“การหายตัวเป็นและล่องหนได้” เป็นความสามารถพิเศษของปัจเจกบุคคล ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตำนานใดๆ หรือจากมหากาพย์เรื่องไหนว่า “มีตระกูลใด ล่องหนได้ทั้งครอบครัว”

ดูอย่าง “ขุนแผน แสนสะท้าน” ในวรรณคดียอดดังของไทย เป็นต้น ก็มี “ขุนแผน” คนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเป่ามนต์คาถาให้ “กำบังตนล่องหนได้”

ในขณะที่ “ขุนไกร” ผู้เป็นพ่อและ “นางทองประศรี” ผู้เป็นแม่ของขุนแผน ต่าง “ล่องหนไม่เป็น และหายตัวไม่ได้”

จู่ๆ วันนี้ได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ โดยมีผู้คนในตระกูล “ท่านตะขิ่นบ้านไกล” ที่ทุกคนในตระกูลนี้ต่าง “ล่องหนได้” และ “หายตัวเป็น” อย่างไม่น่าเชื่อ

แม้ “ท่านตะขิ่นบ้านไกล” ที่ปัจจุบันมีอาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์ขยันเดินทางสำรวจโลก จะไม่เคยแสดงอภินิหารด้วยการ “ล่องหน” ให้ใคร “อ้าปากหวอ” แต่ก็มีน้องสาวคนเล็กที่ชื่อ “นางพญาผมเป๊ะ” หรืออีกฉายา “อาซ้อน้ำตาสั่งได้” เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ กลายเป็น “มนุษย์ล่องหน” เดินผ่านสายตานับร้อยคู่ที่ด่านชายแดนโดยไม่มีใครเห็น จนกลายเป็นข่าวใหญ่คนไทยทั้งประเทศต่าง “อ้าปากค้าง” แมลงวันบินเข้าปากเป็นฝูงๆ

หลังจาก “นางพญาผมเป๊ะ” ได้สร้างปาฏิหาริย์จนกลายเป็น “ตำนานที่ต้องจารึก” จู่ๆ พี่สาวคนโตของชีผู้ได้ฉายา “อาซ้อหน้าซาลาเปา” ก็ได้แสดงวิชาอาคมอันสุดขลัง กลายเป็นมนุษย์ล่องหนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ “การล่องหน” เป็นเรื่อง “เม้าท์กันกระจุย คุยกันกระจาย” ในหมู่คนไทย

ล่าสุด “จอมลอกข้อสอบ” บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านนักวิทยาศาสตร์ขยันเดินทางสำรวจโลก ก็ได้กลาย “เป็นมนุษย์ล่องหน เหมือนป้าเหมือนอา” อย่างเท่ๆ

จึงสรุปได้ว่า “นี่คือสิ่งอัศจรรย์เหนือฝัน” ที่คนทั้งตระกูลต่างได้กลายเป็น “มนุษย์ล่องหน” คล้ายกันทั้งตระกูล

อีกทั้งจารึกไว้ในตำนาน แม้แต่เลขาฯ ส่วนตัวของ “แม่ใหญ่” และสามีของเลขาฯคนดังกล่าวก็พลอยเป็น “มนุษย์ล่องหน” ได้อย่างนายด้วย

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม