1. ภาพด้านบนนั้น เป็นภาพข่าวต่างประเทศ เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศส ใช้กำลังพลทหารเข้าประจำการที่กรุงปารีส ย่านฌองส์ เอลิเช่ รวมถึงตามหัวเมืองทางตอนใต้ คือ เมืองนีซ เมืองตูลูซ และเมืองบอร์กโดซ์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย สืบเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลรายสัปดาห์ ทุกวันเสาร์ ของขบวนการเสื้อกั๊กสีเหลือง นับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปีที่แล้ว
สภาพบ้านเมืองฝรั่งเศสนั้น ดูไม่จืดเลยทีเดียว
มีร้านค้าถูกเผา ถูกปล้นสะดม ทุกสัปดาห์
สัปดาห์ที่แล้ว เฉพาะในบริเวณ ย่านฌองส์ เอลิเช่ มีการเผาทำลายและปล้นสะดมร้านค้าเกือบ 100 แห่ง
จนในที่สุด ฝรั่งเศสก็ต้องใช้ทหารออกมาปฏิบัติการ ซึ่งปกติจะเป็นตำรวจ
ขณะเดียวกัน ตำรวจนครบาลกรุงปารีสออกแถลงการณ์ว่าย่าน ฌองส์ เอลิเช่ คือ “เขตปลอดกิจกรรมทางการเมือง” ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกจับกุมและรับโทษตามกฎหมาย ทั้งจำทั้งปรับ
นี่ถ้าเป็นบ้านเรา คงจะมีนักวิชาการหัวก้าวหน้า เรียนจบฝรั่งเศส ออกมาดูแคลนประเทศไทยว่าใช้กำลังทหารในเรื่องการเมืองอย่างนี้ ได้อย่างไร? ช่างล้าหลัง กะลาแลนด์ ละทหารกลับกรมกองไปเสีย ทหารมีไว้ทำไม ฯลฯ
2. สถานการณ์บ้านเรา หลังการเลือกตั้ง จะยังคงสงบเรียบร้อยอยู่ไหม?
เชื่อว่า สถานการณ์เมืองไทย หลังการเลือกตั้ง ในระยะสั้น น่าจะไม่เลวร้าย
เพราะเรากำลังจะเข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นเสาหลักของประเทศไทยมาตลอด
คงไม่มีใครออกมาป่วน ในยามมหามงคลเช่นนี้ รวมไปถึงช่วงหลังพระราชพิธีที่จะต้องเป็นช่วงเวลาที่ประเทศชาติได้มีความสุขกับช่วงเวลาสำคัญของการผลัดแผ่นดินมาสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 10 อย่างสมบูรณ์แบบ
หรือถ้าใครออกมาป่วน ก็คงมีเจตนาร้ายต่อสถาบันอยู่เบื้องหลัง
เชื่อว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และพสกนิกรคนไทย “ยอมไม่ได้แน่ๆ”
และคงได้เห็นการให้บทเรียนแก่คนที่ป่วน รวมคนจ้างวาน คนบงการ ไปเจ็ดชั่วโคตร
3. หากหลังเลือกตั้ง สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ
ปัจจัยปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดจะเป็นเหมือนเวเนซุเอลา ยังห่างไกลมาก ที่เดือดร้อนหนักสุดก็คงเป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชผลราคาตกต่ำบางตัว ซึ่งก็สามารถจะหาแนวทางช่วยเหลือกันได้อยู่แล้ว ส่วนระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัด การลงทุนจากต่างประเทศ ฯลฯ ล้วนแต่มีสัญญาณบวกทั้งสิ้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดจลาจลจากปัญหาพื้นฐานเศรษฐกิจจริงๆ
ส่วนการเมือง ไม่ว่าจะเป็นไปในทางใด บ้านเมืองล้วนแต่มีทางออกในระบบ โดยไม่ต้องมีการก่อจลาจล
ยกตัวอย่าง ถ้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็คงตายตกไปเองเมื่อกฎหมายงบประมาณแท้งกลางสภา หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นต้น
หากยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาล คสช. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับมีอำนาจมาตรา 44 อยู่ในมือต่อไปด้วย
4. ที่น่าจับตา คือ การเข้าไปเล่นการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรของ สส.จากพรรคอนาคตใหม่
จะใช้สถานการณ์เป็น สส. และกลไกที่มีอยู่ ดำเนินการอะไรเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตามที่ประกาศเอาไว้ โดยอาจจะรวมถึงหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยหรือไม่?
อย่าลืมว่าเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ว่าที่ สส.ป้ายแดง ก็คือ อดีตแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวโจมตีบั่นเซาะบทบาทและอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด
ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เคยแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อย่างรุนแรง อาทิ โจมตีว่าสถาบันกษัตริย์ต้องปรับตัวให้เป็นเพียงหน่วยทางการเมืองหน่วยหนึ่ง ทำให้กษัตริย์ไม่สามารถใช้อำนาจใดๆ ไม่อนุญาตให้กษัตริย์แสดงพระราชดำรัสสดต่อสาธารณะ และต้องสาบานต่อรัฐสภาในฐานะประมุข เป็นต้น
ไม่ว่าจะแก้ไขสำเร็จหรือไม่ แต่ที่น่าจับตาเพราะจะกลายเป็นเชื้อให้เกิดการเคลื่อนไหว โจมตีสถาบันสำคัญนอกสภา บนท้องถนน หรือตามสื่อสังคมออนไลน์ หรือไม่? แล้วอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
5.สุดท้าย บ้านเมืองเราจะผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดี
หากทุกฝ่าย ทั้งประชาชน นักการเมือง พรรคการเมือง สส. สว. องค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย องค์กรในระบบยุติธรรมของบ้านเมือง รวมทั้งผู้รักษากฎหมายบ้านเมืองทั้งหลาย น้อมนำสิ่งนี้มาสู่การปฏิบัติจริง
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม สำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศสำนักพระราชวัง มีใจความว่า
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลขาธิการพระราชวังอัญเชิญพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2512 ความหนึ่งตอนว่า
“ขอให้ทราบถึงสิ่งสำคัญในการปกครองไว้ว่าในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การ
ส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
ทั้งนี้ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนในชาติ ตลอดจนข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศชาติและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ได้ทบทวนและตระหนักถึงพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานไว้ ด้วยทรงมีความห่วงใยในความมั่นคงของประเทศชาติ ความรู้สึกและความสุขของประชาชน จึงได้พระราชทานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นการเตือนสติ ให้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสมัครสมานสามัคคี ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง และความสุขของประชาชน เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงรักและห่วงใยในชาติบ้านเมืองและประชาชนมาโดยตลอด”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี