ใครติดตามการเมืองไทยมานานจะทราบดีว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลยที่เห็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ผมแถมเพิ่มให้ว่า เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชียอย่าง “ประชาธิปัตย์” เลือกที่จะเปิดตัวนโยบาย “การศึกษา” ก่อนเป็นนโยบายแรก
ประชาธิปัตย์ เรียกว่าแทบจะเป็นพรรคเดียวก็ว่าได้ที่วันๆ ไม่ได้หมกมุ่นอยู่แต่นโยบายแนว “ประชานิยม” ลดแลกแจกแถม ไม่ได้คิดนโยบายโดยเอาลูกค้าหรือประชาชนเป็นตัวตั้งว่า จะได้กำไรกี่หัว หัวละกี่คน แบบพรรคการเมืองสายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย แต่จริงๆ เน้นเข้ามากอบโกยคืนทุนเสียมากกว่า การเน้นหาเสียงที่นโยบายที่เห็นผลระยะยาวยั่งยืนคือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำได้ดีเรื่อยมา
ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกขอบคุณนโยบายนมโรงเรียนอยู่ในใจ ที่ทำให้เราตัวโตกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาค เมื่อก่อนไม่เคยสังเกตนะครับว่า ทำไมไปเพื่อนบ้านรอบๆ แล้วเขาตัวเล็กกันจัง ผอมกันจัง แต่คนไทยเรากลับตัวสูง ตัวใหญ่ (หลังๆ อ้วนน้ำหนักเกินไปก็เยอะ อันนี้อีกเรื่องนึง ภาษีน้ำตาลเอย อะไรเอย น้ำหวานนี่ก็ตัวดีมีให้ว่ากันต่อไปได้ยาว แต่ก็ขอพักไว้ก่อน) เรื่องนมโรงเรียนนี่ตอนที่ประชาธิปัตย์ทำโครงการนี้มันเหมือนนโยบายเล็กๆ แต่ผลที่ตกแก่คนไทยมันเห็นผลในระยะเวลากว่าทศวรรษ คนรุ่นผมตัวโตกว่ารุ่นพ่อแม่ คนรุ่นพ่อแม่ตัวโตกว่ารุ่นปู่ย่าตายาย ถ้าตอนนั้นเน้นแจกๆ เหมือนพรรคอื่นๆ ก็คงไม่มีคนไทยที่แข็งแรงทั้งร่างกายและสมองไว้สร้างชาติกันพอดี
“เรียนฟรี” นโยบายหลักเรื่องการศึกษาในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ แม้ว่าจะมีเสียงบ่นในเรื่องที่หลายสถานศึกษาชอบเก็บเพิ่ม แต่นั่นคือส่วนที่นอกเหนือจากเรื่องการศึกษาพื้นฐานที่รัฐบาลดูแลให้ เช่น ค่าเรียนคอมพ์ ค่าครูต่างประเทศ ความจริงในอีกแง่หนึ่งปัญหานี้คือช่องทางหนึ่งที่โรงเรียนมักหารายได้เพิ่มให้ตัวเอง ส่วนนี้ก็คงต้องแก้ไขกันต่อไปเพื่อให้การเรียนฟรีขั้นพื้นฐานแบบมีคุณภาพนั้น เกิดขึ้นจริงในที่สุด
เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ วันนี้เมื่อเวลา 10.30 น. คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคุณกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคฯ ด้านนโยบาย ที่ทำงานในช่วงปิดเทอมการเมืองซุ่มทำนโยบายมาโดยตลอด ได้ร่วมกันกับทีมนโยบายชุดใหม่ ประกาศ “นโยบายการศึกษา” ประเดิมนโยบายแรกเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง มุ่งเน้นการพัฒนาเด็กและเยาวชนตาม 7 เป้าหมายหลัก คือ สุขภาพแข็งแรง มีคุณธรรม มีวินัย มีทักษะคิดวิเคราะห์ มีทักษะภาษา มีทักษะชีวิต และมีทักษะในการใช้เทคโนโลยี
ทั้ง 7 ข้อนี้คือคุณสมบัติของคนไทยในยุคใหม่ที่จะทำให้คนไทยก้าวไกลทันโลกได้
พร้อมแก้ 3 ปัญหาหลัก คือ คุณภาพเด็กปฐมวัย การขาดทักษะทางภาษา การขาดทักษะทางอาชีพที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งระบบ
ย้ำจุดยืนเดิมของพรรคเรื่องการกระจายอำนาจ ด้วยการการกระจายอำนาจการจัดการศึกษา ให้ตรงไปที่โรงเรียน เพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชน
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดคือ นโยบายการศึกษามักเน้นไปที่การเรียนเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อให้ได้มาแค่ “วุฒิการศึกษา” พูดให้แรงคือ กระดาษแผ่นเดียว แล้วเอาวุฒิฯ ไปต่อรองเงินเดือน แต่ทำงานเป็นกันมั้ย ผู้ประกอบการทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปริญญาตรีใหม่ๆ นี่เหนื่อยหน่ายมาก เพราะต้องทุ่มเทเรียนในสิ่งที่ไม่ตรงกับความถนัดของตัวเอง และแย่กว่าเดิมคือได้ทักษะที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดอีก เจ๊งสองเด้ง ทั้งในแง่การทำมาหารายได้ของประชาชน และในแง่ทรัพยากรมนุษย์ของชาติ
ทีนี้เรามาดูนโยบายหลักด้านการศึกษาของพรรค ที่จะปรากฏในแถลงข่าวของพรรคตอนสายๆ วันนี้ครับ เท่าที่ผมเห็นคือ เน้นตั้งแต่แรกเกิด ดูแลอย่างเข้มข้นในช่วงปฐมวัย ช่วงที่งานวิจัยก็ระบุออกมาแล้วว่า “สำคัญที่สุด” ในการพัฒนามนุษย์ เราหลงทางไปง่วนอยู่กับระดับอุดมศึกษากันมานานเกินไปแล้ว แต่เราลืมปรับฐานของเราให้แข็งพร้อมที่จะสู้ในทุกสมรภูมิ
ธีมสำคัญอีกอย่างในชุดนโยบายศึกษาของประชาธิปัตย์ครั้งนี้คือการเน้น “ทักษะ” และแน่นอนเป็นทักษะในการทำมาหาเลี้ยงชีพ สร้างรายได้ เสริมโอกาสให้คนติดอาวุธออกไปสู่โลกภายนอก คนไทยจะเข้มแข็งขึ้นได้จริงๆ เชื่ออย่างนั้นจริงๆ ครับ เราไม่เคยแพ้ใครในโลกเลย เว้นแต่เราทำร้ายกันเองด้วยนโยบายฉาบฉวย ว่าจะไม่ข้ามไปแตะเรื่องอย่าง แท็บเลตแล้วเชียว.. แต่ก็นั่นแหละครับ เข้าเรื่องกันเลย
8 นโยบายหลักด้านการศึกษาของพรรคประชาธิปัตย์
1.เกิดปั๊บ รับสิทธิ์เงินแสน สนับสนุนเบี้ยอุดหนุนเด็กปฐมวัย ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งอายุ 8 ปี โดยรัฐจ่ายเดือนละ 1,000 บาท จนครบ 8 ปี เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเด็กตั้งแต่แรกเกิด
2.ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วไทย สนับสนุนสถานดูแลเด็กปฐมวัยที่ได้มาตรฐานในชุมชน รองรับเด็กอายุ 3-5 ปี จำนวน 3 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อเด็กมีการพัฒนาเติบโตในทุกด้านทั้งทางสมอง ร่างกาย จิตใจและอารมณ์
3.อาหารโรงเรียนฟรี มีคุณภาพ เช้า-กลางวัน สนับสนุนค่าอาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรี ให้กับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านสถานศึกษา โดยมีนักโภชนการจัดเตรียมเมนูอาหาร คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่นักเรียนควรได้รับ
4.เด็กทุกคนพูดอังกฤษได้ จัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษทุกระดับชั้น เริ่มตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล โดยเน้นทักษะการสื่อสารโดยเฉพาะพูดและการฟัง พร้อมส่งเสริมให้มีการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อนำไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ของสังคมไทย
เรื่องนี้ขอเน้นหน่อย หลายคนจำได้คอลัมน์ของเราเคยพูดถึง English For All โครงการที่ฝึกเด็กโรงเรียนชายขอบที่พิษณุโลกที่คุณกรณ์ และหมอวรงค์ร่วมกันสร้างมา 4-5 ปีก่อน จนตอนนี้เด็กโรงเรียนนี้มีคะแนนภาษาอังกฤษ และส่งผลไปคะแนนรวม สูงกว่าเฉลี่ยประเทศเป็นแกนนำในจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โมเดลแบบนี้แหละครับ ที่มาจากการคิดเอง ลงมือจริง ทำแล้วเห็นผลทันที และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายของจริง เม็ดเงินงบประมาณก็ตรงเป้าไม่รั่วไหล
5.เรียนฟรีถึงปวส. จบแล้วมีงานทำ จัดให้มีการเรียนฟรีมีคุณภาพ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอาชีวศึกษาในระดับปวส. พัฒนาระดับฝีมือ ทักษะการทำงานจริง เพื่อผลิตบุคลากรให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
เราหลงทางกันมามากแล้วครับ ญี่ปุ่น กับเยอรมนี พ่ายแพ้สงครามหนักหนาสาหัสมาก แต่กลับมาสร้างชาติได้ด้วยการฝึกทักษะในประเทศแบบนี้แหละ ไม่ใช่การผลิตผู้จัดการเยอะๆ แต่ไม่มีคนลงมือทำงานจริงเก่งๆ เลย
6.การศึกษาตลอดชีวิต คูปองฝึกทักษะสำหรับผู้ใหญ่ แจกคูปองฝึกทักษะ และส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติมทักษะในด้านต่างๆ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย ให้ทันสมัยและทันต่อความเปลี่ยนแปลง เพิ่มโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ
7.คืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เช่น งานธุรการ และปรับวิธีการประเมินครู โดยใช้คุณภาพของนักเรียนเป็นตัวชี้วัดผลงานของครู
8.เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาการเรียนให้มีประสิทธิภาพ ปรับหลักสูตรให้ทันยุคทันสมัย เช่น มีหลักสูตรเรื่องการเขียนโปรแกรม (Coding) เพื่อเพิ่มทักษะทางเทคโนโลยีให้เยาวชน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงครูกับนักเรียนผ่านพื้นที่กลางออนไลน์ ทั้งการเรียน การสอน การสอบ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สุดท้ายมีการตอกย้ำอีกว่า..พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญต่อการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหลักมาโดยตลอด พรรคเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หากคนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาที่ดีมีเงินอุดหนุนตั้งแต่ปฐมวัย มีศูนย์เด็กเล็กที่มีคุณภาพ จะเป็นการสร้างรากฐานใหม่ให้แก่ทรัพยากรมนุษย์ของไทย
เมื่อโตขึ้นมาคนไทยจะมีทักษะในการหาเลี้ยงชีพเป็นหลักมิใช่เพียงการได้วุฒิมาแต่ทำมาหากินไม่ได้ รวมไปถึงทักษะทางภาษาที่มีส่วนอย่างมากในการเปิดช่องทางโอกาสสร้างรายได้ และพรรคยังมั่นใจมากว่า การศึกษาไม่มีวันจบ สำหรับผู้ใหญ่ที่ผ่านการศึกษาพื้นฐานมาแล้วจะได้โอกาสใหม่ในการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกและประเทศไทยในอนาคต
ท่อนจบใน Press Release อันนี้ผมซื้อเลยครับ.. พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่ร่วมสร้างประเทศไปกับคนไทยทุกคน เพื่อนร่วมชาติที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนโยบายที่เน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเรา
เรามาถึงยุคที่จะเลือกพรรคไหนจากนโยบายจริงจังแล้วล่ะครับ ต้องพิจารณาให้ดีกับการเลือกแค่คนที่ถูกใจ หรือเลือกคนที่ตรงข้ามกับคนที่เราไม่ถูกใจ พิจารณาให้ลึกในเชิงนโยบายว่า
อันไหนคิดมาแล้ว ทำได้จริง ไม่เพ้อฝัน ไม่เป็นภาระงบประมาณ ไม่สักแต่ประชานิยม จริงใจ เรามาช่วยกันเลือกพรรคนั้นครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี