้องการใช้ยางพารา และจะช่วยดึงราคายางให้ขึ้นได้จริง งบประมาณจากรัฐควรถูกใช้เพื่อการนี้ ดีกว่าไปชดเชยราคาต่อไร่ที่ได้ผลเพียงระยะสั้นและไม่ส่งผลต่อราคาที่แท้จริงของยางพารา
ก่อนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้ามา เคยมีการกำหนดราคากลางของสำนักงานงบประมาณไว้เป็นมาตรฐานแล้ว โดยปัจจุบันราคา ผิวทางลาดยางปกติแบบ Asphaltic Concrete อยู่ที่ 227 บาท ต่อตารางเมตร แต่ถ้าเป็นผิวทางลาดยางแบบยางพารา Para Asphalt Concrete จะอยู่ที่ 330 บาทต่อตารางเมตร ราคาห่างกันไม่มาก พร้อมทำจริงได้เลย
มาดูประวัติศาสตร์ ของรัฐบาลนี้ที่ “ทำโชว์มากกว่าทำจริง” ทำให้ราคายางไม่สูง
ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่อำนาจ นอกจากปัญหาเรื่องความมั่นคงแล้ว ปัญหาราคายางพาราตกต่ำดูจะเป็นเรื่องใหญ่ คสช. อนุมัติงบช่วงเดือนกรกฎาคม ให้ใช้ยางธรรมชาติผสมกับยางมะตอยซ่อมแซมพื้นผิวถนนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อมาปี 2558 ปัญหาราคายางตกต่ำยังเกิดขึ้นเช่นเดิม มีมติ ครม. อนุมัติงบช่วยเหลือไร่ละ 1,970 บาทช่วงปลายเดือนตุลาคม พร้อมข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พิจารณานำยางไปสร้างถนนให้มากขึ้น แต่ราคายางก็ยังตกลงต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2559 และปี 2560 - 2561 นายกรัฐมนตรีก็ยังย้ำทุกครั้ง เกี่ยวกับการ ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมทำถนน ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหรือพูดในรายการศาสตร์พระราชา
แต่เรื่องจริง เป็นเพียงเป็นโครงการซ่อมแซมพื้นผิวถนน หรือการนำร่องบางโครงการเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นถนนระยะสั้น ถ้าไม่นับรวมถนนยางพาราหน้าสถาบันวิจัยยาง 500 เมตร จ.ฉะเชิงเทรา ที่ใช้มานานกว่า 16 ปีแล้ว ก็จะมีถนนสายอื่นๆ เช่น ถนนหลังวัดพระธาตุจอมสัก 500 เมตร จ.เชียงราย, ถนนของกรมชลประทาน 3 กิโลเมตร อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ถนนสันเขื่อนประตูระบายน้ำห้วยคาด 1.3 กม. และประตูระบายน้ำห้วยบางบาล 2.4 กิโลเมตร จ.บึงกาฬ, ถนนคันคลองส่งน้ำนาท่อม 4.34 กม. จ.พัทลุง
“ทำโชว์” ไม่ใช่ “ทำจริง” แต่ในใจผมยังเชื่อว่า ท่านนายกฯประยุทธ์ก็อยากให้การทำถนนผสมยางพาราเกิดได้จริง แต่ภาคปฏิบัติยังเป็นลักษณะการสาธิต การทำโชว์มากกว่า ถ้าจะทำจริงต้องสั่งการเด็ดขาดครับ เพราะยังมีโครงการทำทางหลวงอีกมากมายทั่วประเทศ ราคากลางก็มีอยู่แล้วห่างกับราคาถนนปกติไม่มาก ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่รัฐบาลจะล้วงลึกไปถึงสเปกของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ถ้าทำได้จริง ราคาพุ่งแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี